สิ่งที่คุณแม่มือใหม่ต้องเจอหลัง ผ่าคลอด และวิธีดูแลตัวเองให้ฟื้นตัวไวๆ

หลัง ผ่าคลอด คือช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นที่จะทำให้คุณพบกับลูกน้อย ที่คุณเฝ้าทะนุถนอมตอนที่เขาอยู่ในครรภ์มาถึงเก้าเดือน ซึ่งการคลอดบุตรนั้นอาจส่งผลกระทบทางร่างกายต่อตัวคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือกวิธีผ่าคลอด เพราะคุณต้องการเวลาฟื้นตัวมากกว่าการคลอดเองตามธรรมชาติ และนี่คือคำแนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญในการช่วยให้คุณใช้เวลาในการฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เพื่อจะได้มีเวลามาสร้างความผูกพันกับลูกน้อยได้เร็วขึ้น

สิ่งที่คุณแม่ต้องเจอหลังผ่าคลอด

อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละว่าหลังผ่าคลอดคุณอาจต้องนอนอยู่โรงพยาบาลอีกสามถึงสี่วัน และถึงแม้คุณหมอจะให้กลับบ้านได้แล้ว คุณก็ยังต้องระมัดระวังตัวเองอยู่ดี ซึ่งต้องใช้เวลาถึงหกสัปดาห์เต็มๆ ในการฟื้นตัวเองอย่างเต็มที่ และนี่คือส่ิงที่คุณต้องพบเจอในช่วงเวลาต่างๆ

• 1 วันผ่านไป: คุณจะได้รับการแนะนำให้เดินไปเดินมาในช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด เพื่อช่วยระบายแก๊สในช่องท้อง และควรกินอะไรเบาๆ ทันทีที่คุณรู้สึกอยากจะกินอะไรขึ้นมา
• 2 วันผ่านไป: เมื่อมาถึงตอนนี้คุณสามารถอาบน้ำได้ตามปกติแล้ว แต่การขับถ่ายอาจจะยังไม่เป็นปกตินัก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณหมอถึงแนะนำให้กินยาที่ช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม คุณควรทานอาหารที่มีกากใยเยอะๆ และดื่มน้ำมากๆ ก็จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกได้
• 3 วันผ่านไป: การผ่าคลอดอาจทำให้น้ำนมมาช้ากว่าการคลอดเองตามธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ได้เบ่งคลอดเองก่อนได้รับการผ่าคลอด แต่โดยปกติน้ำนมก็จะมาในช่วยประมาณวันที่สามหรือวันที่สี่ (ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกน้อยจะได้น้ำนมเหลือง ซึ่งยังไม่ใช่น้ำนมแม่ตามปกติ)
• 1 สัปดาห์ผ่านไป: ตอนนี้คุณอาจรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่อย่าทำอะไรเกินกำลังตัวเองเด็ดขาด จงจำเอาไว้ว่าอย่ายกอะไรที่มีน้ำหนักเกินกว่าน้ำหนักตัวของลูกน้อย และควรนอนหลับพักผ่อนพร้อมกับลูกน้อย พูดง่ายๆ ก็คือ ลูกนอนเมื่อไหร่คุณก็ควรหาเวลางีบหลับเมื่อนั้น การนอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียงเป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นตัวเองจากการผ่าตัด
• 4 ถึง 6 สัปดาห์ผ่านไป: ความเจ็บปวดน่าจะเหลือน้อยแล้ว และมีแนวโน้มที่จะทำกิจกรรมอะไรหนักๆ ได้สะดวกสบายขึ้น อย่างเช่น การขับรถ การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์กับคนรัก แต่อย่าเพิ่งเริ่มทำอะไรถ้ายังไม่ได้ปรึกษากับคุณหมอก่อน

เคล็ดลับดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด

พักผ่อนเยอะๆ

การผ่าคลอดเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวเหมือนการผ่าตัดอื่นๆ นั่นแหละ ฉะนั้นหลังผ่าคลอดก็เตรียมตัวนอนอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีกสามถึงสี่วัน (หรืออาจจะนานกว่านั้นถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา) และให้เวลาร่างกายฟื้นตัวเองอีกหกสัปดาห์ ในช่วงเวลาที่ลูกน้อยกำลังต้องการความสนใจอย่างมากนี้ คุณอาจจะหาเวลาพักผ่อนได้ยากเต็มที ฉะนั้นคำแนะนำที่ว่า "จงพักผ่อนตอนที่ลูกน้อยกำลังนอนหลับอยู่ซะ" นั้นเป็นคำแนะนำที่คุณควรทำตามนั้น โดยอาจขอให้เพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องช่วยทำหน้าที่เปลี่ยนผ้าอ้อมหรือทำงานบ้านแทน เพื่อที่คุณจะได้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

โภชนาการที่ดี

การมีโภชนการที่ดีในช่วงหลังคลอดนับเป็นเรื่องสำคัญมากพอๆ กับช่วงก่อนคลอดเลย ถ้าคุณให้ลูกกินนมแม่ ตัวคุณก็คือแหล่งสารอาหารหลักสำหรับลูกน้อย การทานอาหารที่หลากหลายจะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพที่ดีและมีความแข็งแรงได้ ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการทานผักในขณะให้นมบุตรนั้น จะช่วยให้ลูกน้อยติดใจในรสชาติของน้ำนม และอาจช่วยให้ลูกน้อยชอบกินผักเมื่อโตขึ้นได้ นอกจากนี้ก็อย่าลืมดื่มของเหลวเยอะๆ โดยเฉพาะ...น้ำ เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม และป้องกันอาการท้องผูก

ทะนุถนอมตัวเอง

คุณควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในขณะที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวเองอยู่ โดยหลีกเลี่ยงการขึ้นลงบนได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คุณควรเตรียมสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในการเลี้ยงดูลูกน้อย (อย่างเช่น อุปกรณ์ในการเปลี่ยนผ้าอ้อมและการป้อนอาหาร) ไว้ใกล้ๆ ตัว เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องผุดลุกผุดนั่งบ่อยเกินไป อย่ายกอะไรที่หนักเกินกว่าน้ำหนักตัวของลูกน้อย คุณขอความช่วยเหลือจากสามี เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัว พยายามไอและจามให้เบาที่สุด เพื่อที่แผลผ่าตัดจะได้ไม่กระเทือน ช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ แต่ควรเดินไปเดินมาบ่อยๆ เพื่อช่วยป้องกันอาการท้องผูกและลิ่มเลือด นอกจากนี้ก็ควรดูแลทางด้านสภาพจิตใจด้วย ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย เศร้า หรือผิดหวัง ก็อย่าเพิกเฉยกับความรู้สึกนั้น คุณควรพูดระบายกับเพื่อน คนรัก คุณหมอ หรือผู้ให้คำปรึกษาซะ

เยียวยาความเจ็บปวด

คุณควรปรึกษาคุณหมอว่าจะกินยาแก้ปวดชนิดไหนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณให้ลูกกินนมแม่ ซึ่งคุณหมออาจสั่งยาแก้ปวด หรือแนะนำให้คุณซื้อยาแก้ปวดตามร้านขายยา (อย่างเช่น ไอบูโพเฟน หรือ ไทลีนอล) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระดับความเจ็บปวดของคุณด้วย นอกจากยาแก้ปวดแล้ว คุณอาจใช้แผ่นให้ความร้อนไฟฟ้าในการช่วยคลายความเจ็บปวดได้

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด