ลูกน้อยยิ่งต้องระวัง! ฝุ่นละออง PM2.5 อันตรายมากกว่าแค่โรคทางเดินหายใจ
กลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่นิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว เมื่อหมอกที่เราเห็นฟุ้งไปทั่ว จริงๆ แล้วคือฝุ่นควันพิษที่ส่งผลร้ายแรงกว่าที่คิด และจากกรณีสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่ามีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5 ) เกินค่ามาตรฐาน
ทำให้เห็นได้ชัดว่าสุขภาพเราไม่ควรละเลยอีกต่อไป รวมทั้งสุขภาพลูกน้อยก็ยิ่งต้องใส่ใจเช่นกัน "พญ.เสาวภา พรจินดารักษ์" กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก ชื่อดังของไทย หรือเจ้าของแฟนเพจ "หมอเสาวภาเลี้ยงลูกเชิงบวก" ที่มีผู้ติดตามกว่า 4 แสนคนได้ให้ข้อมูล เกี่ยวกับ ฝุ่นพิษขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่อันตรายร้ายกว่าที่ไว้
"PM2.5 อันตรายมากกว่าแค่โรคทางเดินหายใจนะคะ"
เมื่อฝุ่นขนาดเล็กมากๆ แบบนี้เข้าสู่ปอด มันสามารถลงไปได้ลึกสุดๆ จนสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ อวัยวะสำคัญอื่นๆ ทั่วร่างกายจึงได้รับผลกระทบ เช่น ปอด ระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ และ "สมองที่กำลังพัฒนาของเด็ก"
สมองเด็กแรกเกิดมีการเจริญเติบโตมากก็จริง แต่สมองของเด็กก็ยังคงพัฒนาอย่างมากจนกว่าจะถึงวัยรุ่น เช่น เด็กต้องพัฒนาความจำ สมาธิ การควบคุมอารมณ์ และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม นั่นก็หมายความว่า หากเซลล์สมองถูกทำลาย มันจะมีผลเสียต่อเด็กได้ตลอดชีวิต
โดยเฉพาะสติปัญญญาซึ่งหากบกพร่องไปแล้ว จะมีผลต่อการใช้ชีวิตอื่นๆ ตามมาด้วย
และหากมีการสะสมฝุ่นเล็กๆ นี้ในเซลล์ประสาทอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดโรค Neurodegenerative Disease (การเสื่อมของระบบประสาท) เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์
นอกจากผลกระทบต่อ "สมองที่กำลังพัฒนาของเด็ก" แล้ว อวัยวะอื่นๆ ก็โดนด้วย เช่น Stroke (โรคเส้นเลือดสมองแตก ตีบ ตัน ฉีกขาด) โรคปอดอักเสบ โรคหัวใจขาดเลือด โรคปอดเรื้อรัง และมะเร็งปอด
ดังนั้น อย่าออกไปลานโล่งนอกบ้าน และถ้าจะออกไปขอให้ใส่หน้ากาก N95 เพราะผ้าปิดปากธรรมดาเอาไม่อยู่ค่ะ
หมอตั้งใจจะเล่าถึงอันตรายของฝุ่นขนาดเล็กนี้ให้ฟังเท่านั้น เพราะเห็นว่าหลายๆ คนเข้าใจว่ามันอันตรายแค่คนเป็นภูมิแพ้หรือปอดอักเสบเท่านั้น เลยไม่ได้ป้องกันหรือดูแลเด็กๆ ซึ่งสมองกำลังพัฒนา...
หมอขอฝากถึงโรงเรียนบริเวณกรุงเทพและปริมณฑลด้วยนะคะ พยายามให้เด็กอยู่ในอาคาร งดกิจกรรมกลางแจ้ง จนกว่าอากาศจะดีขึ้นดีกว่าค่ะ
