10 เรื่องที่ไม่ควรยอมใคร จัดไปอย่าได้แคร์

 

มาดูกันสิว่ามีอะไรบ้างชีวิตนี้คุณไม่ควรรู้สึกผิดเด็ดขาดถ้าได้ทำ

1 งานรุ่งพุ่งแรงสุด ๆ
คุณตรากตรำทำงานหนักมาหลายปีกว่าจะได้เป็นผู้บริหารดาวรุ่งของบริษัท อย่าปล่อยให้เพื่อนหรือญาติขี้อิจฉามาทำลายความรู้สึกภูมิใจในตัวเองของคุณ เป็นอันขาด แอนน์ เกรท บราชเชอร์ นักจิตวิทยา บอกว่า "ความสำเร็จของคุณเป็นตัวสะท้อนถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจและขยันอดทนของคุณ คนบางคนไม่กล้าเดินตามความฝันของตัวเอง เพราะมัวแต่กลัวว่าจะต้องใช้ความพยายามหนักและเวลานานกว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ เลยไม่ไปถึงไหนสักที" ถ้าความสำเร็จของคุณทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ขาดความมั่นใจ อันนั้นมันเป็นปัญหาของพวกเขาเองแล้วหละ ไม่ใช่ปัญหาของคุณ

2 มีสไตล์ส่วนตั๊วส่วนตัว
คุณเป็นคนไม่ตามแฟชั่นเอาซะเลย ยอมตายซะดีกว่ายอมแต่งตัวแบบพิมพ์นิยมที่เดินเกร่อกันตามท้องถนน แฟชั่นบางอย่างไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามันฮิตได้ยังไง ก็ไม่ต้องไปเอาตามอย่างใครเป็นตัวของตัวเองแบบมั่นใจนี่แหละดีแล้ว แอนน์ บอกว่า "ถ้าคุณเอาแต่แต่งตัวตามกระแสเพราะถูกเมาส์ว่าไม่อินเทรนด์ ก็เท่ากับว่าคุณยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองดีพอ มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ ไม่ต้องรู้สึกผิด เพราะนั่นคือ ความเป็นตัวคุณที่ไม่เหมือนใคร"

3 เลิกงานกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน
เชื่อได้เลยว่าทุกออฟฟิศจะต้องมีพนักงานแบบที่ชอบเข้างานเช้าก่อนใคร และกลับค่ำมืดดึกดื่น และคอยกระแหนะกระแหนให้คุณรู้สึกผิดทุกครั้งที่เก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับ บ้านเมื่อถึงเวลาเลิกงาน การที่ป้าชอบอยู่เฝ้าออฟฟิศเป็นประจำ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอยู่ตามไปด้วย นอกจากมีงานเยอะจะต้องสะสางก็ว่าไปอย่าง ตอนเช้ามาทำงานไม่เคยสายอยู่แล้วทำไมตอนเย็นคุณจะพุ่งออกจากออฟฟิศตรงเวลา ไม่ได้ แอนน์ บอกว่า "ไม่มีใครปลื้มแน่ ๆ ถ้าคุณเลิกงานดึกประจำเจ้านายคงสงสัยว่าคุณทำงานไม่เสร็จสักที แฟนก็งอน เพราะนัดแล้วยกเลิกตลอด กลับบ้านไปทำอะไรที่คุณมีความสุขและสนุกไปกับมันดีกว่า"

4 คลั่งไคล้อะไรแบบสุดเหวี่ยง
ชอบอะไร รักใคร ไม่เห็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไอพอดมีแต่เพลงพี่เบิร์ดตั้งแต่ชุดแรกยันล่าสุด หรือจะเกาะติดขอบจอดูละครน้ำเน่ายิ่งกว่าคลองแสนแสบแบบไม่เคยพลาดสักตอน เดียวก็ยืดอกรับไปเถอะไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นเขาจะตัดสินคุณอย่างไรคนเราชอบ อะไรไม่เหมือนกัน ถ้าคุณจะคลั่งอะไรสักอย่างจนสุดตัวไม่เห็นต้องแคร์สื่อ เพราะนี้คือสิ่งที่คุณเป็นจริง ๆ

5 บอกปัดไม่ไปงานปาร์ตี้
ถึงจะอยากไปปาร์ตี้ทั้งวันทั้งคืนทุกที่ทุกเวลาขนาดไหนก็ไม่อาจทำได้ เพราะคุณน่ะมีแค่ร่างเดียวเลิกรู้สึกผิดได้แล้วถ้าต้องบอกเพื่อนว่า "ขอโทษน่ะ ไปไม่ได้จริง ๆ" แอนน์ บอกว่า "คุณเอาใจทุกคนไม่ได้หรอก คุณควรเลือกในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขงานไหนที่คิดว่าไปแล้วกร่อยแน่ ก็บอกปัดไปเลย อย่าตอบรับเพียงเพราะเกรงใจเจ้าภาพหรือรู้สึกว่าฉันต้องไป ถึงไม่มีคุณงานเข้าก็จัดกันได้"

 

6 พิสูจน์ว่าตัวเองถูก
ตอนเด็ก ๆ ไม่มีอะไรซะใจไปมากกว่าการได้ตอกหน้าเพื่อนว่า "ไงล่ะ ฉันบอกเธอไปแล้ว !" แต่พอโตเป็นสาวแล้วเนี่ย ขืนไปทำอย่างนี้กับใครมีหวังโดนสาดน้ำกรดแน่ แอนน์ บอกว่า"กฏเหล็กที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ ถึงคุณจะรู้ว่าตัวเองถูก คุณต้องทำเป็นนิ่ง ๆ สงวนท่าทีเข้าไว้ แล้วยอมให้เพื่อนมายอมรับเองว่าสิ่งที่คุณเคยพูดไว้น่ะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ" คุณไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยพูดไว้ แต่อย่าซ้ำเติมเพื่อนเป็นพอ

7 ขอให้เขารอ
ไม่ต้องรู้สึกแย่ ถ้าคุณไม่พร้อมจะโดดขึ้นเตียงกับหนุ่มล่ำสุดฮอตที่รู้จักกันได้ยังไม่ถึงห้า นาที สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่เซ็กซ์เป็นเรื่องสำคัญทางจิตใจมากกว่าจะเป็นแค่การ สัมผัสทางกาย รอให้ชัวร์ว่าพร้อมก่อนแล้วค่อยว่ากันจะดีกว่า ถ้าเขารักคุณจริง ยังไงเขาก็รอได้

8 สเปคไม่ใช่ สปาร์คไม่มี
คุณออกเดทกับชายหนุ่มผู้แสนดีสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว ทุกอย่างสมูทดีไม่มีปัญหา แต่กลับไม่อยากออกเดทครั้งที่สองกับเขาอีกแล้ว ถ้าคุณไม่ปิ๊ง หรือไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ "ใช่" แล้วล่ะก็ คุณไม่ควรกดดันตัวเองให้รับนัดเขาอีก แอนน์ แนะนำว่า "คุณต้องซื่อตรงทั้งตัวเองและกับเขา ไม่ต้องรู้สึกผิด ถ้าสปาร์คไม่เกิด แล้วบอกเขาไปตรง ๆ ว่าคบกันไปก็ป่วยการ เสียโอกาสเจอคนอื่นที่เหมาะสมกับเราทั้งคู่มากกว่า"

9 เสี่ยงดวงลองอะไรใหม่ ๆ
บางครั้งโอกาสก็มีไว้คว้า ความเสี่ยงมีไว้ลอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ หรือ เรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกนิดอย่างเช่นเปลี่ยนงาน แอนน์ บอกว่า "ถ้าทำแล้วไม่เดือนร้อนใคร ก็ทำเลย !"

10 เผลอใจกับช็อกโกแลตชิ้นเดียว
ใคร ๆ ก็พลาดกันได้ทั้งนั้น คิดซะว่าเผลอคว้าช็อคโกแลตเข้าปากดีกว่าติดเหล้าหรือการพนันไหน ๆ แอนน์ บอกให้ดีใจว่า "ถ้าปกติคุณก็คุมอาหารอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว แค่ทานช็อคโกแลตเพิ่มสักชิ้นสองชิ้นจะเป็นไรไป ไม่เห็นต้องรู้สึกผิดมันสำคัญที่ว่าอย่าให้มากเกินเหตุก็เท่านั้นเอง" เพราะฉะนั้นจงอย่าได้แคร์สายตาอำมหิตที่เพื่อนร่วมงานส่งข้ามโต๊ะมาบรรจง หยิบช็อคโกแลตแท่งนั้นเข้าปากให้เห็น ๆ ไปกันเลย

 

 

 

Source : CLEO
ฉบับเดือน กันยายน 2554