รวม 3 สูตร น้ำสลัดญี่ปุ่น ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน
น้ำสลัดจากอดีตสู่ปัจจุบัน
สมัยก่อนคนญี่ปุ่น กินผักสลัดแค่ผักกะหล่ำปลีหั่นฝอยกับน้ำสลัดเฟร้นซ์ พอเริ่มมีน้ำสลัดรสใหม่ๆจึงเริ่มกินกับผักสดชนิดอื่นเช่นผักกาดแก้วและมะเขือเทศ
น้ำสลัดญี่ปุ่นแต่ละรส เริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไร ถ้าลองดูจากประวัติความเป็นมาของน้ำสลัดยี่ห้อ ”คิวพี” จะเห็นได้ว่ามีดังนี้ค่ะ
ปี ค.ศ.1958 เริ่มผลิตน้ำสลัดสไตล์ฝรั่งเศส (French Dressing)
ปี ค.ศ.1963 เริ่มผลิตน้ำสลัดรสเทาซั่นไอแลนด์ (Thousand islands)
ปี ค.ศ.1965 มีน้ำสลัดที่มีรสของโชยุ (Oriental Dressing)
ปี ค.ศ.1978 น้ำสลัดญี่ปุ่น (Wafu Dressing) เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย พร้อมด้วยน้ำสลัดแบบจีน (Chuka Dressing)
ปี ค.ศ.1989 มีน้ำสลัดญี่ปุ่นสูตรไร้น้ำมัน (Non Oil Dressing)
ปี ค.ศ.2000 ครั้งแรกที่มีน้ำสลัดงาผสมกับมายองเนส (Deep Roasted Sesame Dressing) ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดมาตลอดจนทุกวันนี้ค่ะ
จะเห็นได้ว่า น้ำสลัดนั้นเริ่มต้นจากการเลียนแบบอาหารตะวันตก รสแรกเป็นรสที่เลียนแบบ French Dressing ซึ่งมีรสเปรี้ยว ส่วนแบบเค็มๆ เช่นสูตรญี่ปุ่น สูตรงานั้นเกิดมาทีหลังค่ะ
ปัจจุบันน้ำสลัดญี่ปุ่นมีหลากหลายสูตร เช่น น้ำสลัดวาซาบิ น้ำสลัดหอมใหญ่ น้ำสลัดหัวไชเท้า น้ำสลัดใบชิโสะ (พืชทีี่ใบมีรสเปรี้ยวเหมือนบ๊วย) ซึ่งเป็นที่นิยม แต่จะปรุงเองก็ยุ่งยากค่ะหลายๆคนจึงนิยมซื้อไว้ติดบ้าน
แต่สูตรที่เราจะแนะนำวันนี้นะคะ เป็นสูตรที่ทำเองได้ง่ายด้วยวัตถุดิบที่มีติดครัว สำหรับผู้ที่ชอบทำอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วแทบไม่ต้องซื้อส่วนผสมใดๆเพิ่มเลยค่ะ
ทุกสูตรมีส่วนผสมของงาขาวคั่วบด มาเตรียมงาขาวกันก่อนค่ะ
งาขาวดิบ น้ำมาล้าง พักให้สะเด็ดน้ำ นำไปคั่วจนสุกหอม แล้วน้ำมาตำหรือบดไม่ต้องละเอียดมากเพราะหากบดนานไป น้ำมันจากงาจะออกมามากเกินค่ะ
งาขาวคั่วแล้ว ที่ญี่ปุ่นมีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ซองประมาณ 1 ขีด ราคาประมาณ 100 เยน (29 บาท) แม้จะคั่วมาแล้ว เราก็ควรนำมาคั่วซ้ำค่ะ เพื่อให้มีกลิ่นหอม (แกะถุงออกมา นำไปคั่วได้เลย ไม่ต้องล้างน้ำค่ะ) ถ้าอยู่ที่ไทยคงต้องคั่วเองค่ะ
ครกญี่ปุ่น (ซึริบาจิ)
ครกบดของญี่ปุ่น (ซึริบาจิ すり鉢) ด้านในเป็นร่องถี่ ทำให้บดงาได้ง่ายอย่างรวดเร็ว และไม่มีกระเด็นหกเหมือนการตำ ไม่ต้องใช้มือป้อง ใช้สะดวกมากค่ะ ฐานของครกมียางรอง ทำให้ยืดกับพื้น กันการกระแทก ไม่ให้มีเสียงดังด้วยนะคะ ขนาดเล็กๆประมาณฝ่ามือ หาซื้อได้ตามร้านร้อยเยนค่ะ ร้านไดโซะก็มีขายนะคะมักจะมาเป็นเซ็ทพร้อมสากไม้เล็กๆค่ะ
น้ำสลัดงาญี่ปุ่น สูตรน้ำใส
สูตรนี้มีส่วนผสมของน้ำมันงา จริงๆน้ำสลัดที่ใส่น้ำมันงา คือ น้ำสลัดแบบจีน (Chuka Dressing 中華ドレッシング) แต่ไม่ใช่น้ำสลัดของประเทศจีนนะคะ เป็นสูตรของคนญี่ปุ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจีนเฉยๆค่ะ ในส่วนนี้ใช้น้ำมันพืชชนิดอื่นแทนได้
สูตรน้ำใสนั้นว่ากันว่ากินกับสลัดอโวคาโดอร่อยที่สุดค่ะ “อะโวคาโด” เจ้าผลไม้ลูกกลมๆ จากประเทศร้อนอย่างเม็กซิโกนั่นแหละ ปัจจุบันคนญี่ปุ่นนิยมกินกันมากด้วยรสชาติที่มันๆ กับสัมผัสนุ่มๆค่ะ
ส่วนผสม สำหรับ 2-3 ที่
1. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
2. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
3. โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
5. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
6. งาขาวคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมทุกอย่างให้เข้ากันก็กินผักสลัดได้เลยค่ะ สลัดที่แนะนำคือสลัดอะโวคาโดและผักสดค่ะ
น้ำสลัดงาญี่ปุ่น สูตรน้ำข้น ใส่มายองเนส
สูตรนี้จะมีความมันข้นถึงรส แต่มีความละมุนด้วยมายองเนส เด็กๆกินได้ง่ายกว่ารสอื่น เข้ากับสลัดทุกชนิดค่ะอย่างเช่นสลัดไข่ต้ม สลัดไก่ฉีก เป็นต้น
ส่วนผสม 2-3 ที่
1. มายองเนส 5 ช้อนโต๊ะ
2. งาขาวคั่วบด 3 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา
4. โชยุ 2 ช้อนชา
5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันก็พร้อมรับประทาน แนะนำให้ใช้ถ้วยผสมนะคะ เพราะน้ำข้น ง่ายต่อการคนค่ะ
สลัดที่แนะนำนะคะคือ สลัดไก่หรือไข่ต้มที่กล่าวไปข้างต้น สลัดหลากสี หรือสลัดอะไรก็ได้ที่เข้ากับมายองเนสค่ะ
น้ำสลัดงาญี่ปุ่น สูตรไร้น้ำมัน
สูตรนี้มีส่วนผสมของขิงทำให้ไม่เลี่ยน กินกับสลัดที่มีเนื้อก็เหมาะ อย่างเช่น สลัดเนื้ออบ หรือนำไปผัดกับหมูก็อร่อยค่ะ แต่ที่ง่ายและอร่อยสุดคือ กินกับเต้าหู้นิ่มของญี่ปุ่นค่ะ
ส่วนผสม สำหรับ 2 ที่
1. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
2. โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
3. มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
5. งาขาวคั่วบด พอประมาณ
6. ขิงฝนละเอียด นิดหน่อย
วิธีทำ
ผสมน้ำส้มสายชู โชยุ มิริน น้ำตาลทราย ใส่หม้อตั้งไฟ พอเดือดยกลง ใส่งาและขิงลงไป พักให้เย็นก็พร้อมรับประทานค่ะ
สลัดที่แนะนำนะคะ คือสลัดเต้าหู้ค่ะ
น้ำสลัดโฮมเมดเก็บได้กี่วัน
โดยทั่วไปแล้วน้ำสลัดที่ปรุงเองควรกินให้หมดในวันที่ปรุงค่ะ หากกินไม่หมดนำไปแช่ตู้เย็น จะสามารถเก็บได้ 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับความสะอาดของภาชนะและขั้นตอนการทำนะคะ เพราปกติแล้วเราไม่สามารถอุ่นน้ำสลัดผ่านความร้อนฆ่าเชื้อโรคได้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บไว้ได้นานค่ะ
จากอัตราส่วนแต่ละสูตรข้างต้น มีส่วนผสมที่น้อย กะไม่ยาก รับรองว่าทำแล้วทานได้หมดใน 1-2 มื้อ เลือกสูตรที่ชอบ แล้วลองทำกินกันเองดูบ้างนะคะ อร่อย สด ถูก ปรับรสชาติเองได้ ไม่แพ้ซื้อสำเร็จรูปแน่นอนค่ะ