สาวออฟฟิศควรรู้! โหมงานหนัก เสี่ยงสุขภาพพังก่อนเวลา

โหมงานหนักไม่ได้แปลว่ารักงาน แต่อาจจะเพราะด้วยภาระความกดดัน และเป้าหมายหน้าที่ๆ ทำให้สาวออฟฟิศยุคใหม่กลายเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนกันแบบเต็มตัวมากขึ้น สมัยก่อนเราอาจจะเลือกทำงานกันแบบเช้าชามเย็นชาม พอเลิกงาน งานก็จบแค่ตรงนั้น กลับบ้านมาก็ได้มีเวลาพักผ่อน

แต่สำหรับสาวยุคใหม่หาใช้แบบนั้น ส่วนใหญ่งานจบแต่งานในหัวยังไม่จบ มันถูกแบกกลับบ้าน ทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ เพราะหวังเงินเดือนและความก้าวหน้า กว่าจะรู้ตัวว่าชีวิตดี๊ดี ก็ต้องมาเจอกับปัญหาสุขภาพท่วมท้นจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่อาจจะสายเกินแก้กันไปแล้ว ลองมาดูพฤติกรรมแย่ๆ ที่ควรรีบเปลี่ยนตัวเองกันซะตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนจะกลายเป็นสาวขี้โรคที่มีเงินแต่ไม่มีความสุขก็เป็นได้ค่ะ

ภาวะเสพติดงาน เคลื่อนไหวน้อยเหมือนคนแก่

ความสนุกในการทำงานเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมที่ได้เห็นสาวๆ ทำงานกันแบบเอาเป็นเอาตาย แต่หากล้ำเส้นทางเดินสายกลาง ตึงกับงานเกินไปจนลืมดูแลสุขภาพ กลายเป็นภาวะบ้างานหรือภาวะเสพติด สมองที่จดจ่อกับสิ่งที่สนใจมากที่สุขในเวลานาน เกิดการเคลื่อนไหวน้อย รากงอกติดกับเก้าอี้ เปรียบเทียบได้เหมือนกับการเคลื่อนไหวในระดับของคนอายุ 60-70 ปีก็ว่าได้ หากทำพฤติกรรมเช่นนี้เรื้อรัง นานวันเข้าก็จะบั่นทอนต่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย ทั้งโรคอ้วน ภาวะเครียด โรคเกี่ยวกับระบบสายตา ปัญหาหลอดเลือด โรคหัวใจ และเบาหวาน เป็นต้น

โรคเหล่านี้ ในอดีตจะพบได้มากในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก สิ่งที่น่าตกใจคือในปัจจุบัน คนทำงานที่อายุยังน้อยกลับต้องเผชิญกับสุขภาพที่เสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่สาวออฟฟิศอาจจะต้องไม่ทันระวังตัว จนกระทั่งสัญญาณจากร่างกายออกมาเตือนถึงความพังดังกล่าว

ภาวะเครียดที่นำไปสู่โรคซึมเศร้า

ความเครียดที่ดูเหมือนเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในสาวๆ วัยทำงาน ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับในเวลากลางคืน จะพบว่าบางกลุ่มที่ยังอยู่ในวัยรุ่นเริ่มทำงานได้ไม่นาน ก็ต้องหันมาพึ่งยาคลายเครียดและยานอนหลับกันแล้ว ความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดและภาวะนอนไม่หลับ ทำให้เกิดปัญหาเรื้อรัง ทับซ้อนกันจนนำไปสู่โรคซึมเศร้า

แน่นอนว่าโรคเหล่านี้จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานเป็นอย่างมาก แถมยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เพราะอารมณ์ประมาณว่า ฉันเบื่อหน่ายกับการดูแลตัวเอง ขอผัดวันประกันพรุ่งไปก่อนได้ไหม...รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นสาวอ้วน สิวเห่อ หน้าเยิ้ม แถมโรคอีกเพียบตามแบบฉบับของโรคออฟฟิศซินโดรม ดังนั้นรีบดูแลตัวเองให้ดีก่อนสายเกินแก้ จะได้มีสุขภาพชีวิตที่ดีทั้งในวัยทำงาน และได้ใช้ชีวิตในตอนสูงวัยได้อย่างมีความสุข