ทำไมต้องเชื่อชัย? พูดคุยกับ 'ชัย ปิลันธน์' บิวตี้กูรูมาแรงกับบลัชออนตัวเด็ดที่ขาดไม่ได้
นาทีนี้ เชื่อว่าสาวไทยจำนวนไม่น้อยเป็นหนึ่งในแฟนรายการ "เชื่อชัย" หรือแฟนคลับของ ชัย-ปิลันธน์ ศรีวีระกุล อดีตบรรณาธิการความงามของนิตยสารหัวนอกชื่อดัง Marie Claire ประเทศไทย ที่ผันตัวจากสื่อออฟไลน์มาสู่ออนไลน์เต็มตัวเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่า "พี่ชัย" ของทุกคนจะทำมาหลายอาชีพตั้งแต่ช่างแต่งหน้า สจ๊วต บิวตี้เอดิเตอร์ แต่เขากลับคิดว่า "สิ่งที่ทำทุกวันนี้คือ การได้เป็นตัวเองที่สุดตั้งแต่ทำมาในชีวิต"
Sanook! Women เลยขอมาจับเข่านั่งคุยกับพี่ชัยสักหน่อย พร้อมอัปเดตเทรนด์แต่งหน้าและบลัชออน 3 ตัวเด็ด ที่พี่ชัยขอ Swear by!
อัปเดตชีวิต ชัย ปิลันธน์ จากออฟไลน์มาสู่ออนไลน์เต็มตัว
"จริงๆ แล้ว เราเริ่มทำออนไลน์จากการทำเพจ Salon De Beaute ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าต้องปรับตัวเองเยอะ เพราะว่าเรามายุคที่ทุกอย่างคือสิ่งพิมพ์ สื่อคือเทพ แม็กกาซีนคือทุกอย่าง ซึ่งจริงๆ แล้ว ตอนที่เราลาออกมา ตอนนั้นปริ้นท์ยังรุ่งเรืองมากนะ เป็นช่วงพีค แต่อยู่มาวันหนึ่งเราก็รู้สึกว่า เอ้ย! เหมือนอยากออกไปทำอย่างอื่นละ ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับสิ่งพิมพ์ แค่รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรรอเราอยู่"
"ตอนออกมาช่วง 2 ปีแรก ก็ยังไม่รู้จะทำอะไร มีรับฟรีแลนซ์บ้าง จนอยู่มาวันหนึ่ง เราก็โชคดีที่ได้รู้จักกับ SpokeDark แต่กับป้าตือนี่เรารู้จักอยู่แล้ว จู่ๆ ป้าก็มาจับมือเราแล้วพูดว่า “ชัย เรามาทำรายการกันเถอะ” ตอนแรกก็งงว่าทำไมต้องเป็นเรา และก็คิดว่าเป็นการพูดลอยๆ แล้วเราก็คิดไม่ออกว่ารายการจะออกมาเป็นยังไง แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริง ทางทีมงานก็มาคุยกับเรา แล้วก็เกิดเป็นเทปแรก"
"พอได้ไปถ่ายรายการ เรารู้สึกว่ามันสนุกดี ข้อดี คือ มันไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมาย ทุกอย่างคือสด เป็นตัวเองไป จนรายการตือสนิทดังข้ามคืน เทปแรกก็ล้านวิว และพอถึงช่วงเวลาที่ลงตัว ทางทีมงานก็คงมองเห็นอะไรในตัวเรา ก็เลยชวนมาทำรายการเชื่อชัย"
รายการ “เชื่อชัย” คือ การได้เป็นตัวเองที่สุดตั้งแต่ทำมาในชีวิต
"เราทำมาทุกอย่างตั้งแต่เมกอัพอาร์ทติส เพราะเราแต่งหน้าเป็น แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่สุด ไม่เปรี้ยงปร้าง หลังจากนั้น ก็ไปเป็นสจ๊วต 6 ปี แล้วก็ได้มาทำแม็กกาซีน ถามว่าการเป็นบก. เป็นคำตอบสุดท้ายของชีวิตหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่ เพียงแต่ว่าเราทำได้และเรามีโอกาสได้ทำ ทรมานไหม? บางวัน เกลียดไหม? ไม่ได้เกลียดนะ แต่เราไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่จะไปทำงานทุกวัน มีวันที่ดีและวันที่แย่เป็นปกติ"
วันนี้รู้แล้วว่าสิ่งที่เรารออยู่คืออะไร?
"สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ มันคือสิ่งที่ก่อนหน้านี้เรารออยู่ เพราะทุกครั้งที่มาทำงาน เรารู้สึกตื่นเต้น มันคือตัวเอง มันคือการผสมผสานที่ลงตัว ได้เอาความเป็นช่างแต่งหน้ามาอยู่ในนี้ ได้เป็นคนถ่ายทอด ให้ความรู้คนได้"
ฟีดแบ็คจากคนดูเป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้
"จะบอกว่าตัวเองดัง ก็คงไม่ใช่ แต่เราไม่เคยมีโมเมนต์ที่ไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วมีคนเดินเข้ามาทัก มาขอถ่ายรูป แต่ตอนนี้มันเป็นแบบนั้น เราเลยรู้สึกดีใจ แล้วก็คิดว่าต่อไปเราคงไปเดินหน้าสดๆ ไม่ได้แล้ว (หัวเราะ)"
"เราต้องยอมรับว่าจุดประสงค์ในการทำรายการก็คือ รายได้ แต่สิ่งที่เราแฮปปี้มาก ทุกครั้งที่มีคนมาบอกว่าสวยขึ้น เพราะดูรายการเราแล้วได้ความรู้ มันทำให้รู้สึกว่า เวลาที่เราได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้หญิงมันดีเนอะ มันคือความอิ่มใจ เป็นความสุขที่เงินก็ซื้อไม่ได้ ฉะนั้น เราจึงอยากทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในการดูแลตัวเอง รักตัวเอง และช่วยแก้ปัญหา"
อนาคตของ "เชื่อชัย"
"เราไม่อยากสื่อสารแค่ทางเดียว ในแพลนของเราคืออยากให้คนดูมาเป็นส่วนหนึ่งกับเรา อาจจะมีการออดิชั่นคนดูเข้ามา เพื่อให้เราเมกโอเวอร์ เราอยากจะทำให้มันเป็นมิติใหม่ของวงการบิวตี้ ที่ไม่ใช่แค่การมาแต่งหน้าให้ดูแล้วจบไป อยากให้คนเอาไปใช้ได้จริงๆ เช่น อีเวนต์ต่างๆ หรือเมกอัพคลาส ไม่แน่ในอนาคต เราอาจจะเปิดโรงเรียนสอนแต่งหน้าจริงจัง"
"คนเราต้องมีรายได้ แต่ถ้ามันไม่ได้มาจากแพชชั่น ท้ายที่สุด คนที่เป็นตัวจริงเท่านั้นถึงจะอยู่ได้จริงๆ"
วงการบิวตี้เมืองไทยในมุมมองของพี่ชัย
"การแข่งขันทำให้วงการนี้สนุก และโชคดีที่วงการนี้ มันไม่ใช่การแข่งขันที่มีดราม่า ทุกคนต้อนรับเรา และไม่ได้คิดว่าเราจะมาแย่งพื้นที่กัน เรามีโอกาสได้รู้จักน้องๆ บิวตี้บล็อกเกอร์ เราชื่นชมพวกเขา เพราะอย่างเราเอง มาจากวงการแม็กกาซีนเหมือนมีสถาบันครอบเราอยู่ ซึ่งมีคนซัพพอร์ต แต่น้องๆ เหล่านี้ เขาโตด้วยตัวเอง เกิดจากแพชชั่นจริงๆ"
"แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนี้ มีหลายคนที่คิดอะไรไม่ออก ก็อยากเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ ซึ่งต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบจริงหรือเปล่า? อย่าคิดแค่อยากทำรายได้ ไว้เป็นช่องทางหาเงินเท่านั้น ใช่! คนเราต้องมีรายได้ แต่ถ้ามันไม่ได้มาจากแพชชั่น ท้ายที่สุด คนที่เป็นตัวจริงเท่านั้นถึงจะอยู่ได้จริงๆ"
เทรนด์การแต่งหน้าในปีนี้
"เทรนด์ตอนนี้ คือ งานผิวบางลงเรื่อยๆ แข่งกันที่ความบาง ความน้อย แต่ต้องปกปิด เทคนิคก็คือต้องมีรองพื้นที่ดี อุปกรณ์ที่ดี ต้องรู้จักเลือกใช้ให้เข้ากับตัวเอง สุดท้าย ต่อให้ใครจะบอกยังไงก็แล้วแต่ ต้องลองด้วยตัวเอง ถึงจะรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อีกเทรนด์หนึ่งก็คือ ก่อนหน้านี้ ผู้หญิงจะเน้นลุคที่ดูคมชัดแบบคิม คาร์เดเชียน แบบไฮไลต์เป็นไฮไลต์ เฉดดิ้งเป็นเฉดดิ้ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างจะดูซอฟต์ลง ต้องทำทุกอย่างให้ดูกลืนให้ได้มากที่สุด มองไม่เห็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ไม่ให้เห็นเลยว่านี่คือเฉดดิ้ง นี่คือไฮไลต์ ต้องสมูท ดูละมุนแบบฟุ้งๆ"
บลัชออนไอเทมที่ขาดไม่ได้
เมื่อถามถึงเครื่องสำอางที่ขาดไม่ได้ พี่ชัยของพวกเราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดนานว่า "อย่างที่รู้ๆ กันว่าที่ปัดแก้มเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้เลย และ 3 ตัวที่เราชอบและใช้ตลอดก็คือ ทินท์ทาแก้มของ Oriental Princess ในวันที่ไม่มีเวลาทัชอัพหน้าเยอะ เราจะใช้ Diorskin Rosy Glow Blush บลัชออนเนื้อฝุ่น ที่จะเปลี่ยนสีไปตามอุณหภูมิค่า PH ของผิวเรา และตัวสุดท้ายคือ Kanebo Mono Blush บลัชออนเนื้อสัมผัสแบบครีม"
ทั้งนี้ในส่วนคำถามที่ว่า "ทำไมต้องเชื่อชัย?" Sanook! Women ขออนุญาตตอบให้ เพราะจากที่เราได้นั่งพูดคุยกับพี่ชัย ทุกอย่างมันได้ตอบคำถามที่ว่าหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความรู้ ประสบการณ์ด้านความงาม บวกกับความตั้งใจและความรักในสิ่งที่ทำ อยากจะถ่ายทอดสิ่งดีๆ ให้ผู้หญิง และแม้ว่ายุคนี้ เป็นยุคที่มีบิวตี้กูรู บิวตี้บล็อกเกอร์เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด แต่เราก็กล้าพูดได้เต็มปากว่า ชัย ปิลันธน์ คือ หนึ่งในตัวจริงของวงการบิวตี้เมืองไทย ถ้าเราไม่เชื่อชัย แล้วเราจะเชื่อใครล่ะ?
อัลบั้มภาพ 22 ภาพ