Ka-nom-mha รวมสารพัดขนม เพื่อสุนัขเพื่อนรักของคุณ
ร้านเพ็ทช็อปที่เราเห็นกันส่วนใหญ่จะมีรูปแบบ One-Stop Service ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย แต่กลับมีประเภทขนมสำหรับสุนัขให้เลือกน้อยในราคาที่สูงเกินไป นันทิยา จริยารังสีโรจน์ หรือคุณส้มจึงได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ และเปิดเว็บไซต์ Ka-nom-mha.com เป็นศูนย์กลางจัดจำหน่ายขนมสุนัขหลากหลายประเภทจากโรงงานโดยตรง โดยเริ่มต้นจากการทำเป็นธุรกิจเสริมในช่วงแรก และขยายกิจการจนมีลูกค้าทั่วประเทศในปัจจุบัน
"ตอนแรกเราเริ่มจากการที่มีงานประจำด้านอื่นทำอยู่ก่อน และน้องชายทำงานที่โรงงานผลิตอาหารสุนัข น้องชายก็เล่าว่า โรงงานของเขาจะส่งออกสินค้าเกรดเอสู่ต่างประเทศ แต่มีสินค้าคัดเกรดบีซึ่งคุณภาพเหมือนกับเกรดเอทุกอย่าง เพียงแค่สีไม่สวย เขาก็คัดออกมาขายในราคาที่คนในประเทศสามารถซื้อได้ เลยคุยกันว่า ในเมื่อทำงานในโรงงานอยู่แล้วก็น่าจะนำสินค้ามาลองขายดู" คุณส้ม เล่าถึงจุดเริ่มต้น
ร้าน Ka-nom-mha แห่งนี้เริ่มต้นจากช่องทางออนไลน์เพื่อลดต้นทุนหน้าร้าน และทดลองตลาดในช่วง 4-5 เดือนแรก ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจนต้องพัฒนาในหลายจุดเพื่อให้ทันกับการรับออเดอร์จำนวนมาก ประกอบกับช่องทางตลาดที่ก้าวหน้าในระยะยาว คุณส้มจึงตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจเต็มตัวใน 1 ปีต่อมา โดยมีการพัฒนาทั้งในด้านระบบบัญชี ระบบสต็อก การจัดส่ง การแพ็กสินค้า รวมทั้งมีการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับระบบสต็อกเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตตามแผนที่วางไว้ในอนาคตอีกด้วย
"ธุรกิจนี้อยู่ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการจัดการสินค้าคงคลัง เราสั่งสินค้ามาจากโรงงาน ซึ่งสินค้าจะมาเป็นกระสอบ ไม่ได้มาเป็นแบรนด์ต่างๆ ที่มาพร้อมแพ็ก เวลาลูกค้าสั่งซื้อก็จะมีการชั่งตวง แต่ละเครื่องชั่งก็มีมาตรฐานไม่เหมือนกัน ตอนแรกเราก็สับสนอยู่นานแต่สุดท้ายเราก็ใช้เครื่องชั่งเทียบเคียงเดียวกันกับโรงงาน ไม่อย่างนั้นเราจะมีปัญหา อย่างเราแบ่งถุงละ 500 กรัม สินค้าจะมี 20 หรือ 21 ชิ้น หรือ 23 ชิ้นกันแน่ มันส่งผลกันหมด ระบบซอฟต์แวร์ก็ต้องมาจัดการตรงนี้" คุณส้ม กล่าว
ปัจจุบันลูกค้าของร้าน Ka-nom-mha มีหลากหลายกลุ่มทั้งค้าปลีก และค้าส่ง โดยทางร้านพยายามแยกการให้บริการเพื่อสามารถรองรับความต้องการได้ทั้ง 2 กลุ่ม โดยกลุ่มค้าส่งจะสั่งผ่านอีเมลหรือโทรศัพท์ และจัดส่งผ่านบริษัทขนส่งเนื่องจากสินค้าจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มค้าปลีกซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีสุนัขจำนวนมากก็จะสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์และจัดส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งนอกจากจะมีร้านค้าหน้าเว็บฯ แล้ว คุณส้มยังได้เปิดแฟนเพจบน Facebook สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ด้วย
"ตอนแรกเราก็ใช้เพื่อการโปรโมตสนุกๆ แต่พอทำไปสักพัก ทั้งลูกค้าและคนที่ได้รับคำแนะนำก็เข้ามาแอดเรา เราก็ไม่อยากให้ลูกค้ารู้สึกไม่สะดวก เพราะคนรักหมาเขาต้องการความรวดเร็ว ความง่าย และบ่อยครั้งก็ไม่ใช่คนที่เขาซื้อสินค้าผ่านออนไลน์บ่อยๆ อย่างบางคนเขาชำนาญการสั่งสินค้า แต่ก็จะมีคนเลี้ยงหมาบางคนที่พอใช้ Facebook เป็นแต่สั่งหน้าเว็บฯ ไม่เป็น เราเลยรู้ว่าธรรมชาติของลูกค้าไม่ใช่คนท่องเว็บฯ อย่างเดียว แต่มีหลากหลายทั้งคุณแม่ คุณย่า บางทีเขาไม่ยอมให้ส่งไปรษณีย์ด้วยซ้ำเพราะเขาต้องดูแลหมาตลอดทำให้ออกมาโอนเงินไม่ได้" คุณส้ม เล่า
อย่างไรก็ตาม คุณส้ม อธิบายว่า กลุ่มลูกค้าที่ชำนาญการสั่งผ่านหน้าเว็บฯ เองก็จะใช้ช่องทางเว็บฯ เป็นหลักเช่นกัน เนื่องจากสามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง รวมทั้งได้รับส่วนลดและโปรโมชั่น และนอกจากสินค้าที่สั่งมาจากโรงงานแล้ว ทางร้าน Ka-nom-mha รับเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายขนมแบรนด์ต่างๆ ทำให้ทางร้านมีสินค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น
ซึ่ง คุณส้ม ยังเล่าให้เราฟังว่า นอกจากการส่งสินค้าให้กับฟาร์มต่างๆ ที่กำลังทำอยู่แล้ว ทางร้านยังวางแผนขยายช่องทางออนไลน์อย่างรถจัดจำหน่ายสินค้าที่ลูกค้าสามารถเข้ามาซื้อสินค้าได้โดยตรง รวมทั้งขยายจุดค้าส่งสำหรับต่างจังหวัดด้วย
"ตอนนี้แผนเรามากพอสมควร ก่อนจะไปตลาดต่างประเทศเราตั้งใจขยายจุดค้าส่ง หน้าร้านเองก็มีการวางแผนเหมือนกัน แต่ว่าต้องมีการหาข้อมูลกันดีๆ แต่สิ่งที่เราทำแน่นอนคือ ขยายจุดกระจายสินค้า เพราะทุกวันนี้ลูกค้าเรามีทั่วประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าส่ง การกระจายสินค้าต้องออกจากที่นี่ที่เดียว ซึ่งบางครั้งก็ไม่สะดวก ถ้าเรามีจุดกระจายภาคละแห่งก็ยังดี เราก็ใช้รถส่งถึงบ้านจะง่ายกว่า จากนั้นก็จะต่อในเรื่องการทำร้านและสร้างแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง ค่อยๆ ไปทีละจุด" คุณส้ม กล่าวถึงแผนธุรกิจของร้าน
Ka-nom-mha ในอนาคต
คุณส้ม ยังให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ว่า ถ้าอยากทำเป็นงานอดิเรกหรืออาชีพเสริมก็สามารถลงมือทำได้ทันทีเพราะช่องทางนี้มีค่าใช้จ่ายน้อย ใครก็สามารถทำได้ แต่เมื่อประกอบธุรกิจไปถึงจุดหนึ่งแล้ว เจ้าของธุรกิจจะต้องมีความรับผิดชอบเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้งต้องพร้อมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นกรณีที่สิ่งสินค้าไม่ได้ สินค้าไปไม่ถึงมือลูกค้า หรือสินค้ามีปัญหาก็ตาม
"ช่องทางออนไลน์ก็เปรียบเสมือนโทรโข่งอันหนึ่ง ถ้าคุณทำผิดพลาดหรือไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้า คุณส่งของไม่ครบ หรือได้รับเงินแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ ของแบบนี้มันเร็วมาก ไม่เหมือนการซื้อสินค้าในร้านที่พอมีปัญหาก็ทะเลาะกันในร้านแล้วจบไป แต่ตอนนี้ทุกคนมีอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ ต้องเตรียมพร้อมว่าคุณจะเจอปัญหาเหล่านี้ การสร้างข้อตกลงก่อนที่จะเริ่มซื้อขายก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำในทุกๆ ร้านออนไลน์ คุณต้องชัดเจนว่า จะส่งของจากที่ไหน สต็อกไว้ที่ไหน รับของทุกวันที่เท่าไร จะต้องชัดเจนจากตรงนี้ก่อนแล้วค่อยทำการขาย" คุณส้ม กล่าวทิ้งท้าย
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ