ลดน้ำหนักแบบได้ผล โดยไม่ต้องอดอาหาร!
หลักการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง คือต้องลดไขมันที่มีอยู่ในร่างกาย ไม่ใช่ลดกล้ามเนื้อ และอย่าหยุดกินอาหาร แต่ต้องเลือกกินอาหารให้มากขึ้นเท่านั้นเอง ที่สำคัญควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย จึงจะสามารถช่วยทำให้ลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น แบบไม่ต้องอดอาหารเลยแม้แต่มื้อเดียว
1. เลือกกินให้มากขึ้น คุมแป้งไขมัน และน้ำตาล
ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เลือกกินให้มากขึ้น เช่น กินเนื้อสัตว์ส่วนที่ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงส่วนหนัง งดกินเค็ม ของมันของทอด และเปลี่ยนมากินอาหารที่ใช้วิธีทำด้วยการต้มหรือนึ่งแทน รวมไปถึงจำกัดปริมาณการกินอาหารที่อุดมด้วยแป้ง ไขมัน และน้ำตาลด้วย ที่สำคัญควรกินอาหารหลักให้ครบ 3 มื้อ โดยมีผักผลไม้ทุกวัน และถ้าหากดื่มนมเป็นประจำ ควรเลือกดื่มนมรสธรรมชาติ สูตรพร่องไขมัน หรือไขมัน 0% หลีกเลี่ยงนมที่มีรสหวาน เช่น รสช็อกโกแลต รสสตอเบอร์รี่ เป็นต้น
2. กินข้าวเท่ากับเนื้อ กินผักมากกว่าข้าว
การกินแบบ 2:1:1 ใน 1 มื้อ (ผัก 2 ส่วน / คาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน / โปรตีน 1 ส่วน / ผลไม้ 1 ส่วน) จะให้พลังงานประมาณ 400 กิโลแคลอรี ช่วยลดพลังงานในแต่ละวันลงได้ 500 กิโลแคลอรี ใน 1 สัปดาห์สามารถลดน้ำหนักลงได้ครึ่งกิโลกรัม นอกจากนี้การกินแบบนี้จะได้ปริมาณผักใน 1 มื้อ 100-200 กรัม และหากกิน 3 มื้อควบคู่กับผลไม้ จะได้รับปริมาณรวมไม่น้อยกว่า 400 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ อย่างไรก็ตามควรมีกิจกรรมทางกายร่วมด้วยจะช่วยลดพุงได้เร็วขึ้น
3. ออกกำลังกายควบคู่
ควรออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที โดยผสานการออกกำลังกายทั้ง 3 แบบเข้าด้วยกัน คือ คาร์ดิโอ การใช้แรงต้าน และการยืดเหยียด ซึ่งสำหรับคาร์ดิโอจะเน้นการขยับเขยื้อนร่างกายเป็นหลัก ส่วนแรงต้านจะเป็นการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา หัวไหล่ หน้าท้อง หน้าอก เกร็งโดยใช้น้ำหนัก และแรงโน้มถ่วงของตัวเอง เช่น บอดี้เวท เวทเทรนนิ่ง เป็นต้น สุดท้ายคือการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อลดการบาดเจ็บและทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวดีขึ้นั่นเอง
4. ลดการกินอาหารบุฟเฟ่ต์
ปัจจุบันอาหารบุฟเฟ่ต์ กลายเป็นอาหารยอดนิยมของกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา โดยการกินบุฟเฟ่ต์ส่วนใหญ่มักจะคิดถึงความคุ้มทุน และพยายามกินอาหารให้ได้ในปริมาณที่มาก เพื่อจะให้คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป แต่ทั้งนี้หากร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ ร่างกายจะนำพลังงานส่วนเกินนั้น ไปเก็บสะสมในรูปไขมันเพื่อเป็นพลังงานสำรอง ซึ่งถ้ามีการสะสมของไขมันมากขึ้น ก็จะนำไปสู่โรคอ้วนและนำไปสู่โรคต่างๆ ได้ ดังนั้นการลดอาหารบุฟเฟ่ต์ลงบ้าง จึงเป็นเหมือนตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ดีมากอีกทางหนึ่งนั่นเอง
5. กินอาหารเช้าให้เต็มที่ กินอาหารเย็นให้เร็วขึ้น (ไม่เกิน 18.00 น.)
การลดน้ำหนักให้ได้ผล นอกจากจะต้องอาศัยวินัยในการออกกำลังกายแล้ว การรับประทานอาหารก็มีผลอย่างมากด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้เราได้ยินกันมาว่า กินน้อยๆ แต่ให้บ่อยมื้อ จะช่วยเรื่องระบบการเผาผลาญในร่างกายได้ดีขึ้น แต่จากผลการศึกษาล่าสุดโดยมหาวิทยาลัย Loma Linda University School of Public Health ในสหรัฐอเมริกา กลับพบว่า การกินอาหารมื้อเช้าให้เต็มที่ และกินมื้อเย็นให้เร็วขึ้น (ไม่เกิน 18.00 น.) เพื่อให้มีระยะเวลาที่ท้องว่างนาน 18 ชั่วโมง คือกุญแจสู่การลดน้ำหนักที่ได้ผลอย่างแท้จริง