ให้ลูกดูโทรศัพท์มากไป รู้ไหมส่งผลเสียต่อสมองเด็ก

การดูหน้าจอโทรศัพท์มีผลเสียต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กๆและยังมีผลเสียต่างๆตามมาอีกมากมาย ส่งผลให้เด็กนอนหลับยากและมีแนวโน้มแยกตัวออกมาจากสังคม สีสมาธิสั้น อารมณ์แปรปรวน มีปัญหาด้านพฤติกรรมและระบบประสาท  ผู้ปกครองและครูได้สังเกตพบว่าเด็กที่ดูโทรศัพท์มากเกินไป จะขี้เบื่อ ทำงานช้าและเหนื่อยง่าย นักวิจัยชี้ให้เห็นอีกว่าพัฒนาการของสมองส่วนหน้าจะทำงานช้าลง สมองส่วนนี้จะเป็นสมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ ทักษะและการจดจ่อ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตของเด็กไปตลอด ในบทความนี้จะบอกถึงผลเสียต่อสมองของการดูโทรศัพท์ที่มากเกินไปในเด็ก

การดูหน้าจอโทรศัพท์นานๆขัดขวางการพัฒนาของสมอง

สมองที่พัฒนาช้ามันเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าที่คิดมาก เพราะเด็กในปัจจุบันมีอัตราการเจริญเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในจำนวนมหาศาล และในช่วงปีแรกของชีวิตเป็นช่วงที่มีพัฒนาการการเติบโตสูงขึ้นถึง 300% ในช่วงแรกของชีวิตนี้ ถ้าหากเด็กๆอยู่กับจอโทรศัพท์มากเกินไปจะทำให้เด็กคนนั้นมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันมาก การที่ให้เด็กได้เรียนรู้และสัมผัสของจริง เด็กๆ จะได้ประสบการณ์จริงที่ไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยการสัมผัสที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ

การอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มากเกินไปทำให้เด็กเรียนรู้ช้า ทั้งพูดช้า คิดช้า

วิธีที่ดีที่สุด คือการพูดคุยกับเด็กๆ เพราะเด็กสามารถมองเห็นการแสดงสีหน้าและอารมณ์ โทนเสียงและสังเกตภาษากาย ทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการสำคัญที่ซับซ้อนในการเรียนรู้การพูดและการคิดของเด็ก ไม่มีหน้าจอเกมไหนหรือวิดีโอใดที่จะสามารถแทนที่ความสุขในการเรียนรู้จากปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อมนุษย์หรือมนุษย์ต่อสัตว์

 

การอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มากเกินไปสามารถลดจำนวนคำที่เด็กจะเรียนรู้ได้

ปกติผู้ปกครองส่วนใหญ่จะใช้คำพูดประมาณ 940 คำต่อชั่วโมงเมื่อคุยกับเด็กเวลาหัดเดิน แต่ถ้าอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์คำที่ผู้ปกครองใช้จะเหลืออยู่ที่ 770 คำหรือน้อยกว่านั้น ซึ่งหมายความว่าเด็กในวัยหัดเดินจะเรียนรู้คำได้น้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

การอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มากเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเด็ก

มีการศึกษาจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตประจำที่ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเด็กหรือวัยรุ่นคือการ ดูหน้าจอโทรศัพท์หรือโทรทัศน์มากเกินกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้เด็กมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง เป็นผลให้ความนับถือตัวเองและผลการเรียนต่ำลง ซึ่งจะส่งผลต่อจิตใจของเด็กในอีกหลายๆ ด้านในเวลาต่อมา

ในฐานะพ่อแม่เราควรทำอะไรบ้าง?

มีปัจจัยหลายอย่างเช่นสภาพแวดล้อมที่บ้านสถานะทางสังคมเศรษฐกิจและโรงเรียนซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อพัฒนาการของเด็ก แต่ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ก็คือการใช้เวลาดูหน้าจอที่มากเกินไปจะทำให้เด็กๆ ไม่สามารถเล่นกีฬาอ่านหนังสือ เล่นกลางแจ้งและพูดคุย (และต่อสู้) กับพี่น้องหรือเพื่อนๆ การลดเวลาของการดูหน้าจอจึงเป็นทางออกที่ดีและง่าย

คุณอาจหาหนังสือดีๆ มาอ่านกับเด็กๆจะเป็นการช่วยรีเซ็ตสมองของเด็กได้ ดังนั้นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำก็คือ การจำกัดเวลาการดูหน้าจอโทรศัพท์ของเด็กๆรวมถึงของตัวผู้ปกครองเองด้วย แล้วมาเพิ่มเวลาของการทำกิจกรรมร่วมกัน อาจจะเล่นเกม อ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย ไปเที่ยว ไปทานอาหาร สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงพัฒนาการและพฤติกรรมของเด็กให้ดีขึ้นได้