5 อาการบ่งบอกว่า โซเชียล เริ่มเป็นพิษกับความรัก
Social media มีดีที่เชื่อมโยงให้คนใกล้กันมากขึ้น ไกลกันแค่ไหนก็ใกล้กันได้แค่ปลายนิ้ว แต่ในอีกด้านก็ทำให้คนที่ใกล้กันกลับรู้สึกห่างกันมากขึ้น เหมือนคนละโลกอย่างน่าเหลือเชื่อถ้าคู่ของคุณเริ่มมีอาการต่อไปนี้ แสดงว่าความรักโดนพิษของ Social media เล่นงานเข้าแล้ว หาทางคุยกัน ปรับตัวกันด่วน
1. ติดมือถือมาก ๆ จนขี้เกียจในระดับดินพอกหางหมู
บอกว่าจะไปล้างจานก็ไม่ล้าง จนจานเป็นคราบเขรอะล้างยาก บอกว่าจะไปทำอะไรก็ไม่ทำ มัวแต่เดี๋ยวก่อนๆ แล้วจิ้มมือถือวนไป แบบนี้ก็เริ่มไม่ไหวแล้วค่ะ ควรบอกให้เขาวางมือถือลงก่อน พักสายตาด้วยการไปทำธุระอะไรให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป การผัดวันประกันพรุ่งด้วยคำว่า เดี๋ยวก่อนๆ สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจคนรอมานักต่อนักแล้ว อาจเป็นชนวนให้ทะเลาะกันได้ ถ้าไม่ดัดนิสัยให้มีวินัย อีกหน่อยจะติดนิสัยกลายเป็นคนที่เสียคำพูดได้
2. เริ่มเห็นคนอื่นสำคัญกว่าแฟน
แฟนขอให้ทำอะไร ไหว้วานธุระอะไรเริ่มอิดออด มัวแต่ตอบคอมเมนต์ในเฟสบุ๊ก มัวแต่สนใจคนในโซเชียล แบบนี้ต้องจับเข่าคุยให้รู้เรื่องค่ะ บอกไปตรง ๆ เลยว่าเรารู้สึกเหมือนโดนละเลย เหมือนเป็นของตาย เหมือนโดนคนในเน็ตแย่งเวลาไปยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่อยู่ใกล้กันแท้ ๆ พยายามคุยปรับความเข้าใจกันด้วยกันพูดน้ำเสียงดี ๆ ชี้ให้เห็นว่าเราน้อยใจแค่ไหน และอยากให้ปรับตัวแบบไหน หรือไม่ก็พยายามหากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ไม่ปล่อยให้เขาว่างพอจะจับมือถือค่ะ อย่าขึ้นเสียงชวนทะเลาะนะคะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราชวนทะเลาะในเรื่องไม่เข้าเรื่อง
3. กิจกรรมที่ไม่ใช้มือถือก็เริ่มวอกแวก ไม่มีสมาธิ ลนลานจะหามือถือให้ได้
มันเป็นภาพที่ดูอึดอัดไม่น้อย หากเราต้องการจะอยู่กันสองต่อสองกับแฟน อยากใช้เวลาสัมผัสกันแบบจริงจัง แต่มือถือเจ้ากรรมกลับเด่นขึ้นมา เช่น ดูหนังด้วยกันอยู่บ้าน เดี๋ยวแฟนก็ควักมือถือมาถูๆ ไถๆ เล่น, ไปกินข้าวด้วยกัน แฟนกลับเล่นแต่มือถือ แต่ไม่ค่อยคุยอะไรกับเราที่อยู่ต่อหน้าแท้ๆ อาการแบบนี้ควรหาจุดกึ่งกลาง ค่อยๆ คุยกัน ทำข้อตกลงร่วมกันที่ดูไม่หักดิบเกินไปนะคะ เช่น ถึงเวลาดูหนังก็ควรดูหนังด้วยกัน ไม่เล่นมือถือให้อีกฝ่ายเสียสมาธิและรำคาญใจ, เวลาออกเดตกัน ต้องเก็บมือถือทั้งสองคน แล้วคุยกันในโลกความจริง การปล่อยให้มือถือมีบทบาทมากเกินไปกับ Quality time ของชีวิตคู่ ก็เหมือนคนโลกส่วนตัวมาเจอกันค่ะ ถ้าไม่ปรับตัวคุยกันบ้าง โอกาสพังมีสูงมาก
4. ขี้ลืม จำไม่ได้ว่ารับปากอะไรไว้ เบลอ จำผิดๆ ถูกๆ
เล่นมือถือไป คุยกับคนข้าง ๆ ในโลกความจริงไปด้วย ก็เหมือนคนทำอะไรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ รับอะไรได้ไม่เต็มที่ เป็นแบบนี้บ่อย ๆ อาจทำให้เป็นคนสมาธิสั้น ความอดทนต่ำ หลง ๆ ลืม ๆ ในที่สุดก็เป็นคนความจำสั้น ไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ทุกเรื่อง สุดท้ายก็ไม่พ้นตัวเราที่ต้องพึ่งตัวเอง เพราะไม่สามารถพึ่งพาอะไรกับคนติดมือถือหนักขั้นนี้ได้ ทบทวนให้ดีค่ะว่าเรารับได้ไหมถ้าเขาจะเป็นคนขี้ลืมขนาดนี้
5. เก็บเอาคำพูดของคนในโซเชียลมาคิดมาก
อาการที่แสดงได้ชัดว่าติดโซเชียลขั้นหนักไม่เพียงแต่การสนใจยอดไลก์เท่านั้น การเก็บเอาข้อความที่คนอื่นแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมาคิดมาก คืออาการเด่นชัดที่บ่งบอกได้ว่า แม้แต่คนในโลกเสมือนยังแทบชักดิ้นชักงอได้ขนาดนี้ ต้องจับเข่าคุยกันเสียแล้ว อย่าเพิ่งตำหนิหรือบังคับให้เขาเลิกเด็ดขาด แต่ควรใช้วิธี น้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยการเป็นที่ปรึกษากับแฟนมากขึ้น ชวนคุยให้มากขึ้น บางทีที่แฟนเราใส่ใจโซเชียลมากกว่าความจริง อาจเป็นเพราะเรา ซึ่งเป็นคนในโลกความจริงนั้นพูดกับแฟนน้อยไปก็ได้ พยายามทำทุกทางให้เขารู้สึกอุ่นใจ อยากคุยกับเรามากขึ้น ปลอบใจไม่ให้คิดมากกับคำพูดคนอื่น เดี๋ยวเขาก็วางเฉยกับโซเชียลเองค่ะ (จะถึงขั้นห่างไป ไม่เล่นโซเชียลหรือไม่ อันนี้ต้องค่อยปรับตัวกันไป ค่อยหาวิธีกันไปค่ะ อันดับแรกต้องสร้างความน่าอบอุ่นใจให้แฟนเราก่อน มีอะไรเขาจะได้คุยกับเราเป็นคนแรก ไม่เที่ยวโพสต์หรือคุยโซเชียลไปทั่ว)
เทคโนโลยีไม่สามารถชนะคนเราได้เสมอไป ตราบใดที่เราเลือกได้ว่าจะควบคุมมันอย่างไร เอาใจช่วยให้ทุกคู่เอาชนะโซเชียลได้ และมีความสุขกับ quality time ของชีวิตคู่อย่างแท้จริงนะคะ ^^