คุณแม่ หลังคลอด จะมีร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไง เตรียมตัวเจอเอาไว้เลย

คุณแม่ หลังคลอด จะมีร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไง เตรียมตัวเจอเอาไว้เลย

คุณแม่ หลังคลอด จะมีร่างกายเปลี่ยนแปลงไปยังไง เตรียมตัวเจอเอาไว้เลย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณแม่ หลังคลอด อาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่า ร่างกายจะต้องเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้างหลังคลอดลูกแล้ว ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละว่า การตั้งครรภ์มีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของเราขนาดไหน ฉะนั้น ถ้าคุณเพิ่งจะคลอดบุตรได้ไม่นาน ก็เตรียมตัวพบกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายพวกนี้เอาไว้ได้เลย

หนาวสั่น

อาการหนาวสั่นจะเกิดขึ้นได้ทันทีหลังคลอด และอาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านของการคลอดในระยะต่างๆ ซึ่งผู้หญิงบางคนอาจสังเกตเห็นหัวเข่าสั่นอย่างเอาเป็นเอาตายหลังคลอดลูกคนแรกออกมา และรู้สึกหนาวสะท้านมากๆ ในช่วงที่พยาบาลผดุงครรภ์กำลังเย็บแผลให้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะฮอร์โมนการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นฮอร์ที่ทำการสะสมน้ำเอาไว้ร่างกาย เพื่อคอยทดแทนการเสียเลือด ที่เคยมีอย่างมากมายก่อนหน้านี้ จะลดลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการหนาวสั่น หลังคลอดประมาณ 2-3 วัน หรืออย่างช้าก็ไม่เกิน 6 สัปดาห์

เหงื่อออกมาก

นี่เป็นวิธีที่ร่างกายระบายของเหลว ที่เกิดจากการตั้งครรภ์ออกจากร่างกาย ซึ่งอาจมีของเหลไหลออกมาจากเต้านมของคุณด้วย นอกจากนี้ยังอาจมีอาการเลือดออกหลังคลอดต่อไปอีกประมาณ 6 สัปดาห์ด้วย โดยปกติแล้ว อาการปัสสาวะเล็ด อาการเหงื่อออกในตอนกลางคืน และการที่ต้องคอยดูแลลูกน้อย ที่มักจะฉี่ออกมาบ่อยๆ จะทำให้คุณต้องตื่นขึ้นมาแบบตัวแฉะไปประมาณสองสัปดาห์ ฉะนั้น เตรียมผ้ากันเปียกที่นอนเอาไว้ซะ การใช้ผ้าขนหนูหลายๆ ผืนปูนอนก็อาจช่วยคุณได้เหมือนกัน

ความเจ็บปวดหลังคลอด

อาการเจ็บปวดหลังคลอด มักเกิดจากการบีบรัดตัวของมดลูก ให้กลับไปอยู่ในขนาดปกติ และอาการเจ็บปวดจะยิ่งรุนแรงขึ้น ถ้าคุณคลอดบุตรหลายครั้ง นอกจากนี้คุณอาจรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากในขณะให้นมลูก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ อาการเจ็บปวดแบบนี้จะเกิดขึ้นประมาณ 5-7 วัน แต่มีรายงานว่า ผู้หญิงบางคนที่มีลูกเยอะๆ จะมีอาการเจ็บปวดหลังคลอด จากการคลอดลูกคนที่สาม คนที่สี่ หรือคนที่ห้า จะมีความเจ็บปวดรุนแรงยิ่งกว่าตอนเจ็บท้องก่อนคลอดซะอีกนะ ฉะนั้น คุณแม่ลูกดกทั้งหลาย ก็ควรเตรียมตัวพบกับความเจ็บปวดเช่นนี้เอาไว้ด้วย

ปัสสาวะเล็ด

คุณแม่หลังคลอดมักจะมีอาการปัสสาวะเล็ด หรือปัสสาวะรดกางเกงได้บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากระโดดเชือก หรือแม้แต่เวลาเดินขึ้นบันได สาเหตุก็เกิดจากแรงกดของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ในระหว่างการอุ้มท้องและการคลอดบุตร เกิดความอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ยาก ถึงแม้ว่าอาการเช่นนี้มักจะขึ้นกับคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติ แต่คุณแม่ที่ใช้วิธีผ่าตัดคลอด ก็มีโอกาสจะมีอาการแบบนี้ได้เหมือนกัน โชคดีที่อาการแบบนี้จะหายไปเอง หลังคลอดสองสามสัปดาห์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมีความแข็งแรงขึ้น ทั้งในช่วงก่อนและหลังคลอด เพื่อช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะหลังคลอด

รอยแตกลายอาจจะอยู่แบบถาวร

ในช่วงที่ตั้งครรภ์อยู่ คุณแม่หลายคนจะสังเกตเห็นว่า มีรอยแตกลายเกิดขึ้นบริเวณท้อง บั้นท้าย เต้านม และต้นขา และถึงแม้ว่ารอยแตกลายพวกนั้น จะดูลดเลือนลงหลังคลอด แต่รอยแตกลายพวกนั้นก็จะไม่หายไป ซึ่งปัญหานี้ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่ทำใจไม่ค่อยได้ แต่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไง ก็ไม่มีทางที่จะลบรอยแตกลายพวกนั้นได้ ทางที่ดีคุณจึงควรทำใจยอมรับมันซะ มองรอยแตกลายนั้นให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งในชีวิตก็แล้วกันนะ

มีอาการริดสีดวง

ก็เหมือนกับที่การตั้งครรภ์ส่งผลต่อกระเพาะปัสสาวะ จนทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวนั่นแหละ อาการเช่นนั้นก็อาจเกิดขึ้นกับทวารหนัก และทำให้เกิดปัญหาริดสีดวงขึ้นมาได้ด้วย ถึงแม้คุณจะไม่รู้สึกถ้ามีริดสีดวงเกิดขึ้นภายใน แต่คุณอาจสังเกตเห็นริดสีดวงที่เกิดขึ้นภายนอกได้ เวลาที่คุณใช้กระดาษชำระ หรือตอนถ่ายอุจจาระ ถ้าอาการริดสีดวงทำให้คุณรู้สึกเจ็บ ก็อย่าลังเลที่จะไปพบคุณหมอ ซึ่งคุณหมอจะแนะนำการรักษาที่จะช่วยให้คุณคลายความเจ็บปวดลงได้

มีอาการท้องผูก

ฮอร์โมนการตั้งครรภ์ อาจทำให้ระบบทางเดินอาการทำงานช้าลง ส่งผลให้คุณแม่หลังคลอดมีอาการท้องผูกได้ ซึ่งถ้าคุณแม่คนนั้นมีปัญหาริดสีดวงด้วยล่ะก็ ยิ่งจะต้องพบกับความลำบากในการขับถ่าย เนื่องจากการเบ่งอุจจาระจะยิ่งทำให้เจ็บปวดเข้าไปกันใหญ่ แต่คุณสามารถบรรเทาอาการท้องผูกลงได้ ด้วยการใช้ยาที่ทำให้อุจจาระนิ่ม และอย่าลืมกินอาการที่มีกากใยเยอะๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ง่ายขึ้น คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งๆ เพราะจะทำให้ถ่ายลำบากได้

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook