ข้อดี-ข้อเสียของกากกาแฟขัดผิว เลือกใช้ให้ดี ผิวยิ่งปัง

การขัดผิวด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นเรื่องที่ปลอดภัยอยู่แล้ว ทว่าในเรื่องของการ "ขัด" ซึ่งต้องนำเอาวัตถุดิบเหล่านั้นมาขัดลงไปบนผิว สาวๆ บางคนไม่รู้วิธี คิดว่ายิ่งขัดแรงแค่ไหนยิ่งดี จะได้ทำให้ขี้ไคลและเซลล์ผิวชั้นนอกที่หมองคล้ำหลุดลอกออกไปจนเหลือแค่ผิวขาวใส ยิ่งใครที่ใช้ขัดผิวหน้าร่วมด้วย โดยไม่รู้ขั้นตอนการขัดที่ถูกต้อง ยิ่งกลับเป็นการทำร้ายผิวให้ยิ่งบอบบางมากขึ้นแทนได้

อันตรายที่คาดไม่ถึงกับการใช้กากกาแฟขัดผิวแบบผิดๆ

ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ขัดผิวสูตรธรรมชาติมักมีวัตถุดิบมาจากกากกาแฟผสมอยู่ ซึ่งลักษณะของตัวผงมีความหยาบเป็นพิเศษ เสี่ยงผิวหน้าและผิวกายพังได้ เพราะการขัดรุนแรงเกินไป สังเกตได้ไม่ยากว่าหากผิวบริเวณนั้นหลังขัดแสบและเป็นรอยแดง จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ผิวบาง ตามมาด้วยปัญหาการติดเชื้อเพราะผิวถูกทำลายจนเป็นแผล แทนที่จะขาวใส อาจกลายเป็นผิวคล้ำ รอยดำแดงและสิวเห่อตามมาหนักกว่าเดิม ดังนั้นลองมาดูเคล็ดลับต่อไปนี้ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิงขัดผิวสาวได้ดั่งใจ ด้วยการใช้กากกาแฟขัดผิวให้ปลอดภัยไปอีกขั้นกันดีกว่า

ห้ามใช้! ในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ

ข้อห้ามที่สาวๆ ต้องจำให้ขึ้นใจกันเลยทีเดียวก็คือ ในส่วนของผิวหน้าที่เป็นสิวอักเสบอยู่ จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้กากกาแฟขัดผิว เพราะจะยิ่งไปทำให้การอักเสบถูกกระตุ้น จากสิวเม็ดเล็กๆ อาจจะกลายเป็นสิวขนาดใหญ่ ติดเชื้อบวมแดง เป็นสิวหนองที่เจ็บปวดมากขึ้น หากเป็นสิวอักเสบควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลที่เหมาะสม อย่าขัดผิวช่วงนั้นเด็ดขาด แน่นอนว่าการใช้กากกาแฟขัดผิวแบบนี้ยิ่งเป็นสิ่งต้องห้าม

ขัดผิวให้ถูกวิธี เพิ่มประสิทธิภาพเทียบเท่าเคาน์เตอร์แบรนด์

สำหรับการขัดผิวแนะนำเบื้องต้นว่าถ้ามีส่วนประกอบที่มีความหยาบแบบนี้อยู่ ให้เลือกยี่ห้อที่ไม่หยาบจนบาดผิว หรือถ้าจะใช้กากกาแฟที่หาได้เองมาใช้ ก็ควรร่อนเอาส่วนที่หยาบแยกทิ้งไปก่อน จากนั้นให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยการอาบน้ำกำจัดสิ่งสกปรกครั้งแรกออกไปก่อน แล้วทำการขัดผิวตั้งแต่ช่วงบนลำตัวไปถึงด้านล่างคือปลายเท้า ขัดเบาๆ วนเป็นวงกลม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด อาบน้ำชำระล้างร่างกายตามปกติ เช็ดตัวให้แห้ง แล้วอย่าลืมบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ทาผิวเพื่อป้องกันผิวแห้งด้วย

การใช้กากกาแฟขัดผิวให้ถูกหลัก จริงๆ แล้วควรใช้สำหรับการขัดบริเวณผิวกายที่มีชั้นผิวหนังแข็งแรงมากกว่าใบหน้า ส่วนผิวหน้าควรใช้วิธีพอกจากผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อผิวหน้าโดยเฉพาะจะดีกว่า เพียงเท่านี้ก็จะมีผิวสวยหน้าใสโดยไม่เสี่ยงต่อการถูกทำร้ายแล้ว