รู้จักกับสาวเก๋ "พลอย ปิ่นแสง" พระสหายของเจ้าหญิงเจ้าชายทั่วโลก

รู้จักกับสาวเก๋ "พลอย ปิ่นแสง" พระสหายของเจ้าหญิงเจ้าชายทั่วโลก

รู้จักกับสาวเก๋ "พลอย ปิ่นแสง" พระสหายของเจ้าหญิงเจ้าชายทั่วโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

‘โปโล’ กีฬาบนหลังม้าที่ถูกนิยามให้เป็นกิจกรรมของเศรษฐี เป็นไลฟ์สไตล์ในหมู่ผู้ดีมีตระกูล และเป็นกีฬาโปรดในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ทั้งของไทยและต่างประเทศ ด้วยเป็นกีฬาเดียวที่อุปกรณ์การเล่นเป็นสิ่งมีชีวิตก็คือม้า ซึ่งมีสนนค่าตัวเป็นเลขหลายหลัก จึงเป็นกีฬาที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แม้แต่คนดูก็ยังแต่งกายสวยงามไปชมและเชียร์ ทำให้โปโลเป็นกีฬาที่ให้ความรู้สึกหรูหรา สง่างาม และมีรสนิยมไปโดยปริยาย...HELLO! เลยไม่พลาดที่จะพามารู้จักกับสาวเก๋ 'พลอย ปิ่นแสง' พระสหายของเจ้าหญิงเจ้าชายทั่วโลกผ่านกีฬาบนหลังม้าอย่าง 'โปโล' ที่เชื่อเลยว่า "ใครๆ อยากมีชีวิตเช่นเธอ"

 

ว่าด้วยเรื่องของคนรักม้า
จุดเริ่มต้นในการขี่ม้าของคุณพลอยก็ด้วยเหตุผลที่ไม่ซ้ำใคร “พลอยเป็นลูกคนเดียว ตอนอายุสัก 4 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ถามบ่อยว่าอยากมีน้องไหม เด็กคนอื่นอาจอยากมีเพื่อนเล่น แต่พลอยรู้ว่าการเป็นลูกคนเดียวเป็นยังไง เราได้รับความรักเต็มๆ โดยไม่ต้องแบ่งใคร เลยไม่อยากมีน้อง อาจจะดูละครเยอะไปก็ได้ค่ะ (หัวเราะ) เลยคิดไปเองว่าถ้ามีลูกอีกคน น้องจะมาแบ่งความรักของท่านไปจากเรา คุณแม่เลยชวนให้ไปลองเรียนขี่ม้า”

ด.ญ.พลอยเริ่มขี่ม้าตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และในเวลาเพียงหนึ่งปี เธอคนนี้เป็นเจ้าของเจ้าสตาร์ไลท์ ม้าโพนี่ตัวแรกที่เธอเลือกเพราะมันมีขนสีขาว เหมือนกับเจ้าจินเจอร์ ม้าโพนี่ของเพื่อนรุ่นพี่คนสนิทที่ชอบขี่ม้าเหมือนกันอย่างคุณเอ๋ย-ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง (บุตรีคนโตของ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ)

 

พออายุได้ 13 ปี คุณพลอยถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ซึ่งมีกีฬาหลายอย่างให้เล่น และเธอก็ทำได้ดีเพราะเป็นเด็กสปอร์ตเกิร์ลมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยมีกีฬาไหนที่ทำให้เธอรักและทุ่มเทเท่ากับการขี่ม้าเลย คุณกนกศักดิ์ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจพาลูกสาวไปเลือกหาซื้อม้าถึงเยอรมนี จากม้าสายพันธุ์ดี มีเพดดิกรี และรางวัลการันตีฝีเท้ากว่า 20 ตัว ที่สุด 'เจ้าคาราจอย' ม้าเพศเมียลูกครึ่งอิตาเลียนเยอรมันขนสีน้ำตาลเข้ม ก็กลายมาเป็นม้าคู่ใจข้างกายเธอนับจากนั้นมา และม้าตัวนี้ก็เปลี่ยนชีวิตคุณพลอยตั้งแต่นั้นเช่นกัน

พลอยตกม้าประมาณ 87 ครั้ง
หนักที่สุด คือ กระดูกสันหลังช่วงก้นกบหัก 2 รอบ
และมีเย็บข้อเท้าด้วย !!!!!!

 
ว่ากันว่าม้าที่คุ้นเคยและรู้ใจช่วยให้การขี่ม้าปลอดภัยขึ้น คุณพลอยอมยิ้มก่อนตอบว่า “ตั้งแต่ขี่ม้ามา พลอยตกม้าประมาณ 87 ครั้ง (หัวเราะชอบใจ) หนักที่สุดคือกระดูกสันหลังช่วงก้นกบหัก 2 รอบ และมีเย็บข้อเท้าด้วย แต่พลอยว่าเป็นปกติของคนขี่ม้าทุกคนที่ต้องมีการตกม้ากันบ้าง หนักเบาต่างกันไป” ถึงจะเจ็บตัวเพราะตกม้า แต่คุณพลอยก็เรียกได้ว่าโตมากับคอกม้า หัดถักเปียก็ยังฝึกกับการถักหางม้าจริงๆ ไม่เคยเล่นตุ๊กตาหรือเล่นขายของเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่น เพราะรักและขลุกกับม้ามาตลอด “ม้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดของพลอย ถ้าเราไว้ใจเขา ม้าจะสัมผัสได้ และเขาจะมั่นใจในเรา การขี่ม้าสอนให้อดทน เพราะคนกับสัตว์พูดกันคนละภาษา แต่เราสื่อสารกันได้”

รางวัลที่คุณพลอยประทับใจมาก
แชมป์เซาท์อีสต์ เอเชียน ลีก ตอนอายุ 18 ปี เพราะไม่เพียงนักกีฬาจากอาเซียน แต่ยังมีฮ่องกง เกาหลี รวมถึงเด็กฝรั่งที่อยู่ในประเทศนั้นๆ มาร่วมแข่งขันด้วย “ตอนนั้นเป็นเด็กตื่นเต้นมาก เพราะในสัปดาห์เดียวที่แข่งแล้วเราชนะ เงินรางวัลได้มาเป็น สำหรับเด็กวัยนั้นมันสุดยอดมากค่ะ”

 

คุณพลอยเริ่มจริงจังกับการแข่งขันมากขึ้น ช่วงปิดเทอมก็ไปเรียนขี่ม้าที่เยอรมนีกับเดนมาร์ก “พลอยเริ่มตระเวนแข่งในช่วงซัมเมอร์ ไล่จากเอเชียโดยมีมาเลเซียเป็นฮับของกีฬาขี่ม้า ถ้าเราชนะก็ไปแข่งต่อในลีกที่ยุโรป ละตินอเมริกา อเมริกาเหนือ เอเชีย ตะวันออกกลาง” พร้อมๆ กับมีเป้าหมายคือการเป็นนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยไปแข่งซีเกมส์เมื่อปี 2007 ซึ่งดูจากฟอร์มแล้ว ฝันเธอไม่ไกลเกินเอื้อมเลย แต่ความหวังก็หมดลงทันทีเมื่อเธอตกม้าในการแข่งขันเก็บคะแนนครั้งสุดท้าย

“ที่ทุ่มเทฟิตซ้อมและลงแข่งก่อนหน้านี้มาทั้งหมดจบลงในวันที่พลอยตกจากคาราจอย” นอกจากเจ็บจนแข่งต่อไม่ได้แล้ว การตกม้าก็ทำให้คุณพลอยพลาดการติดทีมชาติไปอย่างน่าเสียดายมาก เธอเสียใจมากถึงกับคิดจะเลิกขี่ม้าแข่งอีกต่อไป

 

ไลฟ์สไตล์น่าอิจฉาจาก 'โปโล'

ผู้ที่ชักจูงให้เธอกลับมาขี่ม้าจริงจังอีกครั้งคือคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าสัวแห่งคิงเพาเวอร์ผู้ชื่นชอบการขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ “ตอนที่คุณอาวิชัยและครอบครัวหันไปขี่ม้าโปโลแล้ว แต่พลอยยังขี่อิเควสเทรียนอยู่ ท่านก็ยกม้าของที่บ้านให้พลอยหมดเลย ทั้งของคุณอาวิชัย คุณอาตุ๊ก (คุณเอมอร) และของพี่ๆ ทุกคน (คุณวรมาศ คุณอัยยวัฒน์ และคุณอภิเชษฐ์) ให้หมดทุกตัว พลอยเลยเป็นเด็กผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่เป็นเจ้าของม้าถึง 8 ตัว โดยที่ยังไม่รวมม้าของตัวเอง” (หัวเราะ)

 

หลังจากปฏิเสธคำชวนอยู่หลายปี ที่สุดคุณพลอยก็ได้ลองเล่นโปโล แล้วก็ติดใจกีฬานี้ทันที และด้วยทักษะการขี่ม้ามาตั้งแต่เด็กของเธอ “การเล่นโปโลต้องใช้ทักษะหลายด้านประกอบกัน ทั้งไหวพริบและความพลิ้วไหวในการขี่ม้า ความคล่องแคล่วในการควบคุมม้า นอกจากนี้ยังต้องมีกลยุทธ์การเล่นที่ต้องอาศัยการเบียดรุกและการป้องกันผู้เล่นคนอื่น นอกเหนือจากแรงพลังในการตีลูกบอลให้เข้าประตู ซึ่งผู้หญิงไม่ได้ด้อยกว่าผู้ชายเลย” ด้วยเหตุนี้ฝีมือการเล่นโปโลของคุณพลอยจึงดีวันดีคืน ยิ่งชะตาลิขิตให้มีโอกาสได้ร่วมทีมกับนักโปโลหญิงชาวอเมริกันที่เก่งที่สุดในโลกอย่างคุณซันนี่ เฮล (Sunny Hale) การเล่นโปโลของคุณพลอยจึงก้าวหน้าและจริงจังขึ้น

“วันแรกที่ได้เล่นกับซันนี่ พลอยตื่นเต้นมาก เหมือนเล่นเทนนิสคู่กับเซเรนา วิลเลียมส์” หลังจบการแข่งขันคุณพลอยปวารณาตัวขอเป็นศิษย์ แล้วตระเวนแข่งโปโลกับซันนี่ไปทั่วโลก เก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมือตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ที่สุดเธอได้ติดธงชาติที่หน้าอกในฐานะนักกีฬาโปโลหญิงทีมชาติไทยสมใจ ได้ไปแข่งกีฬาซีเกมส์ ปี 2017 ที่มาเลเซีย และคว้าเหรียญเงินกลับมาฝากคนไทยทั้งประเทศได้สำเร็จ นับจากนั้น ไลฟ์สไตล์ชีวิตเธอก็ดูเหมือนจะชีพจรลงเท้าตลอดเวลา เพราะต้องเดินทางไปแข่งโปโลตามประเทศต่างๆ

 

คุณพลอยอธิบายให้เข้าใจมากขึ้นว่า โปโลเป็นกีฬาที่ทำให้คนทุกแบ็คกราวด์อยู่ด้วยกันได้โดยไม่ลำบากใจ เพราะการร่วมทีมกันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะ เชื้อชาติ การศึกษา รูปร่างหน้าตา หรือสิ่งอื่นใด แต่อยู่ที่ความสามารถในการเล่นล้วนๆ ฉะนั้น

“จะเป็นซูเปอร์สตาร์ เจ้าหญิงเจ้าชาย สามัญชน คนเลี้ยงม้าก็เล่นโปโลด้วยกันได้” เหมือนที่คุณพลอยมีโอกาสได้เป็นพระสหายกับเจ้าหญิงอาเซมะห์ นีมาตุล โบลเกียห์ แห่งราชวงศ์บรูไนที่ทรงเริ่มสนพระทัยและทรงเล่นกีฬาโปโล นอกจากนี้ รวมถึงเจ้าชายที่ทรงเป็นขวัญใจสาวไทยค่อนประเทศอย่าง เจ้าชายอับดุล มาตีน แต่ไม่ว่าคุณพลอยจะมีสหายที่อยู่ในชนชั้นหรือฐานะใด ทุกคนต่างคบหากันอย่างจริงใจ"

 
“ที่เรามีโอกาสได้เจอได้รู้จักและใช้เวลาด้วยกัน เป็นเพราะโปโล พลอยไม่เคยหวังสิ่งใดจากใคร หากจะถ่ายรูปก็เป็นความรู้สึกฉันเพื่อนที่เราอยากเก็บโมเมนต์ดีๆ ไว้ดูวันหลัง แต่ไม่ได้เป็นการถ่ายเพื่อนำไปเรียกยอดไลค์ในโลกโซเชียล หรือเอาไปโชว์อวดใครว่าเราเป็นเพื่อนกับคนนี้นะคนนั้นนะ เราต่างซาบซึ้งในมิตรภาพระหว่างกัน เพราะพลอยเป็นคนที่ถ้าอึดอัดกับสิ่งไหนจะไม่ทนนั่งปั้นหน้ายิ้มรับอยู่เป็นแน่ ถ้าไม่ชอบก็ไม่อยู่ด้วย เป็นตัวของตัวเองสูงแต่ไม่ทำอะไรเกินตัวเด็ดขาด หลายคนอาจมองว่าชีวิตพลอยดีจัง ได้เดินทางไปประเทศนั้นประเทศนี้ ได้นั่งไพรเวตเจ็ท ล่องเรือยอชต์ลำหรู ได้พักผ่อนบนเกาะส่วนตัว ได้ปาร์ตี้ในพระราชวัง และมีเพื่อนเป็นคนมีชื่อเสียง แต่คุณพ่อสอนพลอยมาตั้งแต่เด็กว่า สิ่งเหล่านี้ชะตาชีวิตอาจนำพาเราให้มีโอกาสได้พบเจอคนดี ชีวิตที่ดี แต่ต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง มิตรสหายที่มีมิตรภาพดีๆ ต่อกันเขาแค่เป็นคนที่สังคมรู้จักก็เท่านั้น เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะอยากเป็นคนดังไปด้วย แต่เราเล่นโปโลด้วยกัน แล้วอัธยาศัยต้องกันมากกว่า”

เธอย้ำอีกว่า “คนที่เล่นโปโลจะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่คล้ายกันคือเป็นคนง่ายๆ สบายๆ คนภายนอกมักมองว่าเป็นพวกติดหรูอยู่สบาย แต่จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่มีหัวใจรักม้าเหมือนกัน ที่สำคัญเราไม่กลัวความสกปรกค่ะ” ใครไม่เชื่อลองสังเกตสภาพเสื้อผ้าของนักกีฬาโปโลหลังออกจากสนามแข่งได้ กางเกงขี่ม้าสีขาวเปรอะเปื้อนแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ ทุกคนสนุกสนานกับเกมกีฬาอย่างเต็มที่

 นิยามโปโล แบบฉบับ 'พลอย ปิ่นแสง'
“เสน่ห์ของโปโลอย่างหนึ่งคือถ้าใครไม่เคยเล่นจะไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกของการได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่า ได้ทำให้พลอยรู้ตัวเองว่าเราคือใครในทุกวันนี้ ได้เจอเพื่อน ได้มีมิตรสหายกระจายทั่วโลก สิ่งเหล่านี้จะติดตัวพลอยไปตลอด ไม่มีใครหยิบฉวยไปจากพลอยได้ และการได้ไปในสถานที่ต่างๆ ทำให้โลกทัศน์พลอยกว้างขึ้น การเรียนรู้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ แต่ก็อยู่ที่เราจะรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ได้มากน้อยแค่ไหนด้วย”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook