โรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็กเล็ก ป้องกันได้ !!
คุณแม่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยกับโรคหูชั้นกลางอักเสบในเด็กเท่าไหร่ เพราะโรคนี้มีอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดาจนคุณแม่ไม่ได้สังเกตถึงสัญญาณอันตรายที่อาจเกิดกับลูกน้อย โรคหูชั้นกลางอักเสบนั้นเป็นโรคอันตรายที่พบบ่อยในเด็กเล็กซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสและเชื้อเอ็นทีเอชไอ สองเชื้อร้ายนี้เป็นเชื้อที่พบได้ในลำคอหรือโพรงจมูกของเด็กๆ หากเด็กได้รับเชื้อจนกระทั่งเชื้อเติบโตและแพร่กระจายก็อาจทำให้เป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน และนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอันตรายอย่างโรคปอดบวมและไอพีดีได้นะคะ นับว่าเป็น 2 เชื้อร้ายที่ก่อให้เกิด 3 โรคอันตรายและสร้างความทรมานให้กับเด็กๆได้มากทีเดียว
และยังพบว่า 80% ของเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี มีโอกาสเกิดโรคหูชั้นกลางอักเสบอย่างน้อย 1 ครั้ง สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้ในคอหรือโพรงจมูก หรือเชื้อไวรัส (มักมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ) หรือ เกิดจากโรคภูมิแพ้ และเมื่อเชื้อกระจายตัวสู่ท่อยูสเตเชี่ยนจนมีน้ำหนองไหลซึมออกมาก็อาจทำให้เยื่อแก้วหูทะลุได้ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจทำให้เด็กมีปัญหาต่อการได้ยิน และเป็นโรคอันตรายที่รุนแรงมากขึ้น เช่น ผีในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือทำให้เด็กมีปัญหาในการเรียนรู้ และพัฒนาการด้านต่างๆ
แต่ไม่ว่าโรคหูชั้นกลางอักเสบจะอันตรายต่อสุขภาพลูกน้อยขนาดไหน คุณแม่ทั้งหลายก็อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เพราะโรคนี้ป้องกันได้ถ้าคุณแม่มีความรู้ความเข้าใจการป้องกันโรคนี้อย่างถูกวิธี
ก่อนอื่นต้องขอบอกคุณแม่ว่าการรักษาโรคหูชั้นกลางอักเสบคุณหมอจะรักษาตามอาการค่ะ ถ้าลูกมีอาการอักเสบและมีไข้ คุณหมอจะให้ยาแก้ปวดลดไข้ ยารักษาอาการหวัดและภูมิแพ้ หรือยาปฏิชีวนะตามอาการของเด็ก หากยังไม่ดีขึ้นและมีหนองในหูชั้นกลางร่วมกับภาวะแทรกซ้อน คุณหมออาจจะต้องเจาะแก้วหูเพื่อระบายหนองออกและจะนัดมาตรวจเป็นระยะๆ เพื่อเช็คว่าโรคหายขาดและเด็กจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก เด็กอาจร้องไห้งอแงในระหว่างที่คุณหมอเจาะแก้วหูแต่คุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ
ส่วนการปฏิบัติตัวหลังจากลูกน้อยถูกเจาะแก้วหูแล้วคือ ระวังอย่าให้น้ำเข้าหูเป็นอันขาดและลดกิจกรรมที่จะไปเพิ่มความดันในช่องหู เช่น การเป่าลูกโป่ง หรือสั่งน้ำมูกแรงๆ ข้อควรรู้สำคัญสำหรับคุณแม่ทั้งหลายก็คือ การที่เด็กทานยาเป็นเวลานาน เชื้ออาจมีโอกาสดื้อยาได้ค่ะ
ทางที่ดีควรพาลูกไปปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสและเชื้อเอ็นทีเอชไอไว้ก่อนเลยจะดีกว่าค่ะ เพราะปัจจุบันนี้ในบ้านเรารวมทั้งในหลายประเทศมีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้ทั้งโรคไอพีดี ปอดบวมและหูชั้นกลางอักเสบแล้วล่ะค่ะ เมื่อทราบอย่างนี้แล้วคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ