รู้ไหม? ท้องเสีย ควรกินและไม่ควรกินอะไรบ้าง
อาการท้องเสียมักเกิดขึ้นได้เสมอๆหลังจากได้กินอาหารรสจัดหรือกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคทั้งนี้เป็นเพราะลำไส้เกิดการอักเสบ จนทำงานแปรปรวน ทำให้มีการขับถ่ายอุจจาระได้บ่อยครั้ง หากอาการท้องเสียสามารถหายได้เองใน 1 วันก็ยังไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากใช้เวลาหลายวันอาจทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำเป็นอันตรายขั้นรุนแรงได้ โดยอาหารแก้อาการท้องเสีย หากมีอาการไม่รุนแรงมีดังนี้
1.กินอาหารที่ย่อยง่ายๆ
ประเภทที่มีแป้งหรือข้าวเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก และควรแบ่งย่อยๆเป็นหลายมื้อเป็นการกินทีละน้อยๆค่อยๆปรับการทำงานของกระเพาะและลำไส้อย่างค่อยๆเป็นค่อยไปเพื่อช่วยให้กระเพาะหรือลำไส้ไม่ต้องทำงานหนัก และหลีกเลี่ยงอาหารหนักที่ต้องใช้เวลาย่อยนานๆเช่น เนื้อสัตว์หรือของมันๆด้วย
2.น้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยเกลือแร่ที่มีประโยชน์กับร่างกายมากกับผู้ที่ท้องเสีย ดื่มเพื่อเป็นการทดแทน ช่วยลดอาการอ่อนเพลียและจะช่วยให้สดชื่นขึ้น
3.ดื่มน้ำขิงอุ่นๆ
เป็นเพราะขิงมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการอักเสบ การระคายเคืองในลำไส้ให้ลดลงได้ ดังนั้นจึงเป็นการช่วยลดอาการท้องเสียได้ด้วยนั่นเอง
4.งดอาหารไฟเบอร์สูง
ก็คืออาหารที่มีใยอาหารสูงนั่นเอง เช่น ผักสดและผลไม้ต่างๆ เหล่านี้ต้องงดทันทีหากมีอาการท้องเสีย เพราะในเวลาปกติใยอาหารก็จะไปช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานให้ดีอยู่แล้ว หากกินในเวลาท้องเสียยิ่งเป็นการเร่งการเกิดแก๊สในกระเพาะ ทำให้เกิดการขับถ่ายบ่อยครั้งมากยิ่งขึ้น
5.งดการดื่มนม
เป็นเพราะในน้ำนมจะมีน้ำตาลแลคโตสที่ร่างกายโดยปกติก็ไม่ค่อยมีน้ำย่อยมาย่อยได้อยู่แล้ว เมื่อดื่มนมลงไป นมจะถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ในลำไส้เกิดเป็นกรดและแก๊ส ยิ่งดื่มในขณะท้องเสียอยู่แล้วยิ่งเป็นการเพิ่มภาระหนักให้กระเพาะและลำไส้จนอาจเกิดการถ่ายท้องให้มากครั้งจนรุนแรงมากขึ้นได้
6.กินน้ำเกลือแร่ ORS
เป็นเพราะร่างกายต้องสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายในขณะขับถ่ายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการดื่มกินน้ำเกลือแร่จึงเป็นข้อที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง หากหาซื้อไม่ได้ก็สามารถทำได้เองง่ายๆดังนี้ ใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำต้มสุก 1 ขวด (600 มิลลิลิตร) พร้อมเกลือป่น 1 ช้อนชาก็ได้เช่นกัน
หากการกินอาหารและงดกินอาหารดังกล่าวแล้ว อาการท้องเสียยังไม่ดี มีอาการถ่ายรุนแรงมากขึ้น หรือมีไข้สูงก็จำเป็นต้องไปพบแพทย์อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะหากร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ต่างๆจนช็อก ก็อาจเกิดเป็นอันตรายขั้นรุนแรงก็คงไม่เป็นการดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน