สวยแท้ไม่ใช้แอป! น้องสิตางค์ เด็กไทยหน้าตุ๊กตา ฉายา บาร์บี้อีสาน

สวยแท้ไม่ใช้แอป! น้องสิตางค์ เด็กไทยหน้าตุ๊กตา ฉายา บาร์บี้อีสาน

สวยแท้ไม่ใช้แอป! น้องสิตางค์ เด็กไทยหน้าตุ๊กตา ฉายา บาร์บี้อีสาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แค่เห็นก็ใจละลายให้กับความน่ารักของ น้องสิตางค์ เด็กน้อยวัย 1 ขวบ 4 เดือน ที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ ด้วยความน่ารัก หน้าต้าจิ้มลิ้ม จนได้ฉายา บาร์บี้อีสาน

กลายเป็นเด็กไทยที่มีความสวยโดนเด่นตั้งแต่ลืมตาดูโลกเลยก็ว่าได้ สำหรับ น้องสิตางค์ เด็กอีสาน จากจังหวัดโคราช ฉายแววสวยตั้งแต่ลืมตาดูโลก จนตอนนี้มีคนเอารูปไปแชร์ต่อๆ กัน จนหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนตุ๊กตามีชีวิต

วันนี้ Sanook! Women ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณแม่ตะวัน จะมาบอกเล่าประสบการณ์คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูก 3 คนและหลานบุตรบุญธรรมอีก 1 คน หลังจากที่คุณพ่อน้องสิตางค์ได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากไปอย่างกะทันหัน เธอต้องก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและรับผิดชอบรายจ่ายเองทุกอย่าง คุณแม่เล่าว่า "น้องสิตางค์เป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไปไหนใครๆ ก็ให้ความเอ็นดู ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่โคราช เมื่อก่อนแม่เรียนที่มหาวิทยาลัยที่กรุงเทพ ทำงานและพอมีน้องสิตางค์ แม่ย้ายกลับมาอยู่บ้านที่โคราช และคุณแม่มีอาการแพ้ท้องและคุณยาอายุเยอะแล้ว คุณแม่เลยลงมาดูแลท่าน" 

จุดเริ่มต้น ทำให้เป็นที่รู้จัก?

"เริ่มจากคุณแม่ลงรูปน้องในเฟซบุ๊คส่วนตัว แล้วมีคนแชร์ต่อๆ ไป มีเพจต่างๆ มาขอรูปไปแชร์ต่อไป จากนั้นเลยทำให้มีคนเข้ามากดไลค์และเป็นที่รู้จักกันไปเรื่อยๆ"


เคยมีใครติดต่อให้เข้าวงการบ้างมั้ย?

"ตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะให้น้องมาทำอะไรเกี่ยวกับงานบันเทิง แม่เคยรับงานตอนน้องเด็กๆ เป็นงานที่เกี่ยวกับการกุศล เช่น ให้น้องถ่ายเสื้อผ้าและรายได้จากการขายนำไปซื้ออาหารกลางวันให้เด็กกำพร้า คุณแม่ให้ทำ แต่ถ้าเป็นรีวิวสินค้า คุณแม่ยังไม่ได้รับรีวิวให้ใคร หนึ่งเลยน้องยังเล็กและกลัวว่าน้องจะรับผิดชอบงานสำคัญๆ ต่อลูกค้าไม่ได้ สองเลยแม่ลูกยังเด็กแม่แค่อยากโพสรูปลงเฟซบุ๊คให้เข้าโตตามวัย ไม่ได้จับแต่งตัวให้โตเกินวัย อย่างการเลือกเสื้อผ้า คุณแม่จะเลือกความอ่อนหวานและตามวัย สายเดี่ยว เกาะอกแม่ว่าก็น่ารักดี แต่แม่ว่าแฟชั่นมันจะมีช่วงเวลา แม่จะเลือกเป็นสม็อคเดรสหรือชุดที่ดูสุภาพ เพือให้เวลาผ่านไปย้อนกลับมาดูเมื่อไหร่ลูกเราก็น่ารัก"

คุณแม่ลูกสามแบบนี้ มีวิธีเลี้ยงลูกอย่างไร?

"คุณแม่จะสอนให้เขาตักบาตร สวดมนต์ก่อนนอน อย่างพี่ชายเขาสามารถท่องได้จนจบ แต่สิตางค์อาจจะยังท่องไม่จบแต่ถึงเวลาเข้าจะรู้ว่าถึงเวลาคลานไปหยิบหนังสือสวดมนต์มาให้ คุณแม่พยายามจะปลูกฝังเข้าไปเรื่อยๆ ในด้านอื่นๆ แม่ก็ปลูกฝังให้เขารักสัตว์ เริ่มจากของเล่น ที่เราซื้อมาเราต้องรักและดูแล จากของเล่นเราก็ยกระดับมาเป็นสิ่งมีชีวิตเช่น ต้นไม้ ให้เขาดูแล ถ้าทิ้งขว้างไม่ให้อาหาร ต้นไม้ก็จะตาย เยอะที่สุดเลยก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ ตะวันจะสอนให้เขารู้จักความรัก สอนให้เขารู้จักดูแลสัตว์เหล่านี้ ถ้าเราไม่ดูแลเขาในตอนที่สุนัขป่วย มันเหมือนเราทิ้งขว้างสิ่งหนึ่ง มันค่อยข้างจะใช้ได้ผลกับลูกตะวัน อย่างลูกชายเวลาเห็นนกเจ็บ เขาจะรีบเก็บนกมาใส่ยา แม่จะค่อยๆ เห็นสิ่งนี้จากตอนที่พี่ๆ เขาไปโรงเรียน เขาจะเข้ากันได้กับเพื่อนๆ ไม่รังแกใคร หรือถ้าโดนรังแกเขาจะใจเย็น จะคุยกับคุณแม่ จะไม่ใช่อารมณ์ก่อนเสมอ ลูกๆ ตะวันเป็นเด็กเรียนดี ได้รับทุนการศึกษา อย่างการใช้เงิน ลูกชายตะวันเรียกอยู่โรงเรียนเอกชนที่โคราช แต่เขาทั้ง 2 คนประหยัดมากๆ ตะวันให้เงินลูกคนละ 50 บาท ทั้งๆ ที่ ภูริ พี่ชายคนโตอยู่ ม.1 และ ภูรพี ลูกชายคนที่ 2 ใช้ได้สองวัน เพราะเขาทราบว่าตะวันเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่ได้มีใครมาช่วย ตะวันก็ปลูกฝังเขาตั้งแต่คุณพ่อไม่อยู่ เนื่องจากคุณพ่อเขาเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตั้งแต่ตั้งท้องน้องสิตางค์อยู่ในท้อง 2 เดือน เราไม่ได้ขาดเหลืออะไร แต่เราจะอยู่กันแบบพอเพียงมากกว่า"


น้องสิตางค์เป็นเด็กเลี้ยงง่ายมั้ย?

"ตอนแรกคุณแม่กังวลมาก เพราะคุณพ่อเขาจากไปตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ แม่กังวลว่า น้องจะขาดความอบอุ่น อย่างพี่ๆ ได้เจอพ่อ แต่สิตางค์ไม่ได้เจอ ทุกคนๆ จะรู้ว่าสิตางค์ไม่มีพ่อ แล้วทุกคนจะสปอยล์ จะตามใจเขา พอตะวันคลอดน้องออกมา ตะวันค่อนข้างเซอร์ไพรส์ว่า สิตางค์ไม่งอแงเลยนับตั้งแต่วันที่ไปคลอดคนเดียว โดยที่ไม่มีคุณพ่อไปรอรับ น้องไม่ร้องกวน ไม่ทำให้ตะวันซึ่งถ้าเราไปคลอดเตียงอื่นๆ จะมีคุณพ่อไปดูแล แต่ตอนคลอดสิตางค์คุณพ่อเสียไปแล้ว ความรู้สึกค่อนข้างหว่าเว้ ห้องพิเศษที่ตะวันอยู่หลังคลอดไม่มีใครมาเฝ้า เพราะคุณยายต้องดูแลพี่ๆ แม่อยู่กับสิตางค์ 2 คน พอออกจากโรงพยาบาลแล้ว น้องสิตางค์เลี้ยงง่ายมาก มีช่วงที่เขาเปลี่ยนนมก็ไม่เป็นอะไร ยกเว้นป่วยตามฤดูกาล อย่าง RSV ที่น้องอาจจะได้รับเชื้อจากหลายๆ ทาง เวลาน้องไปข้างนอกจะมีคนมากอด มาอุ้ม พนักงานจะจำได้หมด แล้วเราก็จะปล่อยให้คนเล่นกับน้อง นอกนั้นก็ไม่เคยป่วยอะไรเลยค่ะ"

รู้สึกอย่างไรที่ตอนนี้น้องเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียล?

"แม่ค่อนข้างดีใจ เพราะเราไม่คิดว่าจะมีคนมาแชร์ลูกเราเยอะอะไรขนาดนี้ ตะวันพยายามจะสื่อออกไปในการเลี้ยงลูก พาไปดูคอกวัวของคุณตา ไปเดินเล่นข้างทาง ทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเอง แม่รู้สึกว่าคนไทยรักเด็ก แต่ไม่ได้รู้สึกว่าลูกเราดังนะ เพราะทุกวันนี้เลี้ยงลูกเหมือนเดิม ของอะไรใช้ต่อพี่ได้ก็ใช้ ของใช้ก็จะซื้อของเซลล์ และใช้ต่อจากพี่มาถึงน้อง เวลาจะออกไปนอกบ้าน จะต้องดูหรูหรา ใครมาจับ จะไม่ให้ใครมาจับตัวลูก ตะวันจะไม่เคยทำแบบนั้น และไม่มีความคิดที่จะเป็นแบบนั้น ดีใจด้วยซ้ำที่ทุกคนเอ็นดูน้อง เพราะถ้าในบรรดาญาติทุกคนที่เจอบางคนถึงกับร้องไห้ เพราะเขารู้สึกว่าถ้าพ่อเขายังอยู่เขาต้องดีใจ เพราะพ่อเขารอลูกคนนี้มานานมาก สมัยที่ตะวันยังไม่ได้เป็นม่าย ตะวันไม่ต้องเหนื่อย พ่อของน้องดูแลจ่ายใช้จ่ายทุกอย่าง รายได้ที่ตะวันทำมา ตะวันค่อนข้างที่จะเอามาใช้จ่ายเรื่องส่วนตัว อยากได้อะไรก็ซื้อ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นตะวันรับภาระเองทุกอย่าง ผลกระทบคือลูกๆ ต้อง ลดในหลายๆ อย่างที่จะสิ้นเปลือง แม้แต่ตัวสิตางค์เองบอกเลยว่าบางชุดเป็นมือสองนะคะ แต่คุณเลือกว่าตะเข็บระคายเคืองมั้ย ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงๆ ให้ลูก"

คิดอย่างไรกับกระแสดราม่า มีคนว่าใช้แอปพลิเคชันแต่งรูป?

"ปกติตะวันจะตอบด้วยคำสุภาพ ว่าน้องตาโตตั้งแต่เด็กแบบนี้เลยจ้า เพราะบางคนอาจจะไม่ได้เห็นคลิปภาพเคลื่อนไหวเลยคิดไปว่าแต่งรูป ทุกวันนี้เราต้องยอมรับทุกความเห็น ตะวันตัดใจได้ เรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำให้ตะวันเสียความเป็นตัวเองไป ตะวันไปตอบแล้วเขายังมาตอบด้วยคำพูดไม่ดี อย่างในเฟซบุ๊คแฟนๆ ที่โคราชเขาเคยเจอสิตางค์อยู่บ่อยๆ ตามห้าง เขาก็จะโมโหแทนและมาพิมพ์โต้ตอบให้"

รู้เรื่องราวของ น้องสิตางค์ และครอบครัวแล้ว ต้องขอชื่นชมและพร้อมเป็นกำลังใจให้คุณแม่ตะวัน ทำหน้าที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ดี มีลูกๆ และหลานที่น่ารัก น่าเอ็นดู เลี้ยงง่าย เป็นเด็กดีแบบนี้ตลอดไปนะคะ

สำหรับสาวๆ ที่อยากจะเห็น น้องสิตางค์ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงตอนนี้ บอกเลยว่า ยิ่งโตยิ่งน่ารัก ปากจมูก จมูกหน่อย จิ้มลิ้ม สวยสมฉายา บาร์บี้อีสานจริงๆ เลยค่ะ

 

อัลบั้มภาพ 58 ภาพ

อัลบั้มภาพ 58 ภาพ ของ สวยแท้ไม่ใช้แอป! น้องสิตางค์ เด็กไทยหน้าตุ๊กตา ฉายา บาร์บี้อีสาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook