รวม 10 ความเชื่อเหนือธรรมชาติ ที่คนเกาหลียังเชื่ออยู่ถึงปัจจุบัน!
สวัสดีเจ้าค่าา สาวๆ SistaCafe สายเกา ( หลี ) ทุกคนอ่านเว็บไซต์ของเรา สาวๆ น่าจะเจอบทความแนะนำเกี่ยวกับแฟชั่น เครื่องสำอาง สกินแคร์ วาร์ปโอปป้าเกาหลีหล่อๆ มาเยอะแล้ว วันนี้เราขอแหวกแนว พาสาวๆ มาบอกเล่าเก้าสิบเกี่ยวกับ "ความเชื่อเหนือธรรมชาติของคนเกาหลี" กันบ้างค่ะซิส!
แม้ปัจจุบันนี้เกาหลีจะมีเทคโนโลยีนำหน้าเราไปเยอะมากกก แล้ว แต่ในมุมหนึ่งเขาก็ยังมีความเชื่อเก่าๆ แบบคนโบราณอยู่ บางความเชื่อคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ!นั่นเพราะในสมัยเก่า ประเทศเกาหลีค่อนข้างมีขนบธรรมเนียมประเพณี ที่เชื่อมโยงกับความเชื่อเหนือธรรมชาติอยู่เยอะ การเลือกคู่ การตั้งชื่อลูก เปิดธุรกิจใหม่ ย้ายเข้าบ้านใหม่ ก็ต้องเลือกเวลาที่เหมาะ ชื่อที่เป็นมงคล อาชีพหมอดู คนทรงจึงยังอยู่จนถึงปัจจุบันถ้าอยากรู้ว่าสาวๆ ออลจัง กับเหล่าโอปป้าหน้าหล่อของเรา เขายังเชื่ออะไรกันอยู่บ้าง เราไปอ่านบทความนี้กันเล้ย กับ 10 ความเชื่อควรรู้ ที่คนเกาหลียังยึดถือทุกปัจจุบันค่ะ
1. ให้ของขวัญแฟนเป็น "รองเท้า" จะทำให้เลิกกัน!
ถ้าดูซีรีส์เกาหลีมาเยอะ จะสังเกตว่าไม่ค่อยมีฉากคนเกาหลี ( ที่จริงก็ไม่ใช่แค่เกาหลีหรอก ) ซื้อ "รองเท้า" ให้แฟนค่ะ เพราะนอกจากจะเดาขนาดเท้าผู้หญิงไม่ถูก เสี่ยงต้องเอาไปคืนหรือเปลี่ยนแล้ว ในประเทศนี้ยังมีความเชื่อว่าการให้ของขวัญคนรักเป็นรองเท้า จะทำให้เลิกกัน! เหมือนรองเท้าเป็นเครื่องมือช่วยให้อีกฝ่ายวิ่งหนีไปจากชีวิตนั่นเอง ดังนั้นถ้าโอปป้าไม่เคยซื้อรองเท้าให้เลย ก็อย่าน้อยใจนะคะ
2. นอนหลับในห้องที่เปิดพัดลม อันตรายมาก อาจถึงตายได้!
การนอนหลับแล้วตายไปเฉยๆ ในห้องนอนที่มีพัดลมหมุนอยู่ อาจดูเหมือนพล็อตฆาตกรรมในการ์ตูนโคนันใช่ไหมคะซิส? แต่ในประเทศเกาหลี เขาเชื่อกันอย่างนั้นจริงๆ นะ มีชื่อเรียกเฉพาะด้วยว่า "Seonpoonggi samangseol" ( ตายด้วยพัดลม ) เป็นสาเหตุการตาย เขียนลงใบมรณบัตรได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ความเชื่อคนเกาหลีกลัวพัดลมหมุนๆ หรือพัดลมไฟฟ้าตั้งแต่ปีค.ศ. 1927 เนื่องจากมีข่าวลงหนังสือพิมพ์ เตือนผู้อ่านให้ระวังเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้แล้วเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ เช่น คลื่นไส้วิงเวียน, ใบหน้าเป็นอัมพาต หรืออยู่ดีๆ ก็สำลัก หายใจไม่ออก มีทฤษฎีว่าการหมุนของใบพัด ทำให้คนใช้สำลักก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ตัวเองหายใจออกมา ( หืมมม )
แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่า มันคือการประกาศลวงของรัฐบาล เพื่อจำกัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงปี 1970's ที่ขาดแคลนไฟฟ้าอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องพัดลมหมุนเป็นสิ่งไม่ดี อาจทำให้ตายได้ก็ยังคงอยู่ต่อไป โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน คือเปิดตอนกลางวันได้ปกติ แต่ห้ามเปิดตอนกลางคืน เขาเชื่อว่าอาจทำให้เราตายไปโดยไม่รู้ตัวค่ะ!
3. กินตังเม หรือขนมหวานเหนียวๆ ก่อนสอบ จะได้สอบติด!
ใครเป็นสายไอดอลเกาหลี ติดตามวัฒนธรรมเด็กมัธยมเกาหลี น่าจะเคยได้ยินความเชื่อนี้มาแล้ว! สำหรับประเทศนี้ จะมีความเชื่อที่เกี่ยวกับการสอบเข้า การเรียนการสอนมากมาย เพราะเกาหลีค่อนข้างเน้นเรื่องการศึกษากับเยาวชน สอบเข้าได้ที่ดีๆ จะเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อแม่และวงศ์ตระกูล อีกทั้งการแข่งขันก็สูง นอกจากติวอย่างหนักแล้ว จึงต้องพึ่งเรื่องเหนือธรรมชาติด้วย! ( ข้อนี้ไม่น่าต่างจากเด็กไทยเท่าไหร่... )ความเชื่อหนึ่งที่เห็นบ่อยๆ คือ ก่อนสอบให้กิน "ขนมเหนียวๆ " เช่น ตังเม คาราเมล yeot ( ขนมทำจากข้าว ) จะช่วยให้ความรู้ติดสมอง ทำข้อสอบได้คะแนนเต็ม
เราจะเห็นคนแจกขนมเหล่านี้ให้นักเรียนในเทศกาลสอบเข้าเข้ามหาวิทยาลัยที่มีเพียงปีละ 1 ครั้ง สอบไม่ติดต้องรอสอบใหม่เท่านั้น! อย่าง "ซูนึง" ค่ะในทางตรงกันข้าม คนเกาหลีจะห้ามไม่ให้กิน "อาหารลื่นๆ" ก่อนสอบ เช่น ซุปสาหร่าย เพราะจะทำให้ความรู้ลื่นไหลออกไปจากสมอง ทำให้คะแนนตก สอบไม่ติดซะอย่างนั้นค่ะ ดังนั้นถ้าคุยๆ กับเด็กมัธยมเกาหลีอยู่ อย่าอวยพรให้เขากินซุปก่อนสอบนะ อาจโดนว่าเอาได้
4. ห้ามเขียนชื่อตัวเองด้วย "หมึกสีแดง" เพราะเป็นลางไม่ดี อาจถึงฆาต!
ความเชื่อนี้ไม่ใช่แค่คนเกาหลีที่ยึดถือ แต่คนจีนก็เชื่อแบบนี้เช่นกัน! ในอดีตกาล หมึกแดงไม่ใช่สีที่จะนำมาเขียนเล่นๆ แต่เอาไว้บันทึกชื่อคนตายในทะเบียนบ้านของครอบครัว นั่นหมายถึงถ้าเขียนชื่อใคร แปลว่าคนนั้นตายแล้ว ซึ่งภายหลังทางไสยศาสตร์ได้นำมาทำเป็นพิธีสาปแช่ง เกลียดใครก็เขียนชื่อคนนั้นด้วยหมึกแดง เพราะสีเหมือนเลือด ให้คนนั้นเจ็บป่วย เป็นอันตรายและตายจากไป ( ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้แฮะ... )
แม้ธรรมเนียมบันทึกชื่อคนตายด้วยหมึกแดงจะหมดไปแล้ว แต่คนเกาหลีก็ยังถืออยู่ หากใครเขียนชื่อเขาด้วยหมึกสีนี้จะถือว่าหยาบคาย ไม่ให้เกียรติกันอย่างมาก เหมือนแช่งเขาให้ตายไวๆ ดังนั้นใครติดต่อหรือทำธุรกิจกับผู้หลักผู้ใหญ่เกาหลี อย่าให้เขาเซ็นชื่อด้วยหมึกแดงเด็ดขาดนะคะ เตือนไว้ก่อน!
5. ฝันถึง "หมู" จะนำโชคลาภมาให้
ฝันให้โชคให้ลาภมาแล้วจ้า ( คนไทยน่าจะคุ้นกับเรื่องแบบนี้ดี! ) ในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบมุสลิม "หมู" อาจเป็นสัตว์ที่สกปรก น่ารังเกียจ ไม่น่าเข้าใกล้ แต่สำหรับคนเกาหลี หมูคือสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และร่ำรวยค่ะ! เพราะคำว่า "หมู" ในภาษาเกาหลี ออกเสียงคล้ายกับคำว่า "หยก" ที่เป็นเครื่องประดับหรูหรานั่นเอง ดังนั้นคนเกาหลีจึงมีความเชื่อว่า หากฝันเห็น "หมู" เป็นลางดี เป็นสัญญาณว่าพระเจ้าจะประทานความร่ำรวยมาให้ เป็นเศรษฐีได้ในอนาคตค่ะ
6. เลข 4 เป็นเลขไม่ดี สื่อถึงความตาย
สำหรับฝั่งตะวันตกเชื่อว่าเลข 13 เป็นเลขไม่ดี แต่คนเกาหลีเชื่อว่าเลข "4" ( sa ) คือเลขที่ทำให้ดวงตก ดวงซวยค่ะ! เพราะคำว่าสี่ ไปพ้องเสียงกับคำว่า "ตาย" ในการนับเลขแบบ Sino-Korean ( ภาษาเกาหลีที่ยืมมาจากภาษาจีน ) เมื่อออกเสียงคล้ายกัน จึงรับความเชื่อแบบเดียวกันจากจีนมาด้วยนั่นเองด้วยเหตุนี้ ลิฟต์หลายตัวในตึกของประเทศเกาหลี จะใช้ตัว "F" แทนเลข "4"
ถ้าทางฝั่งฝรั่ง ชั้น 13 ก็จะใช้เป็นตัวอักษร AA แทนเช่นกัน เรียงเป็นชั้น 12 > AA > 14 โดยข้ามชั้นสิบสามไปเลย เพราะหากเป็นคอนโด หรืออพาร์ตเมนต์ ชั้นที่ไม่เป็นมงคลเหล่านี้จะไม่มีใครอยากย้ายเข้ามาอยู่ ถ้าเปิดขายหรือเช่าก็จะไม่มีใครซื้อค่ะ เพื่อเป็นการแก้เคล็ด จึงใช้ตัวอักษรแทน หรือบางตึกที่เคร่งๆ ก็ทำชั้นนั้นเป็นชั้นส่วนกลางหรือชั้นลอยไปเลย ไม่มีห้องให้อยู่อาศัย หากจะซื้อของขวัญวันเกิด หรือปักเทียนบนเค้กให้คนเกาหลี ถ้าไม่อยากโดนโกรธ อย่าปักให้นับได้ 4 ตัวเป็นใช้ได้ค่ะ
7. อย่าเหยียบ "ธรณีประตู" เพราะจะนำโชคร้ายมาให้
ความเชื่อนี้ไม่ใช่แค่คนเกาหลี แต่คนไทยก็รับมาด้วยเช่นกัน! ย้อนกลับไปตั้งแต่การรุกรานของมองโกล สมัยพระเจ้าโครยอในยุคโบราณ บางครั้งจะมีคนตายในบ้าน ซึ่งต้องมีการยกศพในโลงเหยียบข้ามธรณีประตูออกมา ซึ่งระหว่างโลงกำลังเคลื่อนผ่านธรณีประตู ( เส้นผ่านประตู ) เส้นแบ่งระหว่างโลกคนเป็น ( ในบ้าน ) -โลกชีวิตหลังความตาย ( นอกบ้าน ) จะถูกเปิดออกหากแจ็คพ็อตก็อาจมีวิญญาณร้ายจากโลกหลังความตาย หลบหนีออกมาทำร้ายมนุษย์ในโลกคนเป็นได้ ดังนั้นคนเป็นจึงไม่ควรไปเหยียบธรณีประตูมั่วซั่ว เพราะอาจเผลอปลดปล่อยวิญญาณร้ายออกมาได้ค่ะ //เขียนไปกลัวไป!
8. อย่าวางกระจกไว้หน้าประตู จะทำให้โชคร้ายได้
"กระจก" เป็นตัวแทนของความเชื่อเหนือธรรมชาติทั้งหมดในโลกใบนี้! ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก นับว่าเป็นไอเทมสากลที่แท้ทรู! สายฝ. อย่างชาวยุโรปหรืออเมริกาเหนือ จะเชื่อว่าไม่ควรทำให้กระจกแตก เพราะจะทำให้โชคร้ายไปหลายปี แต่คนเกาหลีเชื่อว่าไม่ควรวางไว้ตรงๆ หน้าประตูของห้องในบ้าน เช่น ห้องนอน เพราะจะสะท้อนโชคดีออกไป ทำให้โชคดีๆ ไม่เข้ามาหา เหลือไว้แต่ความโชคร้ายแทนค่ะ
9. วันปีใหม่ห้ามสระผม จะเป็นการล้างโชคดีออกไปด้วย
ในประเทศเกาหลี วันปีใหม่เป็นโอกาสที่ดีสุดๆ ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ การงานใหม่ ( เด็กจบใหม่ที่เริ่มหางาน ก็จะเริ่มเข้างานใหม่พร้อมๆ กันช่วงต้นปีนี่แหละค่ะ จนมีชื่อเรียกว่าฤดูเข้างานเลยทีเดียว ) ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่า อย่าเพิ่งสระผมในวันนี้ เพราะจะเป็นการล้าง "โชคดี" ออกไปด้วยเช่นกัน ทางที่ดีให้สระในวันรุ่งขึ้นแทนไม่ใช่แค่วัยทำงาน แต่วัยเรียนก่อนไปสอบ ก็มีความเชื่อห้ามสระผมเช่นกัน เพราะเดี๋ยวความรู้จะถูกชำระล้างออกไปหมด ทำให้สอบไม่ติดค่ะ
10. การกระซิบตอนกลางคืน จะเรียก "ภูติผีวิญญาณ" ให้มาหา
แม้ว่า "การกระซิบ" มักเป็นการกระทำน่ารักๆ คิ้วท์ๆ ช่วยให้กำลังใจ ที่เกิดในช่วงที่เรามีความสุข เช่นในงานรับปริญญา งานแต่งงาน แต่สำหรับคนเกาหลี ต้องเลือกทำในช่วงกลางวันจะดีกว่า ถ้าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วไม่ควรทำ เพราะสิ่งที่เราไม่ต้องการจะมาเยี่ยมเยือน!มีความเชื่อมาเนิ่นนานแต่โบราณแล้วว่า การกระซิบกระซาบกัน ไม่ว่าจะเรียกชื่อใครหรือไม่ก็ตาม จะเรียกวิญญาณเร่ร่อน ผีสาง ปีศาจและสิ่งลี้ลับมาหา หรืออีกความเชื่อก็บอกว่า จะทำให้มี "งูตัวเป็นๆ" เลื้อยเข้ามาในห้องค่ะ //ทางไหนก็ไม่ดีเลย กรี๊ดดด
เป็นไงกันบ้างคะสาวซิส? เห็นประเทศล้ำๆ แบบนั้น เขาก็ยังมีความเชื่อแบบโบราณอยู่เยอะเหมือนกันเนอะ แต่ที่สังเกตคือ หลายอย่างก็ใกล้เคียงกับความเชื่อของไทยเลย บางข้อเหมือนกันเป๊ะ เช่น ห้ามเหยียบธรณีประตู, ไม่ควรเขียนชื่อตัวด้วยหมึกแดง, กระซิบตอนกลางคืนจะเรียกวิญญาณมาหา เป็นต้น แม้ยุคนี้จะมีหลักการทางวิทยาศาสตร์หักล้างได้แล้ว แต่คนยุคเก่าๆ หรือวัยรุ่นที่คนยุคเก่าเลี้ยงมา ก็คงไม่เลิกเชื่อง่ายๆ เราเองคิดว่า ถ้าเชื่อแล้วชีวิตดีขึ้น ไม่เดือดร้อนใคร ก็โอเค
แต่หากความเชื่อเราไปเบียดเบียนคนอื่น ทำให้คนอื่นไม่แฮปปี้ ก็ควรต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างแล้วล่ะค่ะ สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะทำให้สาวไทย เข้าใจความเชื่อและตัวตนของคนเกาหลีมากขึ้น ( ถ้าจะจีบโอปป้า ก็มีหัวข้อให้คุยเพิ่มขึ้นเยอะแหละ! ) วันนี้เราต้องขอตัวลาไปก่อนน้า ถ้ามีเกร็ดความรู้อะไรอีก สาวซิสต้าไม่พลาดข้อมูลจากเราชัวร์ ไปละค่า บ๊ายบายยย
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ