ครูภาษาจีนหล่อบอกต่อให้ด้วย

ครูภาษาจีนหล่อบอกต่อให้ด้วย

ครูภาษาจีนหล่อบอกต่อให้ด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตอนเด็กๆ จูนเคยเรียนภาษาจีนมานีสสสสนึงค่ะ ชีวิตก็พูดได้แค่ หนีห่าว ไจ้เจี้ยน อะไรประมาณนี้ แค่นี้แหละค่ะ ตอนนั้นก็โดดเรียนบ่อย เพราะเหล่าซือที่สอนเป็นผู้ใหญ่ ท่านใจดีนะคะ แต่ด้วยความเกเรทำให้ไม่มีแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาจีนในเวลานั้นเท่าไหร่ แต่! ถ้าในเวลานั้นจูนมาเจอเหล่าซือบาส วรยุทธ เอื้อจิระพงษ์พันธ์ ล่ะก็ บอกเลยว่า ทุกคาบเรียนไม่มีโดดแน่นอนค่ะ

          เหล่าซือบาส จบการศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  และจบการศึกษาคณะอักษรศาสตร์ สาขาการสอนภาษาจีน ในฐานะภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยซีหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เอาล่ะค่ะอย่ารอช้า เราไปทำความรู้จักเขากันดีกว่าค่ะJ

 

ไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็น

          ผมเรียนโปรแกรม วิทย์ – คณิต ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผมเริ่มค้นหาตัวตนของตัวเอง จนพบว่า ตนเองไม่มีความสุขกับการเรียนวิชาคำนวณและวิทยาศาสตร์เลย ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ผมค้นหาสิ่งที่เป็นตัวตนของตนเอง จนทำให้รู้คำตอบว่า ตนเองชอบศึกษาเกี่ยวกับภาษาและวัฒนธรรมจีน ประกอบกับโตมากับวัฒนธรรมจีนยิ่งเป็นแรงผลักดันทำให้ผมหมั่นศึกษาและเรียนเสริมภาษาจีนในตอนค่ำหลังเลิกเรียนทุกวัน

จนกระทั่งในระดับอุดมศึกษาผมจึงเลือกที่จะเรียน “ครูภาษาจีน” ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวชีวิตครูสอนภาษาจีนในทุกวันนี้ ที่หลาย ๆ ท่านรู้จัก และเรียกกันติดปากว่า “เหล่าซือบาส”

เส้นทางในสายผู้ให้วิชา

          ผมเริ่มประทับใจในอาชีพครูตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ในฐานะเด็กคนหนึ่งที่ต้องการมีครูที่เพียบพร้อมทั้งความรู้และคุณธรรม กล่าวคือ มีทั้งความรู้และความรักที่มอบให้ผู้เรียนอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ถือประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม และต้องเห็นผู้เรียนสำคัญกว่าตน เชื่อว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ จึงทำให้ผมอยากที่จะเป็นครูเช่นนั้น ในที่สุดผมก็เข้ามาเรียนที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในชั้นปีที่ 5 ของหลักสูตรการสอนภาษาจีนนั้น ยิ่งเติมเต็มจิตวิญญาณของอาชีพครูให้กับผมว่า

“คนผู้ให้วิชา”

ผมหลงรักการสอน และการปลูกฝังสิ่งดี ๆ ให้กับศิษย์ทั้งความรู้ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน การเรียนวิชาชีพครูได้ให้คำตอบกับผมอย่างชัดเจนว่า ความสุขของผมเกิดขึ้นจากรอยยิ้มของศิษย์ที่มีความสุขในการเรียนภาษาจีน โดยที่ผมเป็นผู้ถ่ายทอด ความสุขของผมเกิดขึ้นจากการหล่อหลอมคนให้เป็นคนดี จากผ้าสีขาวให้มีสีสันตามความแตกต่างระหว่างบุคคล และนั่นทำให้ผมยึดมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้เป็น “คนผู้ให้วิชา” ที่มีศักยภาพในหลาย ๆ ด้านต่อไป

กระตุ้น ยั่วยุให้ผู้เรียนอยากที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

            ในมุมมองผม ผมมองว่า คนจะเรียนภาษาได้ดีนั้น จะต้องเข้าถึงธรรมชาติของภาษา และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษานั้น ๆ ให้ได้เสียก่อน ภาษาจีนก็เช่นกัน ผู้เรียนจะต้องเข้าใจทั้งในสิ่งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมของภาษา เพื่อให้เข้าถึงวัฒนธรรมจีน ทั้งนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนการสอนแบบเดิมที่เน้น “ความรู้” เป็นหลัก ให้เน้น “ทักษะ” เป็นหลัก เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยผู้สอนคอยเป็นโค้ช สร้างจุดเด่นของผู้สอน เน้นการเรียนรู้แบบบูรณาการ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีเจตคติที่ดีต่อภาษาจีนตั้งแต่วัยเด็ก กระตุ้น ยั่วยุให้ผู้เรียนอยากที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญคือ ผมจะไม่สอนความรู้เพียงอย่างเดียว แต่จะสอนให้เด็กรู้จักหาความรู้ด้วยตนเอง ตั้งใจมุ่งมั่นที่จะสอน และมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกัน

ความสำเร็จของลูกศิษย์ สิ่งที่ต่อลมหายใจให้คนเป็นครู

            ทุกครั้งที่เห็นลูกศิษย์ของผมเป็นคนดีของครอบครัวและสังคม มันก็ไม่ต่างอะไรกับยาชูกำลังชั้นเลิศของคนที่เป็นครู ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ผมหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพที่สุด สำหรับผมแล้วการเป็นครู ไม่ใช่เป็นแค่เพียงเวลาอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น พูดง่าย ๆ คือ เป็นตลอด 24 ชั่วโมง เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งผู้ปกครอง เป็นที่ปรึกษา และเป็นผู้ให้วิชา บางทีมันก็ไม่ต่างอะไรจากร้านสะดวกซื้อเลย แน่นอนว่าสิ่งที่ต่างก็คือ คนเป็นครูนั้นจะมอบสิ่งที่ดี เฝ้าติดตาม ดูแล จนลูกศิษย์จบการศึกษา และประสบความสำเร็จในอนาคต โดยไม่มีข้อแม้ นี่ก็คือสิ่งที่ต่อลมหายใจให้กับคนที่เป็นครู

 

            เห็นแบบนี้แล้วอยากเรียนภาษาจีนอย่างบอกไม่ถูก คิดเหมือนกันไหมคะ^^

           

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook