ห่วงคุมกำเนิด กับหลากหลายข้อดีในการคุมกำเนิดเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ

ห่วงคุมกำเนิด กับหลากหลายข้อดีในการคุมกำเนิดเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ

ห่วงคุมกำเนิด กับหลากหลายข้อดีในการคุมกำเนิดเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ห่วงคุมกำเนิด หรือ ห่วงอนามัย (Intrauterine Device: IUD) เป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างหนึ่ง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานของห่วงคุมกำเนิด และเรื่องอื่นๆ ที่คุณควรรู้เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดชนิดนี้ เพื่อที่จะได้เลือกใช้งานอย่างเหมาะสม

ห่วงคุมกำเนิดคืออะไร

ห่วงคุมกำเนิด หรือ ห่วงอนามัย หรือห่วงอนามัยคุมกำเนิด (IUD) เป็นเครื่องมือชิ้นเล็กๆ ที่จะถูกสอดเข้าไปในมดลูกของผู้หญิง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ถือเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับผู้หญิง ซึ่งใช้งานได้นาน และผู้หญิงสามารถตั้งครรภ์ได้ทันทีที่เอาห่วงออก

โดยทั่วไปห่วงคุมกำเนิดแบ่งเป็นสองชนิด

  • ห่วงคุมกำเนิดแบบเคลือบทองแดง
  • ห่วงคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน ซึ่งจะปล่อยฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนเข้าสู่มดลูกของคุณอย่างช้าๆ

ห่วงคุมกำเนิดทำงานอย่างไร

ห่วงคุมกำเนิดป้องกันการผสมพันธ์ุของไข่ โดยทองแดงหรือฮอร์โมนจากห่วง จะเปลี่ยนเส้นทางของสเปิร์มที่เคลื่อนที่เข้าสู่ไข่ หรือบางครั้งก็หยุดยั้งไม่ให้ไข่มีการฝังตัวที่ผนังมดลูก

ห่วงคุมกำเนิดมีข้อดีอย่างไร

ห่วงคุมกำเนิดมีข้อดีหลายอย่าง ได้แก่

  • เป็นวิธีการคุมกำเนิดในระยะยาว ที่สามารถใช้งานได้สามปีหรือมากกว่านั้น
  • คุณสามารถตั้งครรภ์ได้ทันทีที่ต้องการ เมื่อเอาห่วงออก
  • เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพมากถึง 99%
  • เอาออกได้ง่ายเมื่อคุณไม่ต้องการคุมกำเนิดแล้ว
  • ไม่ส่งผลเสียต่อการให้นมบุตร
  • ไม่ทำความรำคาญให้แก่คู่รักของคุณ
  • ไม่มีข้อพิสูจน์ถึงความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
  • ห่วงแบบเคลือบทองแดงไม่มีส่วนประกอบของฮอร์โมน
  • ห่วงแบบเคลือบทองแดง สามารถทำหน้าที่เสมือนยาคุมฉุกเฉินได้
  • ไม่มีผลข้างเคียง เนื่องจากปล่อยฮอร์โมนออกมาเพียงเล็กน้อยมาก

ความเสี่ยงของการใช้ห่วงคุมกำเนิด

โดยทั่วไปแล้ว ห่วงคุมกำเนิดถือว่าปลอดภัย ความเสี่ยงบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ก็อย่างเช่น

  • มีความเป็นไปไปได้เล็กน้อยที่จะเกิดการติดเชื้อ (ราว 1%) ในขณะที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด
  • มีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดความเสียหายต่อมดลูก (ราว 1 ใน 1,000)
  • มีโอกาสในการตั้งครรภ์ แต่ก็เป็นไปได้ยากมาก
  • อาจเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก
  • ห่วงแบบเคลือบทองแดงอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น หรือปวดท้องหนักมากในระหว่างมีประจำเดือน
  • ทองแดงอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ได้
  • ห่วงแบบฮอร์โมนอาจทำให้เกิดปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ประจำเดือนน้อยกว่าปกติ หรือมีมากกว่ากว่าปกติ
  • อาจมีโอกาสที่ห่วงคุมกำเนิด จะหลุดออกมาได้เอง (ราว 5%)

ใครสามารถใช้ได้บ้าง

ห่วงคุมกำเนิดเหมาะสำหรับผู้หญิงแทบทุกคน ทั้งวัยรุ่นและหญิงสาวที่ยังไม่เคยมีบุตร ห่วงแบบฮอร์โมนยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้หญิงที่ประจำเดือนมามากอีกด้วย

ใครที่ไม่ควรใช้ห่วงคุมกำเนิด

ผู้หญิงควรรักษาอาการติดเชื้อใดๆ ก็ตามที่มี ก่อนการใช้ห่วงคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิดแบบเคลือบทองแดง ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ปกติมีเลือดประจำเดือนออกมาก หรือมีอาการปวดท้องอย่างหนักในช่วงมีประจำเดือน เนื่องจากมันอาจทำให้อาการพวกนี้แย่ลงได้

ช่วงเวลาในการใส่ห่วงคุมกำเนิด

การใส่ห่วงคุมกำเนิดสามารถทำได้ในช่วงต่อไปนี้

  • ในระหว่างมีประจำเดือน หรือหลังจากเพิ่งหมดประจำเดือน
  • หกสัปดาห์หลังคลอดบุตร
  • ในระหว่างที่มีการผ่าตัดเพื่อทำแท้ง
  • หลังการร่วมเพศที่ไม่มีการป้องกัน (ใช้ห่วงแบบเคลือบทองแดง) เป็นการคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินอย่างหนึ่ง

ควรดูแลห่วงคุมกำเนิดอย่างไร

หมอของคุณจะสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องนี้ได้ เมื่อใส่ห่วงคุมกำเนิดให้คุณ และคุณควรกลับไปให้หมอตรวจดู หลังจากใส่ห่วงไปแล้วหกสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าห่วงอยู่ในที่ทางที่เหมาะสม ไม่เลื่อนหลุด หรือมีปัญหาอื่นใด หลังจากนั้น โปรดปรึกษาหมอเพิ่มเติมในเรื่องนี้

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook