เส้นเลือดในสมองแตก โรคร้ายที่มาแบบไม่ตั้งตัว
สมัยนี้ โรคภัยไข้เจ็บ มาไว ไปไวแบบไม่ทันรู้ตัว วันนี้ยังคุยกันร่าเริงอยู่ดีๆ วันรุ่งขึ้นโรคร้ายคุกคาม ถึงขนาดอาจคร่าชีวิตของคุณไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวเลยก็ได้ เช่นเดียวกับ "อัญชลี ศิระฉายา" หรือชื่อในการแสดงว่า "อรัญญา นามวงศ์" อดีตนางเอกยอดนิยมคน และรองนางสาวไทยในปี พ.ศ. 2508 ที่ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า อรัญญา นามวงศ์ นักแสดงรุ่นใหญ่ "เส้นเลือดในสมองแตกกระทันหัน"
ถูกหามส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กลางดึกของคืนวานนี้(7 ก.ย.) เนื่องจากมีอาการปวดหัวอย่างกะทันหัน ทั้งนี้แพทย์ได้เปิดเผยว่า หลังทำการตรวจเช็คสมองของดารารุ่นใหญ่แล้ว พบว่าเส้นเลือดในสมองมีเลือดซึมออกมา แต่ยังดีที่เจ้าตัวยังมีสติ และยังสามารถพูดได้อยู่ ถึงอย่างไรก็ตามยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ 48 ชั่วโมง
ด้วยการนี้ทีมงาน Sanook! Women จึงมีข้อมูล โรคเส้นเลือดในสมองแตก มาบอกกันเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุ ที่มาของโรค, วิธีการรักษา, แนวทางป้องกันไม่ให้เกิดโรค ค่ะ
โรคเส้นเลือดในสมองแตก
เส้นเลือดในสมองแตก คืออาการที่หลอดเลือดในสมองฉีกขาด จึงทำให้เลือดออกในสมอง ซึ่งส่งผลให้เสียชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุเกิดจากความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นความผิดปกติของเส้นเลือด ที่ทำหน้าที่ลำเลียงเลือดไปยังไต และอวัยวะทั่วร่างกาย ซึ่งผนังหลอดเลือดขยายตัวหนาขึ้นทำให้หลอดเลือดมีขนาดแคบลง จึงทำให้ปริมาณเลือดที่ลำเลียงไปที่ไตมีน้อยลงและทำให้ส่วนประกอบที่อยู่ใน ไตที่เรียกว่า เร็นนิน เกิดการเพิ่มความดันในเลือดให้สูงขึ้น ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า โรคความดันโลหิตสูงจากหลอดเลือดไต
อาการของโรคเส้นเลือดในสมองแตก
อาการของเส้นเลือดในสมองแตกจากความดันสูงมักพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะแต่บาง รายอาจไม่มีก็ได้ คลื่นไส้ อาเจียน อาจหมดสติหรือระดับความรู้สึกตัว แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง พูดไม่ชัดหรือถ้าเกิดในสมองเด่นทำให้พูดไม่ได้ อาการและอาการแสดงจะขึ้นกับขนาดของก้อนเลือด และอาการจะเป็นขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉียบพลัน ผู้ป่วยบางรายอาจมีเส้นเลือดแตกก่อนแล้วล้มลงทำให้เข้าใจผิดว่าเลือดออกจาก ศีรษะกระแทกพื้น
อาการมักเกิดขึ้นเฉียบพลัน ผู้ป่วยจึงควรสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด!
โรคเส้นเลือดในสมองแตก ก่อให้เกิดอาการต่างๆ ทางระบบประสาท ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการอย่างเฉียบพลันทันทีทันใด แต่กลับใช้เวลาในการฟื้นตัวค่อนข้างนาน ซึ่งหากได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็วตั้งแต่แรก จะสามารถลดอัตราการตายและพิการลงได้มาก หรือสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ โดยหลอดเลือดในสมองแตกสามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1.เส้นเลือดแตกในเนื้อสมอง มีผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทขึ้นมาทันที เนื่องจากเลือดที่ออกจะไปกดเบียดเนื้อสมอง ทำให้สมองทำงานผิดปกติ และนอกจากนี้ยังเกิดความดันในโพรงกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยมักเกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ามีเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก หรือเลือดออกในก้านสมอง ผู้ป่วยอาจหมดสติ หรือเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
2.เส้นเลือดแตกในชั้นเยื่อหุ้มสมอง สาเหตุมักเกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดสมองบริเวณฐานกะโหลกศีรษะ เมื่อมีเลือดออกในทันทีทันใด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางคนอาจหมดสติ หรือเสียชีวิตได้ตั้งแต่ระยะแรก จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
รู้ทันปัจจัยเสี่ยงเลี่ยงโรคเส้นเลือดในสมองแตก
ความน่ากลัวของโรคเส้นเลือดในสมองแตก คือวันนี้คุณอาจพูดคุย หรือทะเลาะกับใครต่อใครได้ เดินวิ่ง ทำอะไรด้วยตัวเองได้ แต่วันพรุ่งนี้อาจต้องทนทรมานกับการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต แขนขาอ่อนแรง มีลมหายใจแต่ไร้ความรู้สึก ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าอนาคตจะหาย หรือต้องรอความตายอย่างช้าๆ
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว สามารถป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทำงานหนัก ละเลยการออกกำลังกาย บริโภคแต่สิ่งที่ชอบแต่ไร้ประโยชน์ ความอ้วน ความเครียด สูบบุหรี่ ดื่มสุรา การใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ และส่วนหนึ่งมาจากโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ซึ่งส่งผลให้เกิดเส้นเลือดในสมองแตกได้
เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ แต่หากปล่อยปละละเลยก็จะค่อยๆ สะสมโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวก็ต่อเมื่อปรากฏอาการรุนแรงจนสายเกินแก้เสียแล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น อายุที่สูงวัยขึ้น พันธุกรรม เชื้อชาติ เป็นต้น
สัญญาณเตือนโรคเส้นเลือดสมองแตก
อาการส่วนใหญ่ที่ทำให้ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คือ มีอาการแขนขาอ่อนแรง อาจเป็นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย บางคนหน้าเบี้ยว หรืออาจมาด้วยอาการชา ตาอาจจะมองเห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นข้างหนึ่ง หรือมองเห็นแค่ครึ่งหนึ่งของตาแต่ละข้างก็ได้ มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน หรือเวียนศีรษะ อาเจียน อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการพูด ซึมลง หรือหมดสติ มีอาการชัก ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการได้หลายๆ รูปแบบ แล้วแต่ตำแหน่งของสมองที่มีการขาดเลือด หรือมีเลือดออกในสมอง
แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของคนไทยที่พบ คือ รอจนโรคเป็นมากแล้วค่อยไปหาหมอ ทำให้กว่าจะถึงมือหมอผู้ป่วยก็เป็นอัมพาตไปแล้ว ลองถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองดูว่า คุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ หรือไม่
- มีอาการปวดหัวในตอนเช้าบ้างหรือไม่
- เคยรู้สึกว่าแขนไม่มีแรงบ้างหรือไม่
- เคยรู้สึกตาพร่ามัวบ้างหรือไม่
หากพบว่าคนใกล้ชิดมีอาการน่าสงสัยว่าอาจเกิดโรคเส้นเลือดสมอง ให้ลองทดสอบผู้ป่วยโดยให้ผู้ป่วยปฏิบัติ 3 ข้อ เรียกย่อๆ ว่า STR ดังต่อไปนี้
S: (Smile) ให้ผู้ป่วยยิ้ม
T: (Talk) ให้ผู้ป่วยพูดประโยคที่มีสาระสมบูรณ์ เช่น วันนี้อากาศสดใสดีจัง
R: (Raise) ให้ผู้ป่วย (ยก) ชูแขนสองข้างขึ้น
อาการ อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ ให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา ถ้าลิ้นม้วนหรือเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง แสดงว่าส่ออาการอันตรายแล้ว
โรคหลอดเลือดสมองแตก อาจฟังดูน่ากลัว แต่สามารถป้องกันได้ หันมาเอาใจใส่สุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวให้มากขึ้น ตรวจสุขภาพประจำปี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก กินผักและผลไม้ทุกวัน งดบุหรี่เลิกเหล้า รู้จักปล่อยวาง ไม่ปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความเครียด ทำตัวให้ผ่อนคลาย เดินทางสายกลางดีที่สุด แล้วคุณก็จะหลุดพ้นจากโรคหลอดเลือดสมองแตกได้อย่างแน่นอน
พยายามเป็นคนช่างสังเกตกับอาการผิดปกติ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ ในร่างกายของเราหรือคนใกล้เคียง โรคร้ายหรือรุนแรงบางอย่างอาจจะแก้ไขได้ ที่เป็นหนักก็จะได้เบาบางลง โรครุนแรงหลายโรคส่วนใหญ่ป้องกันได้ ถ้าเรารู้เสียแต่เนิ่นๆ
ขอบคุณข้อมูล : http://www.thaihealth.or.th/