เลือกน้ำตาลทำขนมให้อร่อย
อาหารอร่อยต้องมีรสชาติกลมกล่อม แต่ขนมอร่อยต้องมีรสหวานนำ ความหวานนี้ได้มาจากน้ำตาลหลากหลายที่มีขายอยู่ทั่วไป ส่วนหนึ่งเป็นน้ำตาลที่ได้จากน้ำหวานของอ้อย น้ำตาลอีกประเภทหนึ่งเป็นน้ำตาลที่ไม่ตกผลึก ได้จากพืชตระกูลปาล์ม เช่น น้ำตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าว ได้จากยางของต้นไม้ เช่น เมเปิลไซรัป นอกจากนี้ยังมีน้ำผึ้ง คอร์นไซรัป (Corn Syrup) ที่เรียกกันว่าน้ำเชื่อมจากข้าวโพด ของหวานแต่ละประเภทถ้าจะให้หอมอร่อยควรเลือกใช้น้ำตาลให้มีกลิ่นรสที่เข้ากัน
น้ำตาลทรายออร์แกนิก ให้รสหวานเหมือนกับน้ำตาลทรายสีขาว แต่มีเกล็ดใหญ่กว่า สีน้ำตาลอ่อน บางคนเรียกว่าน้ำตาลทรายสีรำ (Raw Sugar) ขั้นตอนการผลิตจะไม่ใช้สารเคมี จึงเหมาะกับคนรักสุขภาพมาก
น้ำตาลทรายขาว (Mill White Sugar) ใช้ทำน้ำเชื่อม จะทำให้น้ำเชื่อมใสน่ากิน รสหวานจัด ส่วนใหญ่มักใช้ในการทำขนมไทย เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เชื่อมผลไม้ ฉาบ แช่อิ่ม ในอาหารคาวใช้ปรุงอาหารให้มีรสหวาน
น้ำตาลป่นละเอียด (Caster Sugar) คือน้ำตาลทรายขาวเม็ดเล็กละเอียด ส่วนใหญ่ใช้ทำเบเกอรี่
น้ำตาลทรายแดง (Brown Sugar) เป็นน้ำตาลที่ไม่ผ่านการฟอกจนขาว จึงมีกลิ่นหอมหวานจากอ้อย มีความชื้นสูง รสชาติไม่หวานแหลม อมเปรี้ยวนิดๆ เก็บไว้ไม่ได้นาน นิยมใช้ทำขนมที่ต้องการกลิ่นหอม เช่น ใส่เต้าฮวย เฉาก๊วย เค้กหรือคุกกี้ รวมทั้งบางประเภทที่ต้องการสีและกลิ่นหอมเฉพาะ
น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) เป็นน้ำตาลทรายขาวป่นละเอียดที่มีส่วนผสมของแป้งอยู่ร้อยละ 3 นิยมโรยบนหน้าขนมให้สวยงาม
น้ำตาลกรวด (Crystalline Sugar) มีรสหวานอ่อนๆ ไม่หวานแหลมเหมือนน้ำตาลทราย คนจีนนิยมใส่ในน้ำซุป นำไปตุ๋นรังนก ตุ๋นสาลี่ ใส่ในน้ำรากบัว ซึ่งเชื่อว่ากินน้ำตาลกรวดแล้วร่างกายเย็นชุ่มชื่น
น้ำตาลที่ไม่ตกผลึก เช่น น้ำตาลโตนด น้ำตาลมะพร้าว มีกลิ่นหอมเฉพาะที่เข้ากันได้ดีกับน้ำกะทิ มักใช้ทำขนมหวานของไทย สำหรับเมเปิลไซรัป น้ำผึ้ง ใช้ราดแพนเค้ก ส่วนคอร์นไซรัปนั้นเหนียวข้น ช่วยให้เนื้อขนมไม่เหลว ใช้ใส่ในเนื้อของพีแคนพาย
แม้น้ำตาลเหล่านี้จะให้รสหวานเหมือนกัน แต่มีกลิ่น รส ที่แตกต่างกันไป และขนมจะหอมละมุน น่ากิน ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่การใช้น้ำตาลให้เข้ากับขนมนั่นเอง