ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ผิดวิธีไม่ปลอดภัย แถมยังมีสิทธิ์ท้อง

ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ผิดวิธีไม่ปลอดภัย แถมยังมีสิทธิ์ท้อง

ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ผิดวิธีไม่ปลอดภัย แถมยังมีสิทธิ์ท้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นยาคุมกำเนิดประเภทหนึ่ง ซึ่งได้ชื่อว่า "ฉุกเฉิน" เนื่องจากเป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบเฉพาะหน้า ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน หรือการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่เกิดผิดพลาด เช่น ถุงยางแตกหรือรั่ว อย่างไรก็ตาม สาวๆ หลายคนก็อาจยังเข้าใจผิด เกี่ยวกับการกินยาคุมฉุกเฉินอยู่

ชนิดของ ยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน เป็นยารับประทาน ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน มีสูตรต่างๆ ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน ได้แก่

  • ยาคุมฉุกเฉินแบบ Levonorgestrel 1.5 mg กิน 1 เม็ด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยาคุมฉุกเฉินแบบฮอร์โมนเดี่ยว
  • ยาคุมฉุกเฉินแบบ Levonorgestrel 0.75 mg กิน 2 เม็ด โดยครั้งแรกกับครั้งที่ 2 ห่างกัน 12 ชั่วโมง
  • ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนรวม หรือที่เรียกว่า Yuzpe Regimen คือ การใช้ยาสองชุด แต่ละชุดประกอบด้วย Levonorgestrel 0.5 mg และ Ethinyl estradiol 0.1 mg. ใช้ห่างกัน 12 ชั่วโมง
  • ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อ ellaOne ที่มีตัวยา Ulipristal acetate 30 mg ยังไม่มีขายในประเทศไทย แต่มีใช้ในต่างประเทศ เป็นยาคุมฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) สามารถกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน)

ยาคุมฉุกเฉินทำงานยังไง

ยาคุมฉุกเฉินจะมีฮอร์โมนสังเคราะห์ ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) สังเคราะห์ การทำงานของยาคุมฉุกเฉินคือ เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะช่วยระงับภาวะไข่ตก หรือช่วยชะลอภาวะไข่ตก ทำให้ไข่ไม่สามารถปฏิสนธิกับอสุจิได้ นอกจากนี้ยาคุมฉุกเฉินยังขัดขวาง ไข่ที่ได้ผสมกับอสุจิแล้ว (fertilizated egg) ไม่ให้ฝังตัวในผนังมดลูก จนพัฒนาเป็นตัวอ่อน ยาคุมฉุกเฉินจึงมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด การกินยาคุมฉุกเฉิน หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ต้องกินยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุด ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หากเลย 72 ชั่วโมงไปแล้ว ยาคุมฉุกเฉินจะไม่มีผล ในการป้องกันการตั้งครรภ์

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ การกินยาคุมฉุกเฉิน

ถึงแม้ยาคุมฉุกเฉินจะเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน แต่ผู้หญิงจำนวนมาก ก็ยังมีความเข้าใจผิดๆ อยู่หลายประการเกี่ยวกับการใช้ยาคุมชนิดนี้ ซึ่งทำให้มีการใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบผิดวิธี ซึ่งนอกจากจะเป็นอันตรายแล้ว ยังอาจทำให้ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ผล และก็ยังมีสิทธิ์จะท้องได้ด้วย

ใช้เป็นประจำ

ยาคุมฉุกเฉินเป็นฮอร์โมน คนละอย่างกับยาคุมกำเนิดแบบปกติ สาวๆ หลายคนกินยาคุมฉุกเฉิน แล้วเกิดอาการแพ้ เพราะในยาคุมฉุกเฉินเป็น ฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์แรง คือฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) ดังนั้น การใช้เป็นประจำจึงเป็นอันตรายมาก ยาคุมฉุกเฉิน ไม่ควรกินเกินเดือนละ 2 ครั้ง ถ้าต้องการกินเป็นประจำแนะนำให้ซื้อเป็น ยาเม็ดคุมกำเนิดปกติ แบบแผง 21 วันและ 28 วันแทน

ใช้ยาคุมฉุกเฉินช้าเกินไป

การกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องคือ กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเม็ดแรก ต้องกินภายใน 72 ชั่วโมง และหากเป็นยาคุมฉุกเฉินแบบแผง 2 เม็ด ให้กินเม็ดที่ 2 หลังกินยาเม็ดแรกภายใน 12 ชั่วโมง หากอาเจียนหลังกินยาคุมกำเนิด ใน 2 ชั่วโมงแรก จะต้องกินยาอีกครั้ง ข้อควรระวังคือสาวๆ ต้องไม่กินยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน หากกินยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด จะเป็น 95% แต่ถ้ากินยาภายใน 72 ชั่วโมง ก็ถือว่ายังสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อยู่ โดยมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด 89% สาวๆ ที่กินยาช้าเกินไป คือ 72 ชั่วโมง หรือประมาณ 3 วันผ่านไปแล้ว ยังไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน แถมตอนมีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ได้คุมกำเนิด ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงควรกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ถ้ารู้ตัวว่าไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น

ใช้เพื่อคุมกำเนิดในระยะยาว

ยาคุมฉุกเฉิน ไม่สามารถคุมกำเนิดในระยะยาวได้ หากไม่กี่อาทิตย์ต่อมา หรือไม่กี่วันต่อมา สาวๆ ไปมีเพศสัมพันธ์กับแฟน และไม่ได้ป้องกัน การหวังว่ายาคุมฉุกเฉินที่กินไปรอบที่แล้วจะช่วยได้นั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ออกแบบมาเพื่อคุมกำเนิดในระยะยาว การสวมถุงยางอนามัย การกินยาคุมกำเนิดแบบปกติ จะมีประสิทธิภาพมากกว่า สาวๆ ไม่ควรคิดว่ายาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ดจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ตลอดไป ดังนั้น ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ต้องเตรียมตัว ถ้าไม่ใช้ถุงยางอนามัย  ก็กินยาคุมกำเนิดแบบปกติไปเลย

ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพราะต้องการแท้งลูก

เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินเข้าไป ยาจะรบกวนภาวะตกไข่ รบกวนอสุจิไม่ให้ว่ายเข้าไปผสมกับไข่ได้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อไม่ให้ไข่ที่ผสมกับอสุจิ เข้าไปฝังตัวที่ผนังมดลูก จนกลายเป็นตัวอ่อนได้ ดังนั้น ความเข้าใจที่ว่า ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้แท้งลูก จึงเป็นความเข้าใจที่ผิด ยาคุมฉุกเฉินแค่ยับยั้งกระบวนการไม่ให้ ไข่กับอสุจิผสมกันจนเป็นตัวอ่อน แต่ถ้าสาวๆ คนไหนที่ตั้งครรภ์แล้ว เกิดการแบ่งเซลล์ที่ผนังมดลูก จนมีตัวอ่อนแล้ว ยาคุมฉุกเฉินก็ไม่มีผล

ใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จะติดต่อกันผ่านการสัมผัสโดยตรง ระหว่างผู้ที่เป็นโรค กับผู้ที่ยังไม่เป็นโรค ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่กินหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงไม่ช่วยในการป้องกันโรคใดๆ ส่วนวิธีการคุมกำเนิด ที่ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย คือการใช้ถุงยางอนามัย

ผลข้างเคียงที่ต้องระวัง

ถึงแม้ยาคุมฉุกเฉินจะเป็นตัวช่วยที่ดีในกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ยาคุมฉุกเฉินได้ สาวๆ ต้องระวังถ้าเกิดอาการเหล่านี้หลังจากกินยาคุมฉุกเฉิน

  • วิงเวียน
  • อาเจียน
  • ปวดหัวรุนแรง
  • ปวดท้องน้อยรุนแรง
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด

หากมีอาการที่รุนแรง ควรรีบไปพบหมอ หรือหากคุณกังวลเกี่ยวกับอาการอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ โปรดสอบถามจากหมอของคุณ ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีเดียวในการคุมกำเนิด ถ้าสาวๆ รู้ตัวว่าแพ้ ก็ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น การกินยาคุมกำเนิดแบบปกติ หรือใช้ถุงยางอนามัย Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook