ไม่ได้มาขำๆ "นาตาเลีย เพลียแคม" แดร็กควีนตัวแม่ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักการเมือง
เราไม่รู้หรอกว่า"คุณ" ที่กำลังเริ่มอ่านบทสัมภาษณ์ของ "นาตาเลีย เพลียแคม" นี้อยู่ จะมีมุมมองกับคำว่า "แดร็กควีน" อย่างไร แต่รับรองว่าเมื่อได้อ่านเรื่องราวของเขาจบ คุณจะลบภาพจำที่ว่าแดร็กควีนเป็นแค่ผู้ชายแต่งหญิงเล่นๆ หรือเป็นเพียง "ตัวตลก" ในภาพยนตร์ไปเลย
Sanook! Women ชวนสาวๆ เข้าไปสำรวจความคิดของ อัษฎายุทธ คุณวิเศษพงษ์ หรือที่เรารู้จักกันนาม "นาตาเลีย เพลียแคม" เจ้าของตำแหน่ง Thailand's Drag Superstar คนแรกของเมืองไทย ด้วยวัย 37 ปี ที่ครบเครื่องทุกด้าน ไม่ใช่แค่ดีกรีความเผ็ด แต่ตอบโจทย์ครบทุกมิติความคิด ทัศนคติ และความสามารถที่เต็มเปี่ยม
ความรู้สึกหลังคว้าตำแหน่ง
"รู้สึกภูมิใจที่เราสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและข้อจำกัดของตัวเอง ทั้งเรื่องอายุ ไซส์ และความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลาย พอเราได้เป็น The Winner ในครั้งนี้ ก็รู้สึกดีใจค่ะ"
ฟีดแบ็คหลังจากจบรายการล่ะ
"จากเมื่อก่อน คนจะจำเราได้ในฐานะ มิส ACDC (เวทีประกวดนางงามของเพศที่สาม) แต่นั่นมันก็หลายปีแล้ว การกลับมาครั้งนี้ เราจึงเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง คนยุคใหม่ก็รู้จักเรา กลายเป็นว่าทั้งคนยุคใหม่และคนยุคเก่าก็รู้จักเราไปพร้อมๆ กัน และเราก็ค่อนข้างแฮปปี้ทุกครั้ง เพราะนอกเหนือจากการที่แต่งแดร็กแล้วคนจำเราได้แล้ว ในช่วงที่เราไม่ได้แต่งแดร็ก (Out of Drag) เขาก็จำเราได้"
รู้สึกอย่างไรกับ Drag Race รายการเรียลิตี้ที่บุกเบิกกระแส LGBT ในวงการบันเทิงเมืองไทย
"นอกเหนือจากความสนุก การช่วงชิงรางวัล หรือการค้นหาผู้ชนะเลิศ ก็ต้องบอกว่า Drag Race เป็นรายการที่วางรากฐานในวงการบันเทิงบ้านเราอย่างเป็นรูปธรรม เพราะการนำแดร็กควีนเข้ามา เป็นการพลิกบทบาทจากการที่คนมองว่าการเป็นแดร็กหรือการแต่งหญิง จำกัดอยู่แค่บทบาท "ตัวตลก" ในซิทคอมหรือภาพยนตร์เท่านั้น ให้หันมามองในเรื่องเชิงคุณภาพ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นค่ะ"
แดร็กควีนในมุมมองของนาตาเลียที่ไม่ใช่แค่ตัวตลก
"จริงๆ แล้ว แดร็กควีนคือการที่ผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาเมกโอเวอร์ตัวเอง ทั้งในเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม การแต่งหน้า และการสร้างคาแร็คเตอร์ใหม่ ให้เป็นตัวละครของแดร็กควีน ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงแต่งเป็นผู้ชายก็จะเป็นแดร็กคิง แต่อย่างเลดี้ กาก้า เป็นผู้หญิงที่แต่งแดร็กจัดๆ ก็จะเรียกว่าไบโอควีน แต่ในฐานะที่เราเป็นแดร็กควีน พูดกันง่ายๆ เลย แดร็กควีน คือ ตัวละครสมมุติในโลกคู่ขนานกับโลกความเป็นจริง อยู่ที่เราจะนำเสนอไปในทิศทางไหน ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องตลกอย่างเดียว"
"ก่อนอื่นต้องเข้าใจนะคะว่าคนหนึ่งคนเปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกไม่ได้
แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้อยู่กับโลกใบนี้ บนสถานการณ์ต่างๆ ได้"
เวลาเจอดราม่า เราก้าวข้ามคำวิจารณ์ แล้วลุกขึ้นมาเรียกความมั่นใจให้ตัวเองได้อย่างไร
"ก่อนอื่นต้องเข้าใจนะคะว่าคนหนึ่งคนเปลี่ยนแปลงคนทั้งโลกไม่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้อยู่กับโลกใบนี้ บนสถานการณ์ต่างๆ ได้ ถ้าเรามีทัศนคติที่ดีต่อตัวเราเอง มีทัศนคติที่ดีต่อการนำเสนอแง่มุมที่ไม่ใช่เชิงลบหรือหมิ่นเหม่ ที่ดูแล้วไม่มีคุณค่าหรือประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ซึ่งนั่นอาจทำให้คนอื่นมองเราในด้านแย่ๆ ได้ แต่ถ้าเราทำในสิ่งที่ดีแล้ว แต่ผู้คนยังมองว่าเป็นสิ่งที่ “ไม่เหมาะสม” บนทัศนคติของเขา เราก็ต้องปล่อยให้เป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ปัญหาของเราค่ะ เพราะยังมีคนอีกมากมายที่ให้ความสนใจและให้การยอมรับเรา ทั้งยังให้เราเป็นไอดอลอีกหลายๆ คน ฉะนั้น แค่ทำสิ่งดีๆ เพื่อตัวเอง แล้วก็เพื่อผู้อื่นด้วยในเวลาเดียวกัน"
"คิดว่าเรื่องแบบนี้ มันอาจต้องใช้เวลาค่ะ เพียงแต่ว่าถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แล้วสั่งสมไปเรื่อยๆ สักวันมันก็จะกลายเป็นผลสำเร็จที่เกิดขึ้น"
ตำแหน่งที่ได้มากับโอกาสเปิดศักราชหน้าใหม่ของ LGBT ในไทย
"ในส่วนตัวเลย เราคิดว่าตำแหน่งที่ได้มานั้น เป็นช่องทางในการเปิดศักราชใหม่ของความเป็นแดร็กควีน (เน้นเสียง) ที่เราพูดได้เต็มปาก เพราะมีหลายองค์กร หลายหน่วยงาน และตัวบุคคลที่เข้ามาซัพพอร์ทให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น"
"โดยเราอยากจะใช้ตำแหน่งนี้ ส่งเสริมประเด็น LGBT ในคนพิการด้วย เพราะแค่เป็นคนพิการ คนปกติก็ไปเหยียดเขาพอแล้ว แต่พอเขาเป็น LGBT อีก คนบางคนก็อาจพูดทำนองว่า “ไม่ได้ทำบุญมาหรอ? หูหนวกตาบอดแล้วยังเป็นกะเทยอีก” เราก็เลยอยากจะไปส่งเสริมทางด้านนี้
"ส่วนกลุ่ม LGBT ทั่วไป เราก็คงต้องตอกย้ำชี้ชัดไปเลยว่าการเป็นแดร็กควีนคือศิลปินประเภทหนึ่ง การเป็นเกย์ ตุ๊ด หรือสาวประเภทสอง ก็คือความหลากหลายทางเพศ ถึงจะถูกระบุชื่อนำหน้าก็จริง แต่อยากให้มองในสิ่งที่เขาทำมากกว่า"
โปรเจ็คต์อื่นๆ ของนาตาเลียต่อจากนี้ล่ะ
"ที่คิดไว้แน่ๆ อยากทำรายการอาหารค่ะ แต่จะอาจจะไปรบเร้าคุณเต้ - ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก (หัวเราะ) เพราะเราอยากจะใช้ชาแนลในเพจของ Drag Race Thailand เราไม่อยากให้รายการจบ แล้วจบไปเฉยๆ อยากให้มีอะไรให้ติดตามกันก่อนจะถึงซีซั่นหน้า เพราะทุกคนในรายการก็มีความสามารถที่หลากหลาย และที่เหนือนอกจากนี้ ก็ต้องรอดูค่ะ ว่าเรา (เหล่าแดร็กควีน) จะมาอยู่ในวงการบันเทิงได้หรือไม่ นอกเหนือจากการที่คนมองว่าถ้าแต่งเป็นแดร็กจะต้องเล่นตลกเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่แบบนั้นค่ะ"
ล้วงลึกตัวตน "นาตาเลีย เพลียแคม" Drag Race คนแรกของเมืองไทย
ถ้าให้พูดถึงความเป็นนาตาเลียในชีวิตจริง
"เราเป็นคนทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ถ้าไม่ทำก็จะไม่ทำเลย แต่ก่อนจะไม่ทำ ต้องลองมาหลายครั้งแล้วว่ามันไม่ควรจะทำต่อ แต่ถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้ว เราจะเต็มที่ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาโอเคหรือไม่โอเคก็ตาม"
นักการเมืองคืออาชีพในฝัน
"อีกหนึ่งอย่างที่แพลนไว้ว่าอยากทำในอนาคตอีกหลายปีข้างหน้า คือการเป็นนักการเมืองค่ะ จากการที่เราเป็นนักเรียนทุนมาตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ที่เรียนปริญญาโทด้านการจัดการอยู่ เราจึงอยากนำสิ่งที่เรียนมาใช้ในการบริหารความคิดของเรา จึงเป็นเหตุผลที่เราอยากทำให้คนอื่น ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองอย่างเดียว"
นโยบายแรกที่นาตาเลียจะทำในฐานะนักการเมือง
"ประเด็นเกี่ยวกับ LGBT ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือโรค HIV อยากให้คนมองว่าจริงๆ แล้ว HIV ไม่ได้น่ากลัว เราอยากเข้าไปช่วย ยิ่งเป็น HIV ในบุคคลที่ไม่ได้รับการศึกษาแล้วด้วย มันยิ่งทำให้เราตระหนักได้ว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนสังคม ซึ่งพอมีการศึกษา การพัฒนาทางเศรษฐกิจก็จะตามมา"
ทั้งนี้ นาตาเลียยังแอบมีความหวังเล็กๆ หากความฝันที่ได้เป็นนักการเมืองสำเร็จขึ้นมาจริงๆ นั่นก็คือ "อยากทำให้วงการบันเทิงเฟื่องฟู เหมือนตอนเราเด็กๆ ที่ทุกช่องทางของวงการบันเทิงแข่งขันกัน ไม่แน่นะคะ ถ้านาตาเลีย เพลียแคมได้เป็นนักการเมืองขึ้นมา ความเฟื่องฟูของนิตยสารอาจจะกลับมาก็ได้"
บอกเลยว่าหลังจากที่เราได้พูดคุยกับนาตาเลียเพียงไม่กี่นาที ทางเราก็ต้องขอเน้นว่า นาตาเลีย เพลียแคม เธอนี่แหละเหมาะสมกับตำแหน่งจริงๆ เพราะบทสัมภาษณ์นี้ได้ตอบทุกอย่างแล้ว
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ