มารยาหญิง รู้ไว้ไม่เสียหาย เคล็ดลับกลเม็ดสุดเด็ดพิชิตใจผู้คน

ปฎิเสธไม่ได้เลยนะคะ ว่าผู้หญิงเราในยุคสมัยปัจจุบันนั้นมีทั้งความเก่งและความเพียบพร้อมไม่น้อยหน้าผู้ชายเลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้สาวๆ เราพัฒนามาได้ใกลถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสติปัญญา ความงาม ความสามารถต่าง ๆ ภายใต้ความสำเร็จเหล่านั้นก็ยังมีสิ่งที่น่าหลงไหล ลึกลับ น่าค้นหา ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของผู้หญิงเราเลยล่ะค่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรขาดเลย นั่นคือ มารยาหญิง หลายคนเจอคำนี้อาจจะรู้สึกไม่ชอบ หรือประหลาดใจพิกล ไม่ต้องแปลกใจแต่อย่างใดค่ะ เพราะ มารยา นี่แหละที่เป็นเสมือนพรสวรรค์ของสาวๆ เพียงแต่เราเข้าใจถึงสิ่งนั้นได้มากแค่ไหน และรู้จักใช้ประโยชน์จากมันอย่างไรก็เท่านั้นเอง ในความหมายของ ความมารยา นั้นก็มีหลายแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป ในที่นี้เราจะนำมาใช้ในเรื่องของความรัก การสานต่อความสัมพันธ์ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แฟน เพื่อน หรือคนอื่นๆ แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ ถึงจะใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่เกิดนี้ได้


ทำความเข้าใจในความเป็นไปของทุกคนทีมนักวิจัยในสหรัฐ ยืนยันว่าในการทำงานทางสมองนั้นผู้หญิงเรานั้นใช้ทั้งสองซีก ในขณะที่ผู้ชายใช้เพียงซีกซ้าย มาทำความเข้าใจการทำงานของสมองง่ายๆก็คือ ซีกซ้ายคือเหตุผล ส่วนซีกขวาคือความรู้สึกนั่นเอง นั่นหมายความว่าในกระบวนการรับรู้ต่างๆ สาวๆ เราสามารถคิดได้หลายแง่มุม จึงทำให้เพศหญิงมีความละเอียดอ่อน

ในส่วนนี้ถือเป็นโอกาสที่จะใช้ความสามารถในการเข้าถึงทุกคน ทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ รอบข้าง หรือใส่ใจกับทุกคนนั่นเอง ผลดีก็คือ ทำให้เรารู้เท่าทันต่อสถานการณ์ต่างๆ และสามารถรับมือได้ทัน เช่น เราเจอคนที่ใจร้อน เมื่อเวลาที่เราต้องปะทะกับเขา หรือขัดแย้งอะไรกันก็ควรจะคำนึงถึงนิสัยของเขาไว้ให้ดี ใช้วิธีตอบสนองให้ประณีประนอมที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง หรือทะเลาะวิวาท ไม่เพียงแต่จะไม่เจ็บตัวเท่านั้น ภาพลักษณ์เราก็ไม่เสียด้วย แถมยังดูเป็นคนสุภาพอีกต่างหาก



รอยยิ้ม  ความเข้มแข็งจากภายใน ความอ่อนโยนต่อผู้คนเพศหญิงเรามักถูกมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอ ซึ่งอาจจะจริงในเรื่องของสรีระเท่านั้น หัวใจของเราจะต้องไม่อ่อนแอตามไปด้วย ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ไหนๆ สาวๆ จงจำไว้ว่า การร้องไห้ โมโหแล้ววีน เหวี่ยง ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ในการทำงานร่วมกันกับผู้คน เมื่อต้องเจอสภาวะที่กดดันจงยิ้มเข้าไว้ ' รอยยิ้ม ' คือกระจกสะท้อนความอ่อนโยนของมนุษย์ และเป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน อีกทั้งยังสร้างกำลังใจให้ผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เท่านี้แล้วการทำงานก็จะราบรื่นขึ้นเยอะ



การสงสัย ทำเป็นไม่รู้เสียบ้าง เพื่อต่อยอดการสนทนากับคนอื่นง่ายๆ คือการ ' แกล้งโง่ ' ให้เป็น บางเรื่องเรารู้จักมันเป็นอย่างดี แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ทุกเรื่องมักมีแง่มุมอื่นเสมอ หรือเมื่อไม่รู้ว่าจะเริ่มคุยอย่างไร การเริ่มต้นที่จะถามนั้นเป็นการเริ่มบทสนทนาที่ดี ในเวลาที่เราเจอคนที่ไม่ได้สนิทกัน การเป็นฝ่ายเริ่มต้น และเข้าหาก่อน ก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงเรา ในระหว่างนั้นเราก็อาจจะจับประเด็นที่คุยเพื่อแสดงความคิดเห็นไปบ้าง แต่อย่าเผลอเม้าท์เพลินจนลืมตัวล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไปสร้างความรำคาญให้เขาเอา หลายคนมักอยากพูดเรื่องของตัวเองลองถามเรื่องราวของพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ ก็ได้


เสียงหวานๆ ค่อยๆ พูด เลี่ยงการใช้ ' คำหยาบ ' ให้น้อยที่สุดข้อนี้สำคัญมากๆ รู้เอาไว้นะจ๊ะสาวๆ ว่า การโหวกเหวก พูดขวานผ่าซาก ไม่ใช่ความจริงใจ เรามักจะเจอการใช้คำว่า ' จริงใจ ' เป็นข้ออ้างของผู้หญิงที่ไม่รู้จักกาลเทศะ จะทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจสาธารณะ เวลาเราอยู่ข้างนอกบางทีเราก็คงจะไม่ชอบคนพูดจาเสียงดัง เช่นเดียวกันกับหลายๆ คนที่ไม่ได้รู้สึกยินดีกับการที่มีคนมาพูดตะเบ็งเสียงใส่ เพราะฉะนั้นการที่สาวๆ เกิดมามีเสียงที่เล็กแหลม ไพเราะก็ควรพูดให้เพราะเข้าไว้นะ


น่าเสียดายนะคะที่บางคนเลือกมองความมารยาเป็นสิ่งไม่ดี การใช้จริตแบบผู้หญิงให้เกิดประโยชน์สูงสุดและชนะใจทุกคนได้นั้น กลับเป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนเห็นว่าไม่ควรทำ บ้างก็ตีความหมายว่า ' แรดเงียบ ' หรือ ' ไม่จริงใจ ' ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย สาวๆ ไม่ควรคิดว่าการซื่อตรงต่อความรู้สึก หรือการแสดงพฤติกรรมอะไรก็ได้อย่างใจนึกคือความ ' จริงใจ ' เพราะในบางครั้งที่สาวๆ อาจต้องอยู่ในบริบทที่หลากหลาย

การกระทำเหล่านั้นถ้าใช้ไม่ถูกที่อาจกลายเป็นความ ' หยาบคาย ' ที่ไม่เข้ากับกาลเทศะ ซึ่งความอ่อนหวานของเรานี่แหละที่จะทำให้เราสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ทุกที่ อีกทั้งยังดูเป็นมิตรกับทุกคนด้วย ไม่แน่บางทีการอ่อนหวานให้เป็น อาจเป็นความฉลาดที่สุดในการเอาตัวรอดของผู้หญิงเราเลยก็ว่าได้