ความสุขในการทำงานหนักของ ‘หมู พลพัฒน์’ ตลอด 10 ปี กว่าจะมาเป็น ASAVA ในวันนี้

วันที่ 8 เดือน 8 ปี 2018 ที่กำลังจะถึงนี้ ASAVA Group ของ "หมู อาซาว่า" กำลังเดินทางเข้าสู่ปีที่ 10 บนถนนแห่งแฟชั่นในประเทศไทย

หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา หรือ "หมู อาซาว่า" ผู้กุมบังเหียน ASAVA Group และควบตำแหน่งนายกสมาคมดีไซเนอร์กรุงเทพฯ สารภาพกับ Sanook! Women อย่างตรงไปตรงมาว่า ก่อนหน้านี้ เขาเคยผ่านช่วงเวลาแห่งการเร่งรีบ ด้วยความเชื่อมั่นว่า "ทำได้" แต่ความเร่งรัดที่อยากเติบโตนั้น กลับทำให้ตนต้องสูญเสียสิ่งที่เรียกว่า "ความสุข" ไป

พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง Asava Group

จึงเป็นเรื่องน่าสนใจเหลือเกินว่า คนเก่งของวงการแฟชั่นไทยคนนี้ สามารถโอบอุ้มตัวตน บริษัท และความหลงใหลในสิ่งที่ตัวเองที่ทำ จนพาแบรนด์เติบโตได้อย่างมั่นคงตลอด 10 ปีที่ผ่านมาได้อย่างไร 

เผื่อหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า "อาซาว่า" ที่เราเรียกกันจนติดปากนั้น มีแบรนด์ภายใต้ ASAVA Group อยู่หลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ASV แบรนด์เสื้อผ้าที่ไม่คุณนายเท่า ASAVA แต่มีความสนุกมากขึ้นในแบบคุณหนูสุดซ่า นอกจากนี้ ยมี White ASAVA แบรนด์ชุดแต่งงาน Uniform by Asava แบรนด์ที่สร้างสรรค์ชุดยูนิฟอร์มให้บริษัทต่างๆ รวมทั้ง Sava Dining ร้านอาหารเก๋ๆ ที่ The EmQuartier อีกด้วย

ASV Spring/Summer Collection 2018 “LAX”, Love All XX

แม้ ASAVA จะคร่ำหวอดในวงการแฟชั่นไทยมานานกว่า 10 ปี แต่ชื่อนี้ก็ยังไม่เคยหายไปจากสารบัญแฟชั่น อย่างในปี 2017 ที่ผ่านมา หมู อาซาว่า มีโอกาสนำเสื้อผ้าจาก ASV ไปเฉิดฉายในงาน LA Fashion Week 2018 และ ได้ออกแบบชุดราตรี บนเวทีนางงามจักรวาลให้ มารีญา พูลเลิศลาภ ซึ่งได้รับคำชมเป็นอย่างมาก และในปีนี้ ASAVA Group ก็เพิ่งปล่อยผลงานสดๆ ร้อนๆ ออกมาต้อนรับฤดูกาลใหม่ อย่างเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่จากทั้ง ASAVA และ ASV 

ความแตกต่างของ ASAVA และ ASV

"เราทำ ASV มาประมาณ 7-8 ปี แต่เราเพิ่งมาทำคอนเซปต์ให้ชัดเจนขึ้นช่วง 5-6 ปีหลัง เราอยากทำเสื้อผ้าที่มีความสนุกขึ้น แต่ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของยูนิฟอร์ม, Workwear, ลาย Stripe, ความ Preppy สิ่งเหล่านี้เป็นแนวการแต่งตัวที่เราแต่งเป็นประจำตั้งแต่เด็ก"

สไตล์การแต่งตัวของหมู พลพัฒน์

"เรามีมุมอื่นๆ ที่อยากนำเสนอ หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้เห็นเราในลุคสบายๆ แต่ถ้าใครที่รู้จักเรา จะรู้ว่าเรามีมุมซ่าๆ บ้าๆ บอๆ แล้วเราก็เชื่อว่าในปัจจุบัน อายุไม่ใช่ตัวกำหนดสไตล์ในการแต่งตัวอีกต่อไป เราใช้ความเป็นตัวตน ความเป็นปัจเจกบุคคล ดังนั้น จะสังเกตเห็นได้ว่า เสื้อผ้า ASAVA จะค่อนข้างเป็นคุณนาย โก้ หรู แต่เสื้อผ้า ASV จะมีความสนุกและความซ่ามากขึ้น ซึ่งเราได้ใส่ความเป็นสปอร์ตเข้าไป เพื่อทำให้เสื้อผ้าของเราคอมพลีทมากยิ่งขึ้น"

 จากห้องเก็บของหลังบ้าน คนงาน 4 คน สู่อาณาจักร ASAVA Group ที่มีคนงานกว่าร้อยคน ความแตกต่างจากจุดเริ่มต้นจนมาถึงวันนี้?

"จริงๆ เรายังคงสนุก (ในการทำงาน) อยู่ เพราะเราโชคดีที่เรารักอาชีพนี้ รักผู้คนที่อยู่ในอาชีพนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้า ช่างทำผม สไตลิสต์ หรือตากล้อง ซึ่งเป็นเหมือนครอบครัวใหญ่สำหรับเรา และเราก็ไม่เคยเบื่องานเลย พอทำงานกันไปนานๆ เราก็ยิ่งรักครอบครัวของเรามากขึ้น อยากให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน อยู่ดีมีสุข เราคิดว่านี่เป็นสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแฮปปี้ และส่วนใหญ่คนของเราก็อยู่มาตั้งแต่เริ่มต้น 10 ปีที่แล้ว แรกๆ อาจจะมีเรื่องที่ไม่ลงตัวบ้าง แต่พอเวลาผ่านไป ทุกคนเริ่มมองเห็นในสิ่งที่เราทำ เริ่มมีมุมมองที่ไปในทิศทางเดียวกัน และเราก็มีแพสชั่นร่วมกัน ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ตัวเราคนเดียวคงทำให้มันประสบความสำเร็จไม่ได้"

อนาคตของ ASAVA

"จริงๆ เรามีโปรเจ็คต์เยอะมาก ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าเราผ่านยุคที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาแล้ว ดังนั้น คงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเติบโตอย่างมั่นคงและความสุขของทุกคน (ในบริษัท) เราเคยผ่านยุคที่เราเคยรีบร้อนมาก เพราะช่วงนั้น บริษัทเติบโตเร็วและเราก็รู้สึกว่าเราทำได้ เราจึงรีบเร่งจนคิดว่ามันขาดความสุขเนอะ และ ณ เวลานี้ เมื่อมีโปรเจ็คต์อะไร เราก็อยากจะคิดถึงคนในบริษัทเราด้วย ถึงจะมีแพลนเยอะมาก แต่ก็อยากค่อยๆ ทำ"

08.08.2018 วันเกิดครบรอบ 10 ปี

"ASAVA จะครบรอบ 10 ปีในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ เพราะฉะนั้น ปีนี้เราจึงมีหลายโปรเจ็คต์ และก็มีโปรเจ็คต์ใหญ่มาก ที่ไม่ใช่แค่การโปรโมตเสื้อผ้า เรากำลังจะโปรโมตประเทศไทยด้วยการทำกิจกรรมบางอย่าง ที่พูดถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ของไทย ซึ่งได้ขอความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนใหญ่ๆ มาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับเรา"

ชุดคลุมนักมวยของ ‘แหลม ศรีสะเกษ’ ที่ ASAVA ร่วมออกแบบ

เป็นการฉลองวันเกิดที่ไม่ใช่ฉลองให้ตัวเอง

"ทุกวันนี้ เรารู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ได้อยู่ในประเทศที่มีสิ่งแวดล้อมที่แฟชั่นมีความเจริญรุ่งเรือง แต่ในขณะเดียวกัน หลายประเทศอาจจะยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญของแฟชั่นไทย หรือนักคิดไทย เพราะเหตุใดประเทศเราถึงยังไม่เป็นที่รู้จักว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพเหล่านี้ ซึ่งนี่เป็นโจทย์ในการเฉลิมฉลองของเรา"

"ดังนั้น เราจึงคิดว่ามันคงถึงเวลาที่จะบอกกล่าวคนต่างชาติว่าประเทศไทยเป็นอีกเมืองที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ เป็นประเทศที่มีงานฝีมือ และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมาประกอบกัน ก็สามารถสร้างแบรนด์ที่น่าจะมีอิทธิพลต่อคนในโลกนี้ได้"

Asava Spring/Summer 18 collection “Subliminal”

มุมมองของ หมู พลพัฒน์ ต่อวงการแฟชั่นไทย

"เรากำลังอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป แพลตฟอร์มของการสื่อสารก็เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้คนเรา “อยู่ยากขึ้น” ไม่ใช่เฉพาะแค่อุตสาหกรรมแฟชั่น แต่สิ่งที่เราทำ ของที่เราใช้กิน ใช้อยู่ มันเป็นภาพสะท้อนการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้น ระบบแฟชั่น ระบบการค้าขาย ระบบการทำแฟชั่นโชว์ มันเปลี่ยนหมดเลย เราจะเห็นได้ชัดว่าสื่อฯ ก็เปลี่ยนไป หนังสือต่างๆ ปิดตัวลง และสิ่งที่คนทำแฟชั่นต้องทำคือ "การปรับตัว" ทำอย่างไรให้ไปกันได้กับบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสเกลของการแข่งขันก็กว้างขึ้น คุณสามารถเลือกเป็นแบรนด์บนไอจี ออนไลน์ หรือจะออนกราวน์ก็ได้"

"ณ วันนี้ ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญเรื่องแฟชั่น ดังนั้น แบรนด์ที่จะอยู่ได้ก็ต้องมีความเข้มแข็ง ต้องมีคอลเล็กชั่นที่สตรอง ต้องมีทีมงานที่พร้อมที่จะต่อสู้กับธุรกิจข้ามชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรามีทุนและทรัพยากรที่จำกัด จะทำอย่างไร? เราก็ต้องใช้ฝีมือ ความคิดสร้างสรรค์ และเราก็ต้องผนึกกำลังกัน"

"ถามว่ามันยากไหม? มันยาก แต่เราอยากให้กำลังใจน้องๆ รุ่นใหม่ ตราบใดที่ทุกคนมีแพสชั่น รักในสิ่งที่ทำ และเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่เราอยากทำในชีวิต มันมีหนทางเสมอ เพียงแต่ว่ามันอาจจะต้องอดทน อดกลั้น ขยัน และก็มุมานะกว่าแต่ก่อน เพราะทุกอย่างยากขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรยาก ถ้าใจเรารักซะอย่าง" พลพัฒน์ ปิดท้ายด้วยความมุ่งมั่นในวันนี้ ที่ไม่ต่างอะไรกับวันแรกเมื่อครั้งก่อตั้งแบรนด์ ASAVA เลยแม้แต่น้อย