เลิกใส่ส้นสูง แล้วจะเกิดอะไรดีๆ กับสุขภาพของเราบ้าง
เลิกใส่ส้นสูง อาจทำให้ผู้หญิงบางคนทำใจไม่ได้ เนื่องจากส้นสูงอยู่คู่กับแฟชั่นมานับเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่ถ้าใครเลิกใส่ส้นสูงได้ล่ะก็ จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นมากมาย มีอะไรบ้างมาดูกันเลย...
อาการปวดหลังจะหายไป
คุณอาจคิดว่าการใส่ส้นสูงนั้นจะส่งผลกระทบต่อเท้าและขาเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วรองเท้าส้นสูงได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากกว่านั้นเยอะ คือจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อตั้งเท้า ขา หลังช่วงล่าง หลังช่วงกลาง เรื่อยไปจนถึงกล้ามเนื้อคอเลยล่ะ นอกจากนี้เวลาที่เราใส่ส้นสูงนั้น เราจะแอ่นกระดูกเชิงกรานไปทางด้านหลัง ส่งผลให้เกิดแรงกดบริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอว และกล้ามเนื้อแถวๆ นั้น ฉะนั้น นอกจากจะทำให้กระดูกเชิงกรานวางแนวไม่ได้ระดับแล้ว ยังทำให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นได้ด้วย แต่ถ้าคุณหยุดใส่ส้นสูงเมื่อไหร่ กระดูกเชิงกรานก็จะวางแนวอยู่ในระดับปกติ และทำให้อาการปวดหลังหายไปอย่างปลิดทิ้ง
มีโอกาสติดเชื้อราน้อยลง
ผู้หญิงมักจะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากเมื่อพูดถึงเรื่องแฟชั่น เนื่องจากเรามักจะต้องบีบตัวเข้าไปอยู่ในเครื่องแต่งกายที่ไม่สบายเนื้อสบายตัวเลย อย่างเช่น เสื้อชั้นในแบบมีโครงลวด ถุงน่อง กางเกงรัดรูป และรองเท้าส้นสูง แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าการใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ นั้นจะส่งผลเสียอย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจเกิดการติดเชื้อที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาได้ ด้วยความที่รองเท้าหัวแหลมและรองเท้าส้นสูงจะทำให้เกิดแรงกดอย่างต่อเนื่องบริเวณปลายเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนิ้วหัวแม่เท้า จึงมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อราได้ง่าย แต่ถ้าเราเลิกใส่ส้นสูงเมื่อไหร่ ก็จะช่วยลดแรงกดบริเวณเล็บเท้าลงได้ จึงช่วยลดการติดเชื้อราลงได้ รวมทั้งอาการพิกลพิการที่จะติดตามคุณไปตลอดชีวิตด้วย
ลดโอกาสที่จะพิกลพิการ
ปัญหาที่รุนแรงอีกอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นจากการใส่ส้นสูงนานเกินไป ก็คือทำให้เกิดเป็นตาปลาและสภาพนิ้วเท้าหงิกงอผิดปกติได้ ถ้าอาการเช่นนี้ยังไม่เกิดขึ้นกับคุณ คุณก็ยังมีเวลาที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วยการใส่รองเท้าพื้นราบเก๋ๆ แทน ซึ่งถ้าคุณทำแบบนั้น ก็ช่วยให้เท้าไม่เกิดแรงบิด ซึ่งอาจทำให้อาการนิ้วงอผิดปกติเกิดอาการเจ็บปวดได้ รวมทั้งยังลดการก่อตัวของตาปลาที่ดูน่าเกลียดๆ ลงได้ด้วย
ลดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อหัวเข่า
การใส่ส้นสูงก็ส่งผลที่ไม่ดีต่อหัวเข่าด้วยนะ โดยอาจจะเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้ (ซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า) แต่ผลการศึกษาวิจัยพบว่า เวลาที่เราหยุดใส่ส้นสูงนั้น จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดกับหัวเข่าลงได้ตั้งแต่ 19 ถึง 26 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสูงของรองเท้าส้นสูงที่คุณใส่ด้วย
คุณจะเดินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใส่รองเท้าส้นสูงในระยะยาวนั้น จะทำกลไกในการเดินทางระบบประสาทเปลี่ยนไป โดยการศึกษาวิจัยที่ให้ผู้หญิงจำนวนเก้าคนใส่รองเท้าส้นสูงสัปดาห์ละอย่างน้อย 40 ชั่วโมง เป็นเวลาสองปี (ร่วมกับผู้หญิงที่ไม่ได้ส้นสูงเป็นประจำ) ก็ได้ข้อสรุปว่าผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงในระยะยาวมีประสิทธิภาพในการเดินลดลง อันเป็นผลมาจากการเดินและการวางเท้าที่เปลี่ยนไป ถึงแม้จะไม่ได้ใส่สูงอยู่ก็ตาม ฉะนั้นก็เปลี่ยนมาใส่รองเท้าส้นแบนหรือรองเท้ากีฬาบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงอาการผิดปกติแบบนี้
ลดโอกาสบาดเจ็บที่ข้อเท้า
เวลาที่เราใส่ส้นสูงนั้นจะทำให้จุดสมดุลในร่างกายเลื่อนสูงขึ้นไป ฉะนั้น จึงทำให้เกิดความไม่มั่นคง และมีแนวโน้มจะเกิดการหกล้มได้ง่าย และยิ่งใส่ส้นสูงมากๆ ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสที่จะหกล้มมากขึ้นตามไปด้วย โดยผลการศึกษาวิจัยพบว่าคนที่ใส่ส้นสูงแล้วเกิดอาการบาดเจ็บนั้น มักจะมีอายุต่ำกว่า 55 ปี และมักจะเกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า เนื่องจากเวลาที่ข้อเท้าเกร็งอยู่นั้น ก็มีโอกาสจะเกิดข้อเท้าแพลงได้ง่าย แต่ถ้าเราหยุดใส่ส้นสูงหรือใส่ให้น้อยลง ผลการศึกษาวิจัยก็บอกว่าจะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าลงได้
ร่างกายต้องการเวลาปรับตัว
ถ้าสาวคนไหนตัดสินใจที่จะเลิกใส่ส้นสูงหลังจากใส่มาเป็นเวลานานๆ แล้วล่ะก็ นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยบอกว่า ร่างการอาจต้องการเวลาในการฟื้นฟูตัวเองเล็กน้อย กว่าจะกลับสู่ในสภาพปกติได้ ซึ่งก็หมายความว่าเนื้อเยื่อจะเริ่มปรับตัวให้เหมาะสมกับท่าทางใหม่ เอ็นร้อยหวายจะยืดออก อาการปวดหลังช่วงล่างจะหายไป และเท้าก็จะไม่รู้แข็งและเกร็งอีกต่อไป
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด