ทำอย่างไร จะชนะใจ(พ่อแม่)คนรัก
คนเรามักจะหัวใจเต้นระรัว เลือดสูบฉีดอย่างรุนแรง ทำอะไรไม่ค่อยถูก เงอะๆงะๆ และรู้สึกมวนท้องนิดๆ คล้ายกับมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง...ขณะตกหลุมรักใครสักคน
แต่รับประกันได้เลยว่า อาการตื่นเต้นทำนองนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณเพียงแค่ครั้งเดียวแน่ๆ เพราะเมื่อความรักเติบโตไปในแต่ละขั้น ก็ย่อมต้องมีเรื่องราวให้ได้ "ลุ้น" กันอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของคนรัก ... ช่วงเวลาที่แทบทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชายต่างรู้สึกเหมือนๆ กันว่า "โห ยากมาก แล้วก็ตื่นเต้นอย่าบอกใคร"
7 ขั้นตอนเด็ด ที่จะทำให้คุณได้ใจและได้แต้มจากพ่อแม่คนรักแบบไม่ยาก ... นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน
ฉันรักเธอ เธอรักฉัน ... แค่นั้นไม่พอ
แม้ความรักจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ทั้งคุณและเขาต่างมีคนที่รักมากที่สุดในชีวิตเหมือนๆ กัน และเป็นธรรมดาที่คนเหล่านั้นย่อมต้องอยากรู้ว่า ใครกันที่จะก้าวเข้ามาในชีวิตของลูกชาย - ลูกสาวฉัน คนๆ นั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร น่าไว้วางใจหรือเปล่า ฯลฯ
ดังนั้นเมื่อความรักดำเนินมาถึงจุดที่คุณและเขาเริ่ม "แน่ใจและมั่นใจ" จงอย่ารั้งรอที่จะพาตัวเป็นๆ ของคนรักไปให้พ่อแม่ได้รู้จัก ได้รับรู้การตัดสินใจของคุณ ขั้นตอนนี้นอกจากจะแสดงถึงความจริงใจของคุณให้อีกฝ่ายได้รับรู้แล้ว ยังเป็นการวัดระดับความจริงใจของอีกฝ่ายไปในตัวได้ด้วย เพราะถ้าแต่อีกฝ่ายมีท่าทีบ่ายเบี่ยงหรือตอบแต่ "ไม่" เพียงอย่างเดียว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องฉุกคิดแล้วว่า "นี่คือ 'คนที่ใช่' จริงหรือเปล่า"
ยิ่งถ้าคุณและเขาหวังว่าจะเป็น "ครอบครัวเดียวกัน" ต่อไปในอนาคต ก็ยิ่งต้องเก็บข้อมูลกันและกันให้มากที่สุดเพื่อหาทางหนีทีไล่ ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น พ่อแม่ไม่ชอบหน้า ไม่ได้รับการยอมรับ ฯลฯเมื่อถึงเวลาแล้วก็จงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเตรียมตัวไปทำความรู้จักกับพ่อแม่คนรักกันได้เลย
ขั้นที่ 1 พร้อมไว้ก่อน ชัวร์กว่า !
จะไปเจอพ่อแม่คนรักทั้งทีต้องไปแบบ "มีกึ๋น" ต้องรู้ก่อนว่า พ่อแม่เขาทำงานอะไร เป็นคนอย่างไร (เจ้าระเบียบ หรือ สบายๆ ชอบ ไม่ชอบอะไร ฯลฯ ) และคุณควรต้องทำอย่างไรให้ "ดูดี" ในสายตาเขา ข้อมูลก็หาได้ง่ายๆ ไม่ต้องมัวเสิร์ชหาในกูเกิ้ลให้เสียเวลา ถามจากคนรักเรานี่แหละดีที่สุด ชัดเจน แม่นยำ และอัพเดท แถมเขาคงมีคำแนะนำอื่นๆ ให้คุณอีกเพียบ รับรองงานนี้ ไม่พลาด !
ขั้นที่ 2 First Impression สำคัญสุดๆ
ถึงแม้เราไม่ควรจะตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอกแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าสิ่งนี้มีอิทธิพลไม่น้อยที เดียว (ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด เราทุกคนก็มักจะจำภาพแรกที่เจอกันได้เสมอ) และแม้คุณควรจะเป็นตัวของตัวเอง แต่ในกรณีเช่นนี้ก็ต้องให้มีความพอเหมาะพอดี ถูกกาลเทศะด้วย คุณมีความมั่นใจในตัวเองได้ แต่ควรแสดงออกด้วยท่าทีที่สุภาพเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว ผู้ใหญ่จึงจะเอ็นดู
ขั้นที่ 3 ถึงเวลาเปิดเกมรุก
คุณควรเดินเข้าไปพร้อมกับหน้าตาที่สดชื่นแจ่มใส แสดงว่าคุณเต็มอกเต็มใจอยากรู้จักกับว่าที่ครอบครัวใหม่จริงๆ จำไว้ว่า มารยาทไทยผู้น้อยต้องมีสัมมาคารวะ นอบน้อมและเข้าหาผู้ใหญ่ก่อน จากนั้นคุณก็อาจเป็นฝ่ายชวนท่านคุยด้วยเรื่องทั่วๆ ไป (ไม่ต้องเป็นทางการ ขอสบายๆ) ถ้าบรรยากาศดูผ่อนคลาย ราบรื่นดี ค่อยขยับขยายไปพูดคุยเรื่องอื่นๆ เช่น กิจกรรมที่ท่านสนใจ แต่แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการแสดงทัศนคติในเรื่องที่เปราะบางเช่น การเมือง ศาสนา ฯลฯ
ยิ่งกว่านั้นถ้าอยากได้คะแนนนิยมเพิ่ม คุณควรมีของเล็กน้อยๆติดไม้ติดมือไปฝากพ่อแม่คนรักบ้าง ของชิ้นนั้นไม่จำเป็นต้องมีราคาสูง หายาก หรืออะไร อาจเป็นขนมเจ้าอร่อย หรือผลไม้ที่ท่านชอบ เพื่อแสดงถึงความใส่ใจที่คุณมีต่อท่าน
ขั้นที่ 4 มีน้ำใจ ไม่ดูดาย
ควรสังเกตบ้างว่า พ่อแม่คนรักกำลังทำอะไรอยู่ แล้วแสดงน้ำใจอาสาช่วยท่านบ้าง เช่น ถ้าเห็นแม่คนรักทำกับข้าวอยู่ก็อาสาเป็นลูกมือ หยิบจับทำนั่นทำนี่เท่าที่จะทำได้ พยายามทำตัวให้กลมกลืนเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ไม่ใช่ "นั่งดูดาย ไม่ยินดียินร้าย" เพราะใครๆ ก็ชอบคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นทั้งนั้น
ขั้นที่ 5 ขออาสามาดูแล
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้าน คุณก็ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการแสดงความรักระหว่างกันให้เหมาะสม อย่าสวีทหวานกันจนคนในบ้านเลี่ยน อย่าทำตัวติดกับคนรักเป็นตังเม แต่จงใช้เวลาให้คุ้มค่าด้วยการเก็บข้อมูล ทำความรู้จักกับคนในครอบครัวให้มากที่สุดดีกว่า รวมถึงต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่า คุณเป็นคนน่าไว้วางใจแค่ไหน ควรค่าแก่การคบหาเพียงใด ที่สำคัญคือ คุณต้องทำให้พ่อแม่คนรักไว้ใจและมั่นใจว่า คุณจะขออาสามาดูแลลูกสุดที่รักแทนท่าน ไม่ได้จะมาแย่งความรักไปจากท่าน (สักหน่อย !)
ขั้นที่ 6 อดทนในวันนี้ เพื่อชัยชนะในวันหน้า
บางครั้งคุณอาจต้องเจอบททดสอบประหลาดๆ คำถามที่ไม่ชวนให้ตอบ พฤติกรรมบางอย่างที่ลำบากใจ แต่คุณต้องนับ 1 ถึง 10 ไว้ในใจ พยายามอดทนอดกลั้นให้ได้ ห้ามแสดงอาการไม่พอใจออกมาให้ใครเห็นอย่างเด็ดขาด แม้แต่คนรักของคุณ ขอให้ยิ้มสู้ คิดก่อนพูด แล้วเผชิญสถานการณ์นั้นๆอย่างผู้มีสติและปัญญา
ขั้นที่ 7 เสมอต้นเสมอปลาย
ทุกข้อที่แนะนำมานั้นคุณต้องทำอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่พอได้รับการยอมรับแล้วก็ "ปล่อยผ่าน" ช่างมัน ไม่เช่นนั้นคุณอาจกลายเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกได้ แต่ในบางกรณีถ้าไม่สามารถทำได้เหมือนเคย เช่น หากคุณไม่สะดวกที่จะไปมาหาสู่ท่านบ่อยๆเหมือนแต่ก่อน ก็เปลี่ยนเป็นโทรศัพท์ไปถามทุกข์สุขของท่านบ้างก็ยังดี
แต่ท้ายที่สุด ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่า "รักพ่อแม่เขาให้เหมือนที่รักพ่อแม่คุณ" เพราะความรักจะทำให้คุณชนะทุกสิ่ง จริงหรือไม่...ลองดู แล้วจะรู้