คอร์สรักษาสิวฉบับเวชกรรม

คอร์สรักษาสิวฉบับเวชกรรม

คอร์สรักษาสิวฉบับเวชกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สิวเกิดจากการอุดตันที่รูขุมขนบริเวณผิวหนัง ปัจจัยหลักในการเกิดสิวคือ ร่างกายผลิตน้ำมันที่ชั้นผิวหนังมากเกินไป เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไปอุดตันรูขุมขน และการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนังทำให้เกิดการอักเสบ ส่วนการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เพื่อการเจริญเติบโตในช่วงวัยรุ่นก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

คอร์สรักษาสิวฉบับเวชกรรม


1. ทำความสะอาดหน้าด้วยคลิ่นซิ่ง

 การทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลิ่นซิ่ง ก่อนได้รับการรักษาสิวแบบเต็มคอร์ส จะเป็นขั้นตอนแรกในการชำระสิ่งสกปรกต่างๆ ทั้งเครื่องสำอาง มลภาวะฝุ่นละออง ควันมลพิษ ที่ติดมาบนหน้าในระหว่างวันออก

ขั้นตอนในการรักษา : แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จะใช้สำลีแบบแผ่นชุบกับคลีนซิ่ง สูตรเฉพาะสำหรับคนที่เป็นสิวและผิวแพ้ง่าย จากนั้นก็จะเช็ดทำความสะอาดหน้าให้เรา โดยจะเช็ดย้อนรูขุมขนหรือตามแนวขนนั่นเอง พอเช็ดเรียบร้อยแล้วแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก็จะฉีดน้ำแร่ให้เราทั่วใบหน้า ก่อนจะใช้กระดาษทิชชูสำหรับเช็ดหน้าซับให้อีกรอบ


2. มาส์ก AHA กรดผลไม้
การมาส์กหน้าด้วย AHA (Alpha Hydroxy Acid) สารประกอบมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากผลไม้ธรรมชาติ เช่น กรดซิตริกจากมะนาว ส้ม และส้มโอ เป็นต้น ปัจจุบันกรดผลไม้ นิยมใช้กันมากในวงการแพทย์ผิวหนัง เพื่อใช้รักษาสิว ฝ้า จุดด่างดำ ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้า กรดผลไม้นี้จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นให้เซลล์ใหม่มาแทนที่ พร้อมทั้งช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน และขาวสดใสขึ้น

ขั้นตอนในการรักษา : แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จะทาครีมแบบเจลที่มีส่วนผสมของ AHA ให้เราทั่วใบหน้าเว้นตากับปาก โดยจากนั้นจะทิ้งไว้ 10 นาที เพื่อให้กรดผลไม้ได้ซึมซับลงสู่ผิว พอครบเวลาก็ล้างหน้าออกด้วยน้ำสะอาด โดยบางคนอาจจะรู้สึกแสบคันในขั้นตอนนี้ เนื่องจากกรดผลไม้ไปทำปฏิกิริยากับสิว จึงทำให้มีอาการดังกล่าว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นสิวมากหรือน้อย และชนิดของสิวเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ในกรณีที่ทนอาการแสบคันไม่ไหว สามารถล้างหน้าออกก่อนครบเวลา 10 นาทีได้


3. กดสิว
การกดสิวเป็นขั้นตอนการรักษาที่ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น ลดการเกิดสิวใหม่ และช่วยป้องกันสิวอุดตันพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบ ซึ่งมีความรุนแรงขึ้น และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นในภายหลังได้ ซึ่งการกดสิวจะมีประสิทธิภาพดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับชนิดของสิวด้วย ส่วนใหญ่การกดสิวจะได้ผลดีกับสิวอุดตันมากที่สุด ทั้งสิวหัวดำและสิวหัวขาว สิวเหล่านี้จะอุดตันบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าขรุขระไม่เรียบเนียน

ขั้นตอนในการรักษา : แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จะใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อเจาะลงบนผิวหนัง และบีบบริเวณที่เป็นสิว ให้หนองและของเหลว หรือสิ่งที่อุดตันอยู่ภายในสิวไหลออกมา


4. BHA นวดหน้านาโน
ขั้นตอนการนวดหน้านาโน จะใช้ตัว BHA (Beta Hydroxy Acid) ที่เป็นสารสังเคราะห์ขึ้นมา โดย BHA จะช่วยในเรื่องเร่งกระตุ้นการผลัดเซลล์ของผิวหนัง ให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขาวใสขึ้น ทั้งลด ฝ้า กระ จุดด่างดำให้ดูจางลง ลดริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งการใช้เครื่องนาโนนวดหน้า จะทำให้ตัวครีมเจลซึมเข้าสู่ผิวได้เป็นอย่างดีและทั่วถึงจุดที่เราต้องการรักษา ขอบอกเลยว่าขั้นตอนนี้สบายสุดๆ และถ้าใครได้ลองทำแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน

ขั้นตอนในการรักษา : เริ่มจากนำเจลเย็นที่มีส่วนผสมของ BHA มาทาให้ทั่วใบหน้าเว้นดวงตาและปาก หลังจากนั้นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะทำการกำหนดค่าความร้อนของเครื่องนาโน และใช้เจ้าตัวเครื่องนาโนหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า เครื่องนวดหน้าไฟฟ้า มานวดทั่วใบหน้าและตามบริเวณที่ต้องการรักษาสิวหรือรอยดำ รอยแดงที่จากการสิว ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที พอครบกำหนดเวลาเจ้าตัวเครื่องนาโนจะส่งสัญญาณขึ้น จากนั้นแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ จะใช้อุปกรณ์ปาดครีมออกจากหน้าเราและเช็ดทำความสะอาด พร้อมฉีดน้ำแร่ และซับให้อีกรอบ


5. เลเซอร์หน้าใส IPL

IPL (Intense Pulsed Light) คือพลังงานแสงความเข้มสูง คล้ายแสงแฟลช ที่ใช้ในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยรักษารอยที่เกิดจากแสงแดด ฟื้นฟูสภาพผิวทำให้ผิวอ่อนเยาว์ และลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย การทำเลเซอร์หน้าใส IPL ยังช่วยรักษารอยดำ โดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก ทั้งยังทำลายเส้นเลือดฝอยเล็กและทำให้เส้นเลือดหดเล็กลง ช่วยรักษารอยแดงได้อีกด้วย และรูขุมขนที่กว้างก็จะกระชับเล็กลง ปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ เพื่อผิวที่ขาวใสยิ่งขึ้น

ขั้นตอนในการรักษา : เริ่มจากนำเจลเย็นมาทาตรงบริเวณที่จะรักษา และสวมแว่นดำเพื่อป้องกันแสงจ้า ที่เกิดจากเครื่อง IPL แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะกำหนดพลังงานแสงที่ตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษา แล้วนำหัว IPL มาวางทาบบริเวณที่รักษาและปล่อยลำแสงออกมา แสงที่ออกมาจะมีความจ้ามากคล้ายกับแสงแฟลชถ่ายภาพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook