วิตามินซี ทาหน้า ใช้อย่างไรให้เห็นผล
วิตามินซี ชื่อนี้คงคุ้นหูของพวกเราเป็นอย่างดี เพราะเป็นสารนำมาใช้ในด้านความงามที่ทั่วโลกยอมรับถึงประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับการออกฤทธิ์ของวิตามิน ซี ต่อผิว แต่ถ้ากำลังอยากจะใช้วิตามินซีที่เขาว่าดี มาทำความรู้จักวิตามิน ซี กันก่อนว่า เราควรจะใช้ผลิตภัณฑ์ผสมวิตามินซีอย่างไรถึงจะหวังผลได้ เพราะถ้าไม่รู้..ทั้งทาทั้งโบกไปอีกสิบปี ก็ไม่สวยนะจะบอกให้
ประเภทของวิตามินซี
- แอสคอร์บิก แอซิด (Ascorbic acid) เป็นวิตามินซีที่มีประสิทธิภาพดีมาก แต่มีความเสถียรต่ำ และมีการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสง ออกซิเจน และน้ำ
- อนุพันธ์ของวิตามินซี (Vitamin C Derivatives) เป็นวิตามินซีที่ผ่านการทดสอบแล้วว่า มีความเสถียรของผลิตภัณฑ์มากกว่าวิตามินซีแบบแอสคอร์บิก แอซิด และมีอัตราที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่ำกว่า เป็นมิตรกับผิวมากกว่า อนุพันธ์วิตามินซีมีอยู่หลากหลายชนิด เช่น แมกนีเซียม แอสคอร์บิล ทู ฟอสเฟต (Magnesium Ascorbyl-2-Phosphate) หรือ แอสคอร์บิล แอซิด ทู กลูโคไซด์ (Ascorbic Acid-2-Glucoside)
ผลลัพธ์ของวิตามินซี
- สร้างเซลล์ผิวใหม่ชะลอการเกิดริ้วรอย วิตามินซี ออกฤทธิ์ในการช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ เพื่อทดแทนเซลล์ผิวเก่าที่ตายหรือโดนทำร้าย ซึ่งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่นี้ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย รวมไปถึงช่วยให้ริ้วรอยแห่งวัยดูดีขึ้นในระดับหนึ่ง
- ต้านเมลานิน วิตามินซี มีส่วนช่วยในการต้านการเกิดเม็ดสีหรือเมลานิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ จากการสร้างเมลานินที่มากเกินไป
- เร่งกระบวนการรักษาแผล วิตามินซี สามารถช่วยเร่งกระบวนการรักษาแผล โดยเฉพาะแผลไฟไหม้ที่เกิดจากน้ำร้อนลวกได้เป็นอย่างดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า วิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าของเรามีความยืดหยุ่น นุ่มฟู ดูเป็นผิวที่มีสุขภาพดี เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนของร่างกายจะลดลง ดังนั้น การเติมสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ถือเป็นเป็นเรื่องที่ดี และวิตามิน ซี ก็เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
- ปกป้องผิวที่ถูกทำร้ายด้วยแสงยูวี วิตามิน ซี มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ จัดเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้วิตามิน ซี ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายด้วยแสงแดดได้
ความเข้มข้นของวิตามิน ซี ที่ได้ผล
ความเข้มข้นของวิตามิน ซี มีผลต่อการออกฤทธิ์บนผิวของเรา จากการทดสอบพบว่าความเข้มข้นของวิตามิน ซี ที่ทำให้เห็นผลชัดเจนต่อผิวหนังของเรา อยู่ที่ราว 5% - 20% หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีต่ำกว่า 5% คงยากที่จะคาดหวังในผลลัพธ์ แต่ในขณะเดียวกัน มากกว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่า เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน ซี เข้มข้นมากว่า 20% อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย ดังนั้น หากสาวๆ จะหวังผลกับการใช้วิตามินซีอย่าลืมอ่านฉลากข้างผลิตภัณฑ์ให้ดีว่า ผลิตภัณฑ์ผสมวิตามิน ซี นั้นมีส่วนผสมของวิตามินซีมากพอที่จะได้ผล หรือเพียงแค่ขายฝัน
รูปแบบของวิตามิน ซี ที่ใช่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันวิตามิน ซี ได้รับความนิยมในด้านความงามมาโดยตลอด จึงมีการคิดค้นรูปแบบของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซีในหลายรูปแบบ โดยสามารถแบ่งรูปแบบของวิตามินซีออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ แบบครีม แบบเซรั่ม/ ซีรั่ม และ แบบผง ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะการใช้งาน ข้อบ่งใช้ และประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน
- รูปแบบเซรั่ม/ ซีรั่ม เป็นการผสมวิตามินซีทั้งรูปแบบแอสคอร์บิก แอซิด และอนุพันธ์ุของวิตามินซีรูปแบบอื่นๆ ร่วมกับสารละลายหรือสารออกฤทธิ์อื่น อยู่ในรูปแบบของเหลวที่มีลักษณะไม่ข้นมาก ออกฤทธิ์ได้ในระดับดี และมีความเสถียรของผลิตภัณฑ์ค่อนข้างมาก จึงสามารถเก็บรักษาได้ในระยะยาวกว่า
- รูปแบบครีม เป็นการผสมวิตามินซีทั้งรูปแบบแอสคอร์บิก แอซิด และอนุพันธุ์ของวิตามินซีรูปแบบอื่นๆ ร่วมกับสารละลาย สารออกฤทธิ์ หรือสารให้ความชุ่มชื้นอื่น ในลักษณะของเหลวที่มีลักษณะข้นหนืดมากกว่าเซรั่ม/ ซีรั่ม เน้นหนักไปในด้านให้ความชุ่มชื้น
- รูปแบบผง เป็นรูปแบบล่าสุดของวิตามิน ซี แบบแอสคอร์บิก แอซิด ซึ่งกำลังได้รับความนิยม เพราะบริษัทเครื่องสำอางอ้างว่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่า เพราะมีความเสถียรกว่า และมีโอกาสโดนแสงที่ทำให้เสื่อมประสิทธิภาพลงได้น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่า การที่วิตามินซีจะซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีนั้น ต้องอาศัย "พาหนะ" ในการนำพาให้วิตามิน ซี ซึมซาบลงสู่ผิว การผสมวิตามินซีกับส่วนผสมอื่นที่เหมาะสมจึงเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะบ่งบอกได้ว่าวิตามิน ซี จะทำงานได้ผลหรือเปล่า โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมักแนะนำให้ผสมวิตามิน ซี แบบผงกับซีรั่มที่ใช้เป็นปกติ เพื่อช่วยในการซึมซาบเข้าสู่ผิว นอกจากนั้น ปริมาณที่ใช้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกวิตามิน ซี ผงที่แบ่งเป็นโดสสำหรับใช้ในหนึ่งวัน แทนการซื้อวิตามิน ซี ผงจำนวนมาก แล้วตักแบ่งใช้เอง เพราะอาจเสี่ยงต่อการใช้ในปริมาณที่มากเกินไป จนระคายเคืองผิวก็เป็นได้
ดูให้ดีค่า pH ของวิตามิน ซี
โดยปกติแล้ว การที่วิตามิน ซี จะสามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้ดี ต้องมีค่าพีเอช (pH) ที่ค่อนข้างเป็นกรด (ราว 3.5) แต่ก็เป็นค่าพีเอชที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย อาจเกิดอาการ คัน แสบ แดง หรือเป็นผื่น จึงมีการคิดค้นอนุพันธ์ของวิตามินซี เพื่อเพิ่มความเสถียรและลดความเป็นกรด โดยมีค่า pH อยู่ที่ราว 4.5 - 5.5 ซึ่งจะอ่อนโยนแต่ผิวมากกว่า แต่ก็อาจจะให้ประสิทธิภาพน้อยกว่าเช่นกัน ท้ายที่สุด เมื่อชีวิตต้องเลือก เราควรเลือกรูปแบบของวิตามินซีที่มีค่า pH ที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองจะดีที่สุด
บรรจุภัณฑ์ของวิตามินซี
เราสามารถทราบการเสื่อมสภาพของวิตามินซีได้ จากการสังเกตจากสีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนไป โดยจะมีสีที่จะเริ่มเข้มขึ้น จากสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม โดยการเสื่อสภาพของวิตามินซีเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากแสงแดด อากาศ และระยะเวลา การเสื่อมสภาพของวิตามินซีเกิดขึ้นได้ง่ายมาก ดังนั้น ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ปกป้องวิตามินซีภายในเอาไว้ให้ได้มากที่สุด นั่นก็คือควรเป็นบรรจุภัณฑ์แบบทึบแสง หรือหลอดอลูมิเนียมแบบเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมยา ส่วนลักษณะของบรรจุภัณฑ์ ก็ควรเป็นในรูปแบบหลอดหรือขวดปั๊ม เพื่อช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสกับอากาศน้อยที่สุด ช่วยให้วิตามินซีคงประสิทธิภาพไว้ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
Hello Health ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด