กรมการแพทย์ ชี้สุขภาพช่องปากแม่มีผลต่อลูกในครรภ์

กรมการแพทย์ ชี้สุขภาพช่องปากแม่มีผลต่อลูกในครรภ์

กรมการแพทย์ ชี้สุขภาพช่องปากแม่มีผลต่อลูกในครรภ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ชี้มารดาที่ดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดี ฟันผุมาก ทำลูกเสี่ยงฟันผุ เนื่องจากขาดการเอาใจใส่จากคุณแม่ และหากเป็นโรคปริทันต์อาจคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกคลอดมีน้ำหนักตัวน้อย คุณแม่จึงควรใส่ใจสุขภาพช่องปากตนเองและพบทันตแพทย์อย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การดูแลสุขภาพในระยะตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะในช่วงนี้ร่างกายของมารดาจะมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพช่องปากของมารดามีผลต่อลูกที่จะเกิดมา

เนื่องจากมารดามีโอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบรุนแรง รวมทั้งอาจเกิดฟันผุได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้นจึงเกิดการอักเสบ ส่วนที่เกิดฟันผุได้มากขึ้นเนื่องจากการรับประทานอาหารบ่อยครั้ง นอกจากนี้การอาเจียนบ่อยๆขณะแพ้ท้อง ทำให้เกิดปัญหาฟันกร่อนจากการที่ฟันสัมผัสน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด

ปัญหาสุขภาพในช่องปากของมารดาดังที่กล่าวมาเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะตั้งครรภ์และการคลอด ตลอดจนการเลี้ยงดูลูก มารดาที่เป็นโรคฟันผุทำให้ลูกมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฟันผุเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้มารดาที่เป็นโรคปริทันต์มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนดและทารกแรกคลอดมีน้ำหนักตัวน้อย สูงถึง 7.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับมารดาที่ไม่ได้เป็นโรคปริทันต์ การคลอดก่อนกำหนดเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เพราะเป็นสาเหตุการตายของทารกที่พบบ่อยและอาจทำให้ทารกพิการ รวมทั้งยังมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กในระยะยาวด้วย

ทันตแพทย์บุญชู สุรีย์พงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สุขภาพช่องปากของมารดามีผลต่อการเกิดฟันผุในเด็ก โดยหากมารดามีสุขภาพช่องปากไม่ดี มีฟันผุมากลูกจะมีปัญหาฟันผุมากเช่นกันเพราะเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุจะส่งต่อจากมารดาไปสู่ลูกผ่านทางน้ำลาย เช่น การใช้ช้อนแก้วน้ำร่วมกันการชิมอาหาร เป่าอาหาร การจูบ ลูกจะฟันผุง่ายขึ้นหากได้รับเชื้อซ้ำๆ

และเนื่องจากหญิงตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากได้ง่ายดังนั้นในการฝากครรภ์จึงควรสอบถามถึงปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟันตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อรับการตรวจสุขภาพช่องปากจากทันตแพทย์รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาสุขภาพช่องปาก นอกจากนี้ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน และควรตรวจสุขภาพช่องปากตามการนัดของทันตแพทย์อย่างต่อเนื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook