5 สัญญาณบ่งชี้ที่เตือนว่าควร “ออกกำลังกาย” ได้แล้ว
การออกกำลังกายเป็นสิ่งปกติสำหรับสาวกเฮลตี้ทั้งหลาย แต่สำหรับเหล่าชาวเอ็นจอยอีทติ้งที่มีความสุขกับการกินทุกอย่างและฟินทุกครั้งที่ได้กินของอร่อยๆ แถมยังไม่ค่อยจะชื่นชอบกับการออกกำลังกายก็อย่าชะล่าใจและมีความสุขไปวันๆ กับการกินนะคะ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างแน่นอน และในวันนี้เรามีสาระดีๆ ที่อยากจะแชร์เกี่ยวกับสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณควรเริ่มต้นออกกำลังกายได้แล้ว มีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูเลยค่ะ
1.โดนทัก
เมื่อคนใกล้ตัวเริ่มทักบ่อยๆ เกี่ยวกับขนาดตัวหรืออวัยวะที่สังเกตเห็นง่ายๆ อย่างเช่น แขน ขาหรือหน้าที่ดูเปลี่ยนไป อาจจะดูใหญ่หรือหนาขึ้น หรือแม้แต่คำพูดที่ว่า “อ้วนขึ้นไหม” หรือ “ดูอวบขึ้นนะ” ล้วนเป็นการสื่อให้รู้ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้วนั่นเอง
2.มักหิวตลอดเวลา
เป็นอาการที่กินอาหารแล้วไม่รู้จักอิ่ม รู้สึกเพียงแค่ว่าอยากกินอีกแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งกินเข้าไปไม่นานเท่าไรแต่ความหิวก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะว่าอาหารที่ที่กินเข้าไปมีสารอาหารที่ไม่เพียงพอ เมื่อเราตามใจปากเมื่ออยากกินทุกครั้งก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอ้วนในที่สุด ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีเราจึงควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย
3.เสื้อผ้าที่ใส่ประจำเริ่มคับ
แม้จะมีคนทักว่าอ้วนเราก็อาจจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ตอกย้ำและการันตีให้เราได้อย่างดีคือเสื้อผ้าที่เคยใส่สบายๆ พอดีตัวดันคับและรัดแน่นไปหมด นี่ก็เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นเราได้อย่างดีว่าต้องควบคุมอาหารและฟิตร่างกายโดยด่วนก่อนที่จะต้องเปลี่ยนไซส์เสื้อผ้าให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
4.นอนหลับยากจากความเครียด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากความเครียดสามารถช่วยได้ด้วยการออกกำลังกาย เพราะจะทำร่างกายและสมองได้ผ่อนคลายซึ่งจะช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้น
5.โดนเบียดเบียนจากโรคภัยไข้เจ็บได้ง่าย
เมื่อมีน้ำหนักตัวมากขึ้น ไขมันส่วนเกินที่สะสมในร่างกายก็มีมากตามมา จึงนำไปสู่การเจ็บปวดหัวเข่า สะโพกหรือหลังมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เหนื่อยง่ายและเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ความดันและเบาหวานด้วยค่ะ ดังนั้นการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายควบคู่จะช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักและสร้างสุขภาพที่ดีรวมทั้งช่วยเสริมสร้างความงามให้ผิวพรรณเราด้วยค่ะ
เห็นไหมคะว่า ถ้าไม่อยากเศร้าใจในภายหลังเราต้องระวังและเปลี่ยนพฤติกรรมแย่ๆ ด้วยการหันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น อย่ามัวแต่รอให้มีคนมาจุดประกายหรือรอสิ่งกระตุ้นที่เสี่ยงและเป็นอันตรายอย่างคาดไม่ถึง แล้วจึงค่อยเห็นความสำคัญเมื่อสายจนเกินไปนะคะ