BE MAGAZINE : กรกฏาคม 2554
Cover Story
เรื่อง : กิตติพจน์ อรรถวิเชียร / ภาพ : สุดสาย สังหาร / ประสานงานปก : รัตติกาล พูลสวัสดิ์
ผู้ช่วยช่างภาพ : นวมินทร์ กุลประดิษฐ์ / เรียบเรียงเทป : นันท์นภัส กุมานนท์
คนหนุ่มสาวมักครุ่นคิดและพยายามหาเหตุผลในการมีชีวิตในเเต่ละขั้นตอนตลอดเวลา มีครั้งไหนสักครั้งหรือจังหวะไหนของช่วงชีวิตของคนหนุ่มสาวสามารถเปล่งเสียงดังๆ บอกโลกให้ได้รับรู้ถึงการได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าเเล้วหรือยัง แต่ทว่านั่นอาจไม่ไช่สาระสำคัญ เพราะถึงที่สุดเเล้วสิ่งที่คนหนุ่มสาวควรคำนึงถึงมากกว่า น่าจะเป็นการก้าวข้ามความสุขงอมของแรงขับเคลื่อนภายในจิตใจ ความมุ่งมั่นพยายามเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน และเรียนรู้เพื่อเติบโตและเปลี่ยนผ่านเป็นคนใหม่ที่เข้าใจอะไรมากขึ้น โจอี้ บอย หรือ อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ชายผู้มีชีวิตคุ้มค่าในทุกช่วงวัย เมื่อเขาคว้าไมค์เขาเป็นแร็ปเปอร์เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย แต่เมื่อเขาอยากหันมาเล่นกีฬาเขาก็ไม่หวั่นต่อความกลัวในใจ จากผู้ชายที่กลัวความสูงกลับคว้าแชมป์ร่มบินระดับประเทศ ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาครอง ความชัดเจน ชื่อเสียง เกียรติยศ คงยากชี้ชัดด้วยความเห็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ เขามีบุคลิกลักษณะของคนหนุ่มที่ได้ใช้ชีวิตได้อย่างสนุก รสชาติหอมหวานแบบนี้ไม่ใช่แค่โจอี้บอยเท่านั้นที่ทำได้ เราๆ ท่านๆ ก็ทำได้ แค่ทำมัน
คุณกำลังสนใจอะไรบนท้องฟ้า
แรกเริ่มเลย ผมเป็นคนกลัวความสูง ผมกลัวเครื่องบิน ผมเลยตั้งใจจัดการกับความรู้สึกของผม วิธีที่จะเอาชนะมันได้ เราจะต้องเรียนรู้ ส่วนมากคนจะกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ ทางที่ดีที่สุด คือ เราต้องรู้มันให้ได้ ก็เลยตัดสินใจ มุ่งมั่นเรียนรู้ให้ได้ เพราะผมเล่นคอนเสิร์ตที่เชียงใหม่ ผมต้องขับรถไป
คุณไม่นั่งเครื่องบินเลย
ไม่นั่ง ถ้าไม่จำเป็นจะไม่นั่งเครื่องบินเลย รู้สึกกลัว
มันมีเหตุการณ์อะไร ที่ทำให้คุณต้องกลัวความสูง
ผมไปเรียนกระโดดร่มแล้วเครื่องบินที่พาไปอาทิตย์ต่อมามันตก ผมไม่ได้เจอกับตัวเองนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ฉิบหายแล้ว ตอนแรกเวลาขึ้นเครื่องแค่เสียว ถ้ามีร่มมันคงไม่น่ากลัว แต่เมื่อรู้ว่าเครื่องบิน
ยังร่วงมาได้ ฝังใจเลย ประมาณสิบปีที่แล้ว ก็เลยกลัวการนั่งเครื่องบิน
คุณรู้สึกว่าถ้ามันแก้ไขเรื่องความปลอดภัยได้ เราไปเรียนรู้ด้านนั้นเลยดีกว่า
ใช่ รู้ให้เข้าใจ เป็นไปได้ก็ขับเองเลยดีกว่า
อะไรทำให้คุณจริงจังขนาดเล่นพารามอเตอร์ระดับชาติ
ชีวิตผมอยากเป็นนักกีฬามากกว่าการเป็นนักร้อง ผมเล่นกีฬามาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุสิบสาม ผมเล่นกีฬาไอซ์ฮอกกี้ กีฬาพิลึกพิลั่นที่ไม่น่าเป็นผม ผมเล่นไม่เก่ง แต่ได้อยู่กับทีมที่เป็นแชมป์รุ่นจูเนียร์
คล้ายกับเยาวชนทีมชาติ
ใช่ มีชื่อทีมว่า "ริว" ผมไม่ได้เล่นเก่งอะไร ชีวิตก็อยู่กับด้านกีฬามาเรื่อยๆ แล้วก็เปลี่ยนมาเล่นเวคบอร์ด สเก็ตบอร์ด อะไรอย่างนี้ ถ้าเป็นเวคบอร์ดผมคุยได้เลยว่า ผมเป็นคนแรกในประเทศไทยที่ตีลังกาได้ แต่ทุกอย่างก็หยุดไปเมื่อเป็นนักร้อง เพราะกีฬาแต่ละประเภทที่ผมเล่นเป็นกีฬาที่เจ็บตัวมาก เมื่อมุ่งมั่นทำดนตรี เวลาทัวร์คอนเสิร์ตจะเจ็บตัวไม่ได้
ก็ดูแลความปลอดภัยตัวเองมากขึ้น
ใช่ แต่ความฝันจริงๆ ก็คือ กีฬา
คุณได้อะไรบ้างจากการเป็นนักกีฬาในช่วง 4-5 ปีนี้ที่คุณมาลุยอย่างเต็มที่
เรียกว่าสุดยอด ผมเป็นคนชอบเอาชนะตัวเอง ผมชอบการแข่งขัน อาชีพที่ผมทำ คือการทำดนตรี มันไม่มีการแข่งขัน งานประเภทศิลปะมันแข่งขันกันไม่ได้ มันจะตัดสินกันอย่างไร มันไม่ใช่กีฬาที่จะซัดกัน และวัดกันได้เลย
เรื่องของความนิยม ไม่ได้ถือเป็นการแข่งขันใช่ไหมครับ
ไม่นะ ความนิยมเป็นผลพลอยได้ การทำเพลง การวาดภาพ การเขียนหนังสือ การทำหนัง เป็นศิลปะที่ไม่สามารถวัดจากการโหวตได้ ความเป็นศิลปินมันวัดจากแรงโหวตไม่ได้หรอก ก็คงเป็นกีฬาที่นำมาเติมเต็มในช่วงที่รู้สึกอยากแข่งขัน แข่งกับตัวเองด้วย เพราะคิดว่าอายุสามสิบกว่าจะไปเล่นอะไร เปตองหรือครับ
หากีฬาอะไรที่เหมาะกับสภาพร่างกาย ที่สามารถสู้เขาได้ดีกว่า
คุณมองเห็นอะไรจากที่สูงเหมือนนกเหมือนวิวภาพแบบ Bird's-eye view
ถ้าเป็นพารามอเตอร์ ไปมาหมดแล้ว
มันมีมิติที่แตกต่างกันใช่ไหมครับระหว่างพารามอเตอร์กับเครื่องบินที่คุณชอบตอนนี้
พารามอเตอร์จะช้าและบินไม่สูงมาก เครื่องบินเมื่อบินปุ๊บก็จะเป็นเหมือน Google Earth เลยมองจากมุมที่สูงกว่า บินต่ำไม่ได้ พารามอเตอร์จะไหลล่องลอยเหมือนคอปเตอร์ไม้ไผ่ ถ้าใช้เพื่อการท่องเที่ยว ขับพารามอเตอร์จะดีกว่า แต่ถ้าใช้ในการขนส่ง หรือบินไปไกลๆ ใช้เครื่องบินเล็กเร็วกว่าเยอะ
คุณได้ปรัชญาอะไรจากการบินในที่สูง
ความรู้สึกทุกครั้งที่ขึ้นบินมันเหมือนว่าทุกอย่างอยู่ในมือเราแล้ว เมื่อขึ้นไปและลงมาได้ ก็รู้สึกโล่งใจไปอีกครั้งหนึ่ง
แต่ก็มีอุบัติเหตุให้เราได้เห็นบ่อยครั้ง ทั้งนักบิน หรือแม้แต่ครูฝึกเอง คุณรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์เช่นนี้
เวลาที่เราอยู่บนฟ้าไม่ใช่แค่เรากระโดดขึ้นไป ข้อควรระวัง ความปลอดภัยและทุกอย่างต้องเป๊ะ มีอะไรผิดพลาดสองสามอย่าง หรือกำลังจะชนกัน ต้องใช้ดวงวัดกันแล้ว มันทำอะไรไม่ได้มากเมื่อขึ้นไปอยู่บนนั้นแล้ว
ความพร้อมของเรา คือสภาพร่างกาย แล้วความพร้อมของเครื่องบิน คืออะไร
เก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ของการเกิดอุบัติเหตุโดยเครื่องบินมาจากคน มาจากคนโดยตรง ถามว่าเป็นเพราะเครื่องยนต์เครื่องบินหรือเปล่า คนที่เป็นคนบินต้องเช็คเอง ผมเช็คเองทุกครั้ง มันเป็นมาตรฐาน เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่จะต้องปล่อยเครื่องบิน อย่างผมบินพารามอเตอร์จนคล่องแล้ว แต่ถ้าเป็นการบินยังต้องมีทีมงานคอยตรวจสอบให้ มีครูช่วย แต่ถ้าเป็นพารามอเตอร์จะต้องเช็คเอง สำหรับพารามอเตอร์ค่อนข้างปลอดภัยกว่า หากว่ามันดับเราก็มีร่มติดอยู่
คุณกำลังมีภาพยนตร์ฉาย 21 กรกฎาคมนี้
ผมต้องบอกก่อนเลยว่าผมเน้นความสนุกสนาน เล่นกันเอง ทำกันเอง เขียนบทเองในแบบที่เราอยากให้เกิดขึ้น
ทำไมคุณถึงอยากทำภาพยนตร์
บอกได้เลยว่า คนเขียนเพลงเองทุกคนอยากทำหนังหมด คนที่เขียนจะมีภาพอยู่ในหัว แต่วิธีการถ่ายทอดจะมีความถนัดที่แตกต่างกัน อาจเป็นแค่ตัวหนังสือ แต่มันจะมีมิติที่แตกออกได้เยอะที่สุด ทั้งได้ยิน ได้เห็น ได้ร่วมรู้สึกไปกับมัน เป็นงานที่น่าทำ เป็นงานที่น่าสนใจ
บทที่คุณเขียนสามารถบอกถึงอะไร
มันเป็นความชอบของผม มันสนุกที่ได้ดู มันเร้าอารมณ์ให้ร่วมสัมผัสอารมณ์
เป้าหมายแบบไหนที่ควรดูหนังเรื่องนี้
จริงๆ ก็ทั่วไป ทั้งแฟนคลับของก้านคอ และคนที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่แปลก แปลกในมุมมองที่นักแสดงทุกคนเล่นเป็นตัวเอง
เล่นเป็นตัวเองเลย คุณไม่ต้องสวมบทบาทอะไร?
เล่นเป็นตัวเองเลย น้ำเสียง บทบาทก็เป็นตัวเองที่เผชิญกับสถานการณ์ตรงนั้น ผมว่ามุมนี้ในหนังจะสนุก
โปรดักชั่นเป็นอย่างไรสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้
ผมว่า ผมทำได้คุ้มค่ากับเงินที่ได้มา ถ้าได้มาหมื่นล้านผมคงเอาไปซื้อเฟอร์รารี่ ซื้อบ้าน แต่เงินเท่านี้ ผมได้ทำอย่างในหนัง เงินเท่านี้ก็ได้งานประมาณนี้ ถ้าได้มากกว่านี้ คงจะเป็นภาพเฮลิคอปเตอร์สวยๆ
ฉะนั้นเงินไม่ได้เป็นตัวแปรทำให้ภาพยนตร์น่าดูเพิ่มขึ้น
ตัวแปรจริงๆ คงเป็นเรื่องเวลาที่สามารถประดิดประดอยเรื่องราว ไม่ต้องรีบเร่ง ได้การประณีตการถ่ายทำให้เวลามากขึ้น ได้นักแสดงดีๆ จัดแสงดีๆ ไม่ต้องรีบถ่ายให้เสร็จ แต่ถ้าย้อนจริงๆ ก็คงเป็นเรื่อง เวลา ถ้ามีเงินทุน ก็มีเวลา
เงินทุนซื้อเวลาได้
ใช่
อยากให้คุณแสดงทัศนคติต่อสังคม ณ เวลานี้
ผมว่าเดี๋ยวนี้ คนมีมุมมองกันแปลกๆ สามารถนำมาเป็นประเด็นทางสังคมได้ เช่น มุมมองความแตกต่างทางสังคม ที่จริงคนไทยไม่มีประเด็นนี้ แล้วทำไมถึงมีคนนำสิ่งนี้มาเป็นเครื่องมือในการพูดจา ทำให้คนต้องแตกแยกกัน
แล้วคุณคิดว่าสิ่งใดที่ทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันเหมือนเดิมได้
ต้องเริ่มเลิกคิดถึงตัวเองเป็นอันดับแรกบ้าง เริ่มจากจุดที่เล็กที่สุดจนถึงจุดที่ใหญ่ที่สุดของนโยบายทางการเมือง คุณมีกิน มีใช้ เรื่องของปากท้องซึ่งเป็นการเอาตัวรอดล้วนๆ จะเน้นว่าเอาตัวเองรอดไว้ก่อน
ทุกคนจะตัดสินใจทำอะไร กูต้องรอด กูต้องสบายกว่าคนอื่น ผมคิดว่ามุมนี้ทำให้ความมีน้ำใจของไทยหายไป พอคนเลิกมองความรู้สึกของคนอื่น มันก็เริ่มแย่ เริ่มช่วยเหลือกัน เริ่มพึ่งพาอาศัยกัน เริ่มยิ้มให้กัน ก็เรียบร้อย
มองวัยรุ่นไทยเป็นอย่างไร
ผมว่าดีขึ้นนะ เก่งกว่าวัยรุ่นในรุ่นผมเยอะ หลายคนอาจมองว่าเขาโน่นนี่นั่น แต่ผมว่าเขาฉลาดกว่า เขาเห็นอะไรมากกว่าเรา มีโอกาสได้เลือกมากกว่าและเขาก็ได้เลือกมากกว่า แต่ในทางกลับกัน เขาก็มีสิ่งเร้ารอบตัว วัยรุ่นผมอาจจะแสบกว่านี้ แค่ไม่ถูกเปิดเผย เด็กหลายๆ คนเก่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต่อไปเป็นหน้าที่เรา ที่จะเปิดโอกาสให้เขา
คุณอยากผลักดันเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา
ด้วยสายงานผมแล้ว ต้องเป็นแบบนั้น
คิดว่าจะปิดตัวเองด้วยอาชีพอะไร
โห คงชิลๆ อยู่บ้าน ปลูกผักกวางตุ้งละมั้ง ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตให้สนุกที่สุด แล้วค่อยๆ ถอยๆ มา อยู่บ้านเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าจะทำอาชีพอะไร
ตอนนี้รูปแบบต่างๆ ในการใช้ชีวิต เป็นอย่างที่ตัวเองคิดไว้เมื่อก่อนหรือเปล่า
มันยิ่งกว่าเยอะ ในวัยรุ่นผมจะลำดับชีวิตไว้ และสิ่งที่ทำก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงมาก เช่น อยากเล่นเซิร์ฟวิ่ง อยากดิ่งพสุธา ความฝันมีแค่นั้น และก็ได้ทำ อย่างเป็นนักร้อง ก็ได้ทำ ตอนนี้กำลังย้อนว่า ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกบ้าง
การสร้างครอบครัวเคยมีคิดไหมสำหรับเรื่องนี้
อยากครับ แต่ไม่ได้อยากว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีครอบครัว ด้วยเหตุผลเดี๋ยวเหงา หรือไม่มีใครดูแล หรือเดี๋ยวมีลูกแล้วไม่ทันใช้ ผมไม่ได้อยากใช้ลูก สำหรับผมคงเป็นเวลาที่คิดอยากจะมีมากที่สุด
สังคมบอกไว้ว่า เรียน ทำงาน เก็บเงิน แต่งงาน มีลูก
เออ ใครเป็นคนบอกวะ ผมจะมองว่า เขาจะรู้สึกอย่างไร โดยไม่เอาความคิดคนอื่นมามีผลด้วย
ดูเหมือนว่าใครๆ ก็เลียนแบบกันมีกรอบคล้ายๆ กัน
ผมว่าเป็นมานานแล้ว เป็นค่านิยมทางสังคม ซึ่งตัวพี่เป็นเด็กประหลาดมาตั้งแต่เด็ก พี่จะคิดเสมอว่า เหรอ? ใช่เหรอ? เจอเองได้ไหมแล้วค่อยบอก ค่อยรู้สึก ทุกอย่างแทบจะทุกเรื่อง ใครบอกอะไรก็จะเฉยๆ อืม ใครบอกมึงเหรอ คนที่เกิดก่อนบอก ก็จะ อืม เดี๋ยว ลองดูก่อน แม่ก็ถามว่าเมื่อไหร่จะแต่ง ตั้งแต่เด็กแล้ว ถามว่าทำไมไม่ออกไปเที่ยว ก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจัดให้ ผมจะมีโลกของผมในการใช้ชีวิตตั้งแต่เด็ก จะมีคนรอบข้างถามเสมอว่าไม่แต่งงานเหรอ ก็จะบอกว่าแต่งทำไม
คุณคิดว่าถ้าคุณเป็นพ่อ จะเป็นพ่อแบบไหน
เป็นพ่อที่เฟี้ยวมาก ผมจะมีระเบียบนะ ผมโชคดีที่มี 2 ขั้ว พ่อจะดุมาก แม่จะเลี้ยงแบบตามใจ อย่างตอนเรียน อยากขี่มอเตอร์ไซค์ แม่ก็จะพาไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง คือแม่จะหาอะไรใหม่ๆ มาให้ จะมีคนหนึ่งคอยเบรก และมีอีกคนส่งเสริมตลอดเวลา
คุณห่วงไหม ถ้าวันหนึ่ง ลูกของคุณต้องอยู่ในสังคมที่มีความแตกแยก
ไม่ห่วงนะ เขาเป็นมนุษย์ เขาจะปรับตัวได้ เราก็จะส่งเสริมเขา ไม่ได้ตั้งแง่ว่าต้องเป็นแร็ปเปอร์เหมือนกูหรอก มึงไม่กระโดดร่มเหรอ อย่าไปขีดเส้น เขาไม่มีทางเหมือนเรา ลูกพี่ต้องเป็นแบบเนิร์ดๆ แน่ เป็นอะไรที่ขัดหูขัดตาเรา หรือจะชอบอ่านหนังสือมากๆ
ตอนนี้ตั้งเป้ากับชีวิตตัวเองอย่างไร มีความสุขในการใช้ชีวิตที่สุด
ตั้งเป้าเป็นรายปีนะ ผมลำดับความสำคัญก่อน ชีวิตต้องลำดับความสำคัญก่อน ว่าโฟกัสอะไรเป็นอันดับแรก ครอบครัว ตัวเอง ความรัก หน้าที่การงาน สิ่งเหล่านี้มีไม่กี่อย่าง จะต้องลำดับให้มันชัดเจน ปีนี้ผมมุ่งมั่นว่าอยากจะทำหนัง ปีหน้าก็โฟกัสเรื่องเอเชี่ยนบีชเกมส์ เป็นตัวแทนของประเทศไทย
มีใครเป็นผู้สนับสนุนในเรื่องกีฬาของคุณบ้าง
ไม่มีครับ สนับสนุนตัวเอง ทางรัฐไม่ต้องหวัง ผมได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 300 บาท
มีอะไรที่อยากจะพูดถึงวงการนี้ไหม
วงการกีฬานะ คนไทยเก่ง เก่งเยอะมาก พารามอเตอร์คนไปถึงแชมป์ยุโรป กีฬานี้เป็นที่เล่นน้อย อาจไม่ต้องพูดถึง แต่สำหรับกีฬาอื่นพอหมดช่วงเยาวชนแล้วความเก่งจะหายไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตอนนี้ฟุตบอลก็เริ่มสวยงามขึ้น ซึ่งกีฬาสามารถประกอบเป็นอาชีพได้ ไม่งั้นจะเล่นไปเพื่ออะไร มีแรงสนับสนุน มีแรงเชียร์ เอาง่ายๆ นะ คนเล่นกีฬาเล่นแล้วจะเท่ห์ เล่นแล้วหญิงกรี๊ด เล่นแล้วมีรายได้ ผมว่าการเล่นกีฬาต้องมาด้วยใจแล้วล่ะ เขาเก่ง คุณก็เทรนนิ่ง ส่งเขาไปแข่ง ดูแลเขา เอาใจใส่ ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากเงินตอบแทน ผมว่าคนที่เป็นนักกีฬาเขาไม่ได้มองตรงนั้น
กลับมาที่เป้าหมายของคุณ ปีนี้คุณได้ทำภาพยนตร์แล้ว ปีหน้าก็จะแข่งกีฬา แล้วคุณวางเป้าหมายขั้นที่สุดอย่างไร
ที่จริงถึงที่สุดแล้ว ตอนต้นปีได้ครองถ้วยร่วมกับแชมป์เก่า เป็นถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แชมป์ประเทศไทย
สะใจไหม
สะใจมาก มันชนะตัวเองและมันบอกอะไรหลายๆ อย่าง เมื่อสองสามปีที่แล้ว ผมถามตัวเองว่า จะกลับไปเป็นนักกีฬาได้ไหม ผมจะติดทีมชาติได้ไหม จะชนะใครหรือเป็นแชมป์ได้หรือเปล่า มันตอบโจทย์ทุกอย่าง เมื่อทำจริงๆ มุ่งมั่นมากๆ ก่อนจะมาถึงจุดนี้ ผมแข่งมาตลอด ก็แพ้ตลอด
ขณะที่แพ้ คุณรู้สึกอย่างไร
ความรู้สึกเดิมๆ มันต้องซ้อมมากกว่านี้นะ คราวหน้าเอาใหม่ บอกกับตัวเองเรื่อยๆ
จะไม่บอกตัวเองว่า ไม่เอาละ ไม่เล่นแล้ว
ยัง จะมาบอกตัวเองช่วงนี้แหละ ได้แชมป์แล้วสะใจแล้ว การแข่งขันในประเทศไทยก็จะเฉยๆ แล้ว แค่บินสนุกๆ แต่ถ้ามีโอกาสได้รับใช้ชาติ ซึ่งคนไทยก็ไม่แพ้เขานะ ระดับโลก 1 ใน 5 มี สเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส เช็ก หรือว่าโปแลนด์ ไทยหนึ่งในเอเชียอ่ะ
ดูคุณมุ่งมั่นมากกับการที่คนไทยไปได้
ไปได้ เพราะไปเห็นมาแล้ว เพื่อนทีมผมแต่ละคนบินเก่งมาก คนไทยสร้างเครื่องบินเองก็ได้
เป้าหมายในเรื่องกีฬา ก็ประสบความสำเร็จแล้ว เป้าหมายต่อจากนี้คืออะไร
มุมต่อไปคงเป็นมุมของการให้และถ่ายทอดแล้วล่ะ สำหรับตัวเองก็คงทำไปเรื่อยๆ มีอะไรที่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จเรื่อยๆ แล้วก็กระจายออกไป ถ่ายทอดออกไป
ด้านไหนบ้างครับ
ทุกด้าน โดยเฉพาะกับเยาวชน วัยรุ่น ผมอยากก่อตั้งกระทรวงวัยรุ่น
น่าสนใจสำหรับกระทรวงวัยรุ่น แล้วเรื่องการทำเพลงล่ะครับ
เพลงก็ทำไปเรื่อยๆ เป็นชีวิต สนุกสนานไม่เน้นธุรกิจ
ช่วงนี้คุณใช้ชีวิตในห้องอัด ห้องตัดต่อ หรือการฝึกบินมากกว่า
มันเป็นช่วงๆ นะ ช่วงนี้คงเป็นห้องตัดต่อ แล้วก็เรียนขับเครื่องบิน
จะมีภาพยนตร์เรื่องที่สอง สาม ต่อไปอีกไหม
น่าจะ เพราะมีโอกาสอยู่แล้ว ด้วยความอยากของตัวเอง จำเป็นจะต้องทำ ทำแล้วรู้สึกติด และหลงรักมัน
มีอะไรที่คุณอยากบอกรัฐบาลชุดใหม่ไหม
มันเป็นเรื่องของการทำให้ความรู้สึกเดิมๆ กลับมาก่อน ความรู้สึกของการแตกแยก การแบ่งก๊ก แบ่งเหล่า สิ่งเหล่านี้เป็นคีย์สำคัญ ไม่งั้นประเทศจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ถึงคุณจะเสนออะไรที่ดีแสนดีแค่ไหน อีกฝั่งก็แสดงความหมั่นไส้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ตาม ถ้ามีความหมั่นไส้ ไม่มีเหตุ และผล แต่กูหมั่นไส้ มันคงทำอะไรให้เดินไปไม่ได้ นี่คงเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นหน้าที่ที่พวกเขาจะต้องทำ ทำอย่างไรให้ทุกคนใช้ชีวิตปกติ เคยมีช่วงที่ไม่มีรัฐบาล ประชาชนก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ถ้านึกถึงรัฐบาลที่ดี สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องทำเป็นอันดับแรก
แล้วคุณจะบอกประชาชนว่า ต้องวางตัวอย่างไรเมื่อเราต้องใช้ชีวิตในสังคมแบบนี้
การที่เราแบ่งก๊ก แบ่งเหล่า และแบ่งแยก เกิดจากการที่เรามองตัวเองเป็นหลัก ความสบาย ความที่เราต้องการ ความอยาก เราไม่คิดถึงอีกฝั่งหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะอยู่สีไหน อยู่จังหวัดอะไร อยู่ภาวะไหน ทุกคนเลิกมองเอาตัวเองเป็นหลัก กูต้องสบาย กูต้องได้สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของคนไทย คือน้ำใจ เป็นสิ่งที่เราสามารถดึงกลับมาได้ เมื่อเลิกนึกถึงตัวเองเป็นหลัก ทุกอย่างก็จะจบ