เปิดใจสองคุณแม่มือใหม่ "น้ำทิพย์-เข็ม" ชีวิตเปลี่ยนแค่ไหนเมื่อมีลูก
ขึ้นแท่นคุณแม่มือใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้สำหรับสองสาว ‘คุณบุ๋ม-น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ’ และ ‘คุณเข็ม-ธีราภา พร้อมพันธุ์’ ซึ่งได้ให้กำเนิดเบบี้น้อยหน้าตาน่ารักน่าชัง ‘น้องอัณย่า’ และ ‘น้องด้าย’ เมื่อหลายเดือนก่อน จนมาวันนี้คุณแม่ทั้งสองก็พร้อมเปิดประสบการณ์การเป็นคุณแม่มือใหม่ ให้เราได้ทราบกัน บอกเลยว่าอ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ เป็นความรักฉบับแม่ลูกส่งท้ายเทศกาลวันแม่ที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้อย่างดีเลยทีเดียว
ชีวิตเปลี่ยน!
ทั้งคุณแม่เข็มและคุณแม่บุ๋มยอมรับกับเราว่าชีวิตทุกวันนี้ตั้งแต่มีลูกเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตประจำวันหรือแนวคิดที่เกี่ยวพันกับชีวิตก็ตาม
สาวสวยนัยน์ตาคมผิวสีน้ำผึ้ง คุณน้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ หรือคุณบุ๋ม ทายาทของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งแต่งงานกับคุณนิโคลัส โฮ นักธุรกิจหนุ่มชาวฮ่องกง และเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งให้กำเนิดลูกสาวชื่อน้องอัณยา เทือกสุบรรณ โฮ เล่าให้เราฟังว่า
“ตอนนี้เวลาที่ให้ตัวเองน้อยลงมาก เพราะลูกเป็นส่วนใหญ่ของชีวิตเลย แต่บุ๋มคิดไว้เมื่อนานมาแล้วว่าไม่อยากเป็นคุณแม่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้วอยู่แต่กับลูก แบบว่าอยู่ดีๆชีวิตคุณก็จบเลย...ไม่ใช่ บุ๋มไม่อยากเป็นคุณแม่แบบนั้น เพื่อนชวนทานข้าวฉันยังอยากไปทานข้าวกับเพื่อน เพราะจริงๆเป็นคนที่ต้องมีตารางชีวิตเป็นของตัวเอง ต้องไปออกกำลังกาย หรือออกไปเที่ยวกับสามี หรือที่ที่ตัวเองอยากไป
“แต่พอมีลูกแล้ว ก็จะมีตารางเวลาของลูกเพิ่มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพราะเราต้องให้นมลูก และพยายามจะให้นมแม่ เดี๋ยวนี้บุ๋มยังกลับไปทำงานที่แปซิฟิคซิตี้คลับสามวันต่ออาทิตย์ ก็จะนั่งรถไฟฟ้าไปทำงานสักสองสามชั่วโมง เพื่อจะกลับมาทันให้นมลูก และจากนั้นไปออกกำลังกาย เหมือนชีวิตต้องเป๊ะขึ้นไปอีกในเรื่องของเวลา เพราะเราไม่อยากทิ้งเขาไปไหนนาน”
ส่วนสาวใบหน้าสวยหวาน คุณเข็ม-ธีราภา พร้อมพันธุ์ ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณศรีสกุล พร้อมพันธุ์ และมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับคุณแก๊บ-สุรภาพ ลิ่มอติบูลย์ และมีโซ่ทองคล้องใจที่มีชื่อคล้องจองกับคุณแม่อย่าง ‘น้องด้าย’ ก็ได้เผยความรู้สึกว่า
“เปลี่ยนไปมากค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าใจเราอยู่ที่ลูก เวลาออกไปข้างนอก เข็มเห็นประตูห้องปั๊บ เข็มวิ่งเข้าประตูเลย เหมือนใจเราพะวงถึงเขาจนรู้สึกไม่ไหวแล้ว และที่ตลกคือว่าเวลาเขาหิวกับเวลาที่เข็มน้ำนมคัดมักจะตรงกัน มันจะตุบๆๆรู้สึกเลยว่าลูกหิวนม”
จุดเริ่มของข่าวดี
คุณบุ๋มเริ่มเปิดฉากตอบคำถามก่อนว่า เป็นเรื่องที่เธอไม่คาดคิดเอาเสียเลยว่าจะตั้งท้องอย่างรวดเร็ว “ก็ตั้งใจไว้นะคะว่าแต่งงานได้สักพักแล้วอยากท้องเลย แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ (หัวเราะเบาๆ) พอดีไปงานแต่งงานเพื่อนที่อิสราเอล รู้สึกว่าเหนื่อยแล้วก็ง่วงมาก ก็คุยกับสามีว่าสงสัยแดดร้อน แล้วรู้สึกว่าเอ๊ะ...ทำไมประจำเดือนไม่มาสักที และเจ็บหน้าอก ก็ยังคุยกับสามีว่าไม่น่าจะใช่อาการของคนท้องหรอก เพราะเจ็บหน้าอก แสดงว่าประจำเดือนมาแน่
“เขาก็เสิร์ชหาข้อมูลพบว่า อาการเจ็บหน้าอกนานๆ เป็นอาการของคนท้อง ทีนี้ก่อนหน้านั้นบุ๋มเจ็บหน้าอกนานเกือบเดือนและปัสสาวะบ่อย แสดงว่าท้องแน่ สามีก็เลยไปหาซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์ทั่วอิสราเอล ปรากฏว่าวุ่นวายมาก กว่าจะหาได้ พอได้มาก็ลองตรวจ ปรากฏว่าใช่ แต่เรายังไม่บอกใคร เพราะอยากรอให้แน่ใจว่าท้องก่อน
“พอกลับมาเมืองไทยก็ไปตรวจที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าท้อง ก็บอกคุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่าย ทุกคนก็ดีใจ เพราะเขาอยากให้รีบมีอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นบุ๋ม 34 ซึ่งถือว่าช้า ถ้ารอถึง 35 มันเป็นเกณฑ์อันตราย ต้องตรวจสุขภาพเยอะมาก”
”จำได้ว่าวินาทีแรกที่คุณลุงได้ข่าว ท่านก็อมยิ้มแล้วบอกว่าอืมมม...คิดว่า(ท้อง) นะ ซึ่งเร็วมาก” คุณเข็มบอกกับเรา
คุณบุ๋มเสริม “เรายังช็อคเองเลย”
“ขณะที่เข็มใช้เวลาสองปี เพราะเหมือนร่างกายเข็มไม่ปกติ ทำให้มีลูกยาก ทีแรกคิดว่าจะไปเก็บไข่ แต่ประจำเดือนไม่มาสักที เข็มกลัวว่าหมอจะไปเที่ยวเมืองนอก ปรึกษาคุณหมอทำยังไงดีประจำเดือนไม่มาสักที แล้วอยู่ดีๆก็เหมือนเป็นกรดไหลย้อนตลอดเวลา”
“ตอนที่เขาตั้งใจจะท้องก็ไม่ท้อง แต่พอไม่ตั้งใจท้องกลับท้อง แล้วตอนแรกเข็มมีแพลนที่จะไปทริปสละโสดกับบุ๋มและเพื่อนๆอีกหลายคนที่ฮ่องกง อยู่ดีๆเข็มก็โทรมาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว” คุณบุ๋มช่วยน้องสาวเล่า
“แพ้ท้องหนักมาก แล้วก็ยังไม่บอกใครเลยว่าเข็มท้อง นั่งรถไม่ได้เพราะนั่งแล้วอาเจียนในรถขนาดนั้นเลย”
“บุ๋มก็แพ้ท้องหนักเหมือนกัน แต่ว่าตอนนั้นอยู่ที่ฮ่องกง แพ้มากจนไม่ออกจากบ้านเลย ถ้าจะออกจากบ้านก็ต้องเตรียมถุงก๊อบแก๊บไว้ในกระเป๋า เพราะในฮ่องกงถนนหนทางเป็นเนินหมดแล้วก็คดเคี้ยว ก็จะอาเจียนตลอด เป็นแบบนี้อยู่ 3-4 เดือน น้ำหนักลดไป 2-3 ก.ก. แต่หลังจากนั้นน้ำหนักพุ่งเลย เพราะว่าช่วงแพ้บุ๋มทานอะไรไม่ได้เลย พอเริ่มทานได้ก็เลยอยากทานโน่นทานนี่ แต่จริงๆแล้วมันไม่อร่อยเท่าเดิมหรอก จนเข้าเดือน 7 เดือน 8 นี่แหละถึงจะเริ่มรู้สึกว่าอาหารมีรสมีชาติขึ้น ทำให้อยากทาน แต่ทั้งบุ๋มแล้วก็เข็มไม่มีใครอยากทานอะไรเป็นพิเศษเลย”
“ช่วงท้องเข็มจะลุ้นตลอดเวลาว่าลูกจะปลอดภัยไหม จะแข็งแรงหรือเปล่า จะเป็นกังวล และไม่กล้าดีใจมาก เหมือนกลัวไม่รู้ทำไมนะคะ” คุณเข็มเล่า
“บุ๋มก็เหมือนกัน ไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรมาก เพราะเราเห็นตัวอย่างของคนที่ผิดหวังนู่นนี่ แล้วท้องเราเริ่มใหญ่เหมือนอุ้มลูกแฝด บุ๋มอยากคลอดแบบธรรมชาติ แต่ลูกก็ไม่ออกมาสักที จนปาเข้าไป 40 อาทิตย์เลยกำหนดแล้ว”
“พี่บุ๋มอยากคลอดธรรมชาติแต่ทำไม่ได้ ส่วนเข็มคลอดธรรมชาติ ก็จะคอยถามพี่บุ๋มว่าเจ็บหน่วงๆหรือยัง พี่บุ๋มก็จะบอกว่ายังเลย แต่เข็มคิดว่าพี่บุ๋มแข็งแรงมาก ลูกคงแฮปปี้ไม่อยากออกมา (คุณเข็มพูดพลางหันไปยิ้มให้พี่สาว) เพราะช่วงอาทิตย์สุดท้ายเข็มรู้สึกอึดอัดมาก แล้วก็เสียดท้องตลอด
“วันที่เจ็บท้องเข็มยังไปคุยกับเพื่อนห้องใกล้ๆ แล้วเล่นตีกลองเสียงดัง ยังคิดอยู่เลยว่าตายแล้ว! น้ำจะแตกตรงนี้ไหมเนี่ย ปรากฏว่าคืนนั้นเจ็บท้องเลย ไปโรงพยาบาลตอน 8 โมงเช้า คลอดอีกที 8 โมงเช้าของอีกวัน เรียกว่าเจ็บ 24 ชั่วโมง แล้วเหมือนด้ายเขาเงยหน้า หมอก็ต้องกลับหน้าเขาแล้วค่อยให้เราเบ่ง
“แว่บแรกที่เห็นลูกก็แปลกใจ โอ้โห...ทำไมลูกเราตัวยาวจัง ตามด้วยความโล่งอก ตอนที่พยาบาลส่งลูกมาให้อุ้ม รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตออกมาจากตัวเราจริงๆ เหมือนหัวใจเราหลุดออกมา นี่คืออีกครึ่งหนึ่งของตัวเรา ความรู้สึกรักมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่พอเห็นเขามันเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่งเป็นความรักที่ออกมาเป็นตัวเป็นตนในอ้อมกอดเรา นี่คงเป็นความรู้สึกของคนเป็นแม่” คุณเข็มเผยความรู้สึกในใจให้เราฟัง นัยน์ตายาวรีของเธอดูวาววามด้วยความซาบซึ้ง
“ส่วนของบุ๋มกลับมาคลอดที่เมืองไทย เพราะสามีบอกว่าแล้วแต่ความสบายใจของเรา พอท้องได้สัก 7 เดือนกว่าก็กลับเมืองไทย ก็รู้สึกว่าเราตัดสินใจถูกแล้วละ เพราะคุณหมอดีมาก สัญญาว่าจะไม่เจ็บ ก็ไม่เจ็บจริงๆ จนลูกออกมาแล้วบุ๋มยังงง เสร็จแล้วหรือ” คุณเข็มเล่ามาตรงนี้ก็หัวเราะเบาๆ ความเป็นแม่ของทั้งสองสาวเริ่มโกลาหลก็ตอนนี้
คุณแม่ป้ายแดง
เริ่มจากคุณบุ๋ม เธอบอกเราว่าช่วงสัปดาห์แรกนั้นเรียกว่า ‘หนัก’ สำหรับเธอมาก เพราะว่าแผลผ่าตัดยังไม่แห้ง แม้ไม่เจ็บ แต่ก็ต้องคอยระวังไม่ให้แผลถูกน้ำ
“ตอนแรกน้ำนมก็ยังไม่มา ต้องให้ลูกกระตุ้น แต่พอน้ำนมมาแล้วเนี่ย คราวนี้มาเยอะเลย ก็ต้องปั๊มเก็บไว้ เวลาอาบน้ำต้องระวังแผลไม่ให้ถูกน้ำ น้ำนมก็ไหลลงมาอีก คือทุกอย่างเยอะไปหมดในช่วงสัปดาห์แรก แต่พอวีคที่สองก็ดีขึ้น เริ่มปรับตัวได้ โชคดีที่สามีหา Confinement nurse จากฮ่องกงส่งมากรุงเทพฯ เพื่อให้ช่วยทุกอย่าง
“ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก เพราะเขามาดูแลทั้งเรา และดูแลลูกด้วย นอกจากนี้ยังทำอาหารให้เราทาน เพื่อเรียกน้ำนมและบำรุงร่างกายให้มดลูกเข้าอู่ เขาจะพยายามทำให้ร่างกายเราอุ่นอยู่เสมอ ตอนแรกเขาบอกว่าห้ามสระผมหนึ่งเดือน ก็ต่อรองเป็นสองอาทิตย์แล้วกัน ซึ่งพยาบาลคนนี้ทำให้ชีวิตบุ๋มดีมาก ตอนนี้ก็ใกล้หมดวาระเขาแล้ว เพราะสามีจัดมาให้สามเดือน บุ๋มเริ่มเครียดแล้วก็อดใจหายไม่ได้ เพราะว่าชีวิตสบายมาก ไม่ต้องกังวลเลย”
เมื่อเราหันมาถามคำถามเดียวกันกับคุณเข็ม เธอบอกเราว่า ‘ตรงกันข้าม’ เลย เพราะเธอไม่มีพยาบาลประจำ พี่เลี้ยงเด็กคนแรกที่มีก็หนีออกจากบ้าน ทำให้ชีวิตเธอในช่วงแรกนั้น “ชุลมุนวุ่นวายมาก เข็มเจอมาครบเลย ทั้งน้ำนมไม่ไหล เจ็บหน้าอก พี่เลี้ยงที่คิดว่าจะมาช่วยเลี้ยง ปรากฏว่าไม่เคยเลี้ยงเด็กอ่อนมาก่อน พอเขาทำไม่ได้ เราก็ชักแปลกๆ เลยจ้างพยาบาลมาช่วยสอนให้ เขาก็ไม่พอใจ ตอนหลังเขาก็เลยหายไปเลย
“ตอนแรกน้องด้ายตัวเหลือง หมอก็เลยให้กินนมผง ทีนี้พอกินนมขวดเขาก็เลยไม่กินนมแม่ นมเราก็เลยไม่ไหล ทำให้เครียด พอเครียดน้ำนมก็หาย มันจะเป็นปัญหาวนเวียนอยู่แบบนี้ แต่ความจริงแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นเดือน
“ฝ่ายพี่แก๊บก็เป็นฝ่ายให้กำลังใจ เพราะเขาเลี้ยงไม่เป็นเลย แล้วก็กลัวด้วย จะคอยเป็นห่วงตลอด เขาจะเป็นฝ่ายเล่นกับลูก ลูกรักประหนึ่งรักกันมาแต่ชาติปางก่อน (หัวเราะ) สำหรับเข็ม เข็มว่าการได้ใกล้ชิดลูกเป็นความทรงจำที่ดีมาก เข็มจะเขียนโน้ตไว้ตลอดว่า วันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างเช่นวันนี้ด้ายกินนมแม่ แล้วอยู่ดีๆก็หันมายิ้มให้แม่ด้วย หรือวันนี้เราอยู่กันสองคนไม่มีพี่เลี้ยง หรือวันนี้ยิ้มให้พ่อ เข็มจดพัฒนาการของลูกเก็บไว้หมดในมือถือค่ะ”
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ในนิตยสาร HELLO! ปีที่ 13 ฉบับที่ 14 ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2561 หรือดาว์นโหลดฉบับดิจิตอลได้ที่ www.ookbee.com , www.shop.burdathailand.com
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ