เข้าร้านแหวนเพชรครั้งหน้า ต้องเตรียมตัวยังไง ถึงจะได้แหวนเพชรเม็ดงาม

เข้าร้านแหวนเพชรครั้งหน้า ต้องเตรียมตัวยังไง ถึงจะได้แหวนเพชรเม็ดงาม

เข้าร้านแหวนเพชรครั้งหน้า ต้องเตรียมตัวยังไง ถึงจะได้แหวนเพชรเม็ดงาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การจะเลือกซื้อแหวนเพชรสักวงถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับหลายๆ คน เพราะนอกจากเรื่องของราคาค่างวดแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นให้ต้องพิจารณาอีกมากมาย จึงควรศึกษาข้อมูลไว้ก่อนเบื้องต้นให้มากๆ เมื่อถึงเวลาก้าวเข้าไปในร้านแหวนเพชร จะได้พกความมั่นใจ (พร้อมกับเงิน) ไปเต็มกระเป๋า

รู้จักหลักการดูเพชร 4Cs

ราคาของเพชรนั้นสามารถแตกต่างกันได้อย่างมากมาย ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่พิจารณาเบื้องต้นได้จากหลัก 4Cs ได้แก่ Color ระดับความขาวของเพชร, Clarity ระดับความสะอาดของเพชร, Cut หรือการเจียระไน และ Carat Weight ซึ่งก็คือ น้ำหนักของเพชร อย่างที่เรามักได้ยินคำเอ่ยทักทายกันบ่อยๆ ว่า แหวนเพชรของเธอหนักกี่กะรัต นั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อราคาของเพชร เช่น Fluorescence หรือสารเรืองแสง ซึ่งมีผลต่อความใสและสีของเพชร จึงมีผลต่อราคามากถึง 5-20% ขึ้นอยู่กับความเข้มของสารเรืองแสงที่ระบุอยู่ในเซอร์ โดยเพชรที่ไม่มีสารเรืองแสง (none) จะมีราคาสูงที่สุด เรื่องเหล่านี้คุณลองสอบถามร้านแหวนเพชรที่ไว้ใจดูก็ได้

มาตรฐานของใบเซอร์คืออะไร

เลือกซื้อเพชรทั้งทีต้องมีใบเซอร์ (Certificate) กำกับ ซึ่งใบเซอร์แต่ละยี่ห้อนั้นก็มีมาตรฐานที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละสถาบันมีมาตรฐานการให้เกรดเป็นของตนเองที่ต่างกันออกไป เช่น ถ้าเพชรมีสีเหลืองในระดับหนึ่ง สถาบันแรกอาจจะให้ E color แต่อีกสถาบันอาจจะให้ F color ส่วนอีกสถาบันกลับให้ G color ด้วยซ้ำ คล้ายๆ กับว่าถึงเราสอบได้เกรด 4 ในโรงเรียนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสอบได้เกรด 4 ในอีกโรงเรียนหนึ่ง เพราะฉะนั้น แต่ละเกรดที่ระบุอยู่ในใบเซอร์ มีผลต่อราคาทั้งสิ้น ดังนั้น ยี่ห้อของใบเซอร์จึงมีผลต่อราคามากถึง 10-30%

ทั้งนี้ สถาบันที่ได้การยอมรับมากที่สุด และมีส่วนลดน้อยที่สุด คือ GIA รองลงมาคือ HRD และสถาบันอื่นๆ อาทิ IGI, AIGS, AGS แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เพชรที่มีเซอร์ GIA การันตีจะเป็นเพชรที่สวยที่สุด เพราะ GIA เป็นสถาบันตรวจเพชรทั้งสวยและไม่สวย ส่วนเพชรจะสวยหรือไม่นั้น ต้องดูถึงผลการตรวจที่ระบุอยู่ในใบเซอร์ประกอบกันไปด้วย เข้าร้านแหวนเพชรครั้งหน้า อย่าลืมขอดูใบเซอร์ประกอบการตัดสินใจ

เพชรเม็ดนี้สอบได้เกรดอะไร

ถ้าหากลองดูที่หน้าใบเซอร์ จะมีส่วนที่บอกถึง Cut, Polish และ Symmetry ซึ่งหมายถึงคุณภาพการเจียระไน การขัดเงา และความสมมาตร ทั้งนี้การให้เกรดมีได้ตั้งแต่ Poor, Fair, Good, Very Good และ Excellent เพชรที่ได้รับเกรดทั้งหมดเป็น Excellent  คือเพชรที่สวยและราคาสูงกว่าเพชรเกรดอื่นๆ

เทคนิคในการสำรวจเพชรน้ำงาม

เพชรที่มี Hearts and Arrows ที่สมบูรณ์จะส่องประกายและเล่นไฟได้สวยงามกว่าเพชรทั่วไป ดังนั้นหากคุณอยากครอบครองเพชรเม็ดงามก็ต้องมองหาเพชรที่มี Hearts and Arrows สวยงามเป็นพิเศษ ซึ่งก็ส่งผลต่อราคาเช่นกัน

เลือกเพชรกี่กะรัตถึงจะสวยสมฐานะ

อย่างที่ทราบกันดีว่า กะรัต เป็นคำเรียกแทนน้ำหนักของเพชร ซึ่ง 1 กะรัต เท่ากับ 0.2 กรัม และเพชรแต่ละกะรัตที่ผ่านการเจียระไนอย่างได้มาตรฐานจะมีหน้ากว้าง หรือเส้นผ่าศูนย์กลางเวลามองจากมุมบน ที่ใกล้เคียงกัน คราวนี้ขนาดของหน้ากว้างของแต่ละกะรัตมีอะไรบ้าง

เพชรกลุ่มขนาดต่ำกว่าครึ่งกะรัต ก็จะมีไซส์ตั้งแต่ 0.2, 0.3 และ 0.4 กะรัต ซึ่งแม้หลายคนจะมองว่ามีขนาดเล็ก แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเรียวนิ้วแต่ละคน ใครที่มือเล็กและบางก็เหมาะจะสวมแหวนเพชรไซส์นี้ที่รับกับนิ้วของคุณ

ส่วนเพชรขนาดครึ่งกะรัตขึ้นไป ก็มีตั้งแต่ 0.5, 0.7 และ 0.8 กะรัต สุดท้ายเป็นเพชรขนาด 1 กะรัต และ 1 กะรัตขึ้นไป ที่ก็ย่อมมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ส่วนความงามของ Hearts and Arrows ที่ส่งผลต่อทั้งราคาและประกายแวววาวของเพชรนั้น ก็อยู่ที่คุณจะเลือกพิจารณาตามความถูกตาต้องใจ ซึ่งก็มาพร้อมกับราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งร้านแหวนเพชรที่ได้มาตรฐานจะมีเพชรหลากหลายกะรัตให้คุณเลือกอย่างละลานตาเชียวล่ะ

รู้จักเทคนิคในการเลือกเพชรเบื้องต้นกันไปแล้ว เมื่อถึงคราวจะซื้อจริงก็ต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ขึ้นกว่านี้ โดยคำนึงถึงวาระโอกาสที่จะใส่แหวนเพชรวงนี้ด้วยว่า แหวนวงนี้จะทวีคุณค่าที่สุดในโอกาสใด และควรซื้อจากร้านแหวนเพชรร้านไหนถึงจะมั่นใจได้ว่าเงินที่เสียไปแลกมาด้วยเพชรน้ำงามที่สวยสมมาตรฐานแวะไปเลือกแหวนเพชรน้ำงามที่เหมาะกับคุณได้ที่ร้านแหวนเพชร https://anantajewelry.com/fine-jewelry-solitaire-rings/

(Advertorial)

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook