ตกขาวขณะตั้งครรภ์ เช็คสิ!! แบบนี้ไหนผิดปกติ อันตรายหรือไม่
![ตกขาวขณะตั้งครรภ์ เช็คสิ!! แบบนี้ไหนผิดปกติ อันตรายหรือไม่](http://s.isanook.com/wo/0/ud/22/114461/istock-505017852.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
การที่ร่างกายของแม่ตั้งครรภ์มีตกขาวเกิดขึ้นได้ในปริมาณที่เกิดเพียงเล็กน้อย ย่อมไม่เป็นการผิดปกติ เพราะขณะตั้งครรภ์แม่จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย โดยเฉพาะร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงมีมากนับตั้งแต่สัปดาห์แรกจนถึงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์
ตกขาวขณะตั้งครรภ์ แบบไหนผิดปกติ อันตรายไหม
การมีตกขาวระหว่างการตั้งครรภ์ที่ปกติมักจะมีลักษณะเป็นมูกใส หรือมีบ้างที่เป็นสีขาวขุ่นหรือคล้ายลักษณะที่เป็นแป้งเปียก ในแต่ละวันจะมีปริมาณไม่มาก ทั้งนี้จะขึ้นอยู่ฮอร์โมนในร่างกายของแม่ในแต่ละคนด้วย ตกขาวในขณะตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยๆ ซึ่งจะมีทั้งปกติและผิดปกติ ทั้งนี้จะทราบว่ามีตกขาวที่ผิดปกติหรือไม่ แม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องสังเกตตนเอง ว่ามีอาการตกขาวที่เปลี่ยนแปลงไปจนผิดปกติเกิดขึ้นไปจากเดิมหรือไม่ โดยตกขาวที่ผิดปกติมัก มีอาการคันที่อวัยวะเพศภายนอกและภายในช่องคลอด ตกขาวมีสีเปลี่ยนไปเช่น สีเหลืองเข้ม สีคล้ายหนอง มีกลิ่นเหม็นเหมือนนมบูด ปัสสาวะแสบขัด อาจมีเลือดออก หรือบางรายพบว่ามีสีเขียว ปนเทา เป็นฟอง อวัยวะบวมแดง ซึ่งอาการเหล่านี้คืออาการที่ตกขาวติดเชื้อโรคต่างๆแล้วไม่ว่าจะเป็น เชื้อรา เชื้อปรสิต เชื้อแบคทีเรีย การรักษาจะต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและให้ยาที่เหมาะกับการฆ่าเชื้อชนิดนั้นๆและจะต้องไม่เป็นอันตรายกับทารกในครรภ์ด้วย
วิธีแก้อาการตกขาวที่ผิดปกติและวิธีดูแลตัวเอง
1.ต้องรักษาสุขอนามัยส่วนตัวให้สะอาดอยู่เสมอเช่นการทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาดแต่เพียงภายนอกก็เพียงพอ ไม่ควรสวนล้างอวัยวะเข้าไปภายใน และต้องทำความสะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่าย ต้องซับให้แห้งอย่าปล่อยให้อับชื้น
2.ไม่ควรใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่นจนเกินไป สวมใส่สบายด้วยใยผ้าที่ช่วยระบายความร้อนได้ดี และต้องเปลี่ยนกางเกงในบ่อยๆในเวลาที่มีตกขาวเกิดขึ้น ไม่ทาแป้งหรือฉีดน้ำหอมที่อวัยวะเพศ
3.หากจำเป็นต้องใส่ผ้าอนามัยควรใช้แบบปกติ ไม่ควรใช้แบบสอดเพราะจะยิ่งอาจทำให้ตกขาวรุนแรงขึ้นได้
4.เมื่อเกิดอาการที่ผิดปกติไม่ควรหายามาทาหรือซื้อกินเอง เพราะอาจส่งผลเสียกับทารกในท้องได้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
การรักษาแพทย์จะวินิจฉัยก่อนว่าตกขาวติดเชื้อด้วยเชื้อโรคชนิดใด โดยหากเป็นเชื้อราแพทย์อาจให้ยาโคลไทรมาโซล หากเป็นตกขาวติดเชื้อพยาธิ ก็อาจให้ยา เมโทรนิดาโวลมากิน และหากพบว่าสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วยก็อาจจะต้องนำคู่สมรสมารักษาไปพร้อมๆ กันเพื่อเป็นการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้อีกนั่นเอง