Be Magazine : พฤษภาคม 2555

Be Magazine : พฤษภาคม 2555

Be  Magazine : พฤษภาคม 2555
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมไม่ได้บ้า...ผมอยากทำให้ทุกคนหัวเราะ  ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง

หลายคนคงคิดว่าการทำให้มนุษย์สักคนหัวเราะออกมาได้ ไม่เห็นต้องใช้ความสามารถอะไรเลย แท้จริงเเล้วมีการศึกษากันอย่างจริงจังว่าการที่เราจะทำให้คนคนหนึ่งหัวเราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดร.ริชาร์จ ทาฟิลเกอร์ ผู้ค้นคว้าทฤษฎีตลกได้กล่าวเอาไว้ว่า สำหรับการทำให้บางสิ่งเป็นเรื่องที่ขบขันมันจะต้องเป็นสิ่งที่เรียกร้องการใช้ความคิดสติปัญญามากกว่าการใช้อารมณ์ความรู้สึก มันจะต้องเป็นเรื่องกลไกปฏิกิริยาอัตโนมัติ มันต้องเป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีมาแต่กำเนิด

โดยสามารถที่จะเตือนเราให้ระลึกถึงเกี่ยวกับ ความเป็นมนุษย์ได้ มันจะต้องเป็นบรรทัดฐานทางสังคม ที่ยอมรับกันชุดหนึ่ง ซึ่งผู้ชมมีความคุ้นเคย ไม่ว่าจะโดยผ่านชีวิตประจำ วัน หรือการตระเตรียมขึ้นมาของนักเขียนบทเพื่อใส่ลงในเนื้อหาที่แสดงออกมาก็ได้ และบรรทัดฐานเหล่านั้นได้ถูกฝ่าฝืน มันจะต้องเป็นสถานการณ์และองค์ประกอบต่างๆ (ท่าทีของพฤติกรรม และคำพูด) ที่ไม่สอดคล้องหรือเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม หรือไม่สัมพันธ์กันกับบริบทนั้นๆ มันจะต้องถูกรับรู้โดยผู้สังเกตการณ์ในฐานะที่ไม่เป็นภัยอันตรายใดๆ หรือสร้างความเจ็บปวดต่อผู้มีส่วนร่วม นี่เป็นเพียงองค์ประกอบส่วนหนึ่ง แท้จริงแล้วความบ้ากับความตลกอาจอยู่ใกล้กัน เหมือนความอัจฉริยะกับความบ้า ขึ้นอยู่กับบรรทัดฐานด้านในใจผู้ตัดสินว่าจะเลือกมองเขายังไง

 

 

ตอนนี้กำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่

คนอย่างผมมันค่อนข้างจะเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ที่สนใจจริงๆ คือศาสตร์ตลก มัน...หาคนสอนกันยาก ไอ้เรื่องนี้ คือ มันไม่มีให้ใครมาสอน ว่าเล่นแบบนี้มันจะฮานะ มันไม่มีใครสอนไม่มีสูตรสำเร็จด้วย ต้องศึกษาเองครับผม ผมดูเทปตลอด ดูพี่หม่ำ พี่เท่ง พี่โหน่ง น้าค่อม พี่โก๊ะตี๋ อะไรแบบนี้ครับผม ตลกที่เราชอบ เราก็เลือกมาดูครับผม มันก็จะมีมุกอยู่ อะไรแบบนี้

อะไรที่ทำให้คุณตั๊กรู้สึกว่าต้องมาสายตลกครับ

คือ...อย่าเรียกว่าสายตลกเลยดีกว่า คือผมเองก็เป็นของผม สไตล์ของผม แต่ว่าคือที่ผมชอบ ผมอยากจะรู้ว่าเขาทำยังไง อย่างเวลาที่ผมไปรับเชิญชิงร้อยชิงล้าน หรือว่าเล่นละคร คือแค่เขาเดินออกมามันก็ฮาแล้วไง พี่หม่ำ พี่เท่ง พี่โหน่ง เขามีบารมี คือเขาสะสมมานานมาก ก็คือ ผมเองก็ดูจังหวะในการเล่น จังหวะในการพูด จังหวะในการรับมุกของเขา คือมันคือศาสตร์อีกอย่างหนึ่ง

ผมอยากจะรู้... ผมอยากจะรู้ว่าเขาทำยังไงเขาถึงทำให้คนดูหัวเราะได้ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยากนะ ถ้าเกิดว่าเล่นละคร บทร้องไห้ โอเค ผมว่ามันง่ายกว่า ง่ายกว่ามาก เรื่องที่จะทำให้คนหัวเราะกันได้ผมว่าตรงนี้มันลึกซึ้งนะ คนอื่นอาจมองว่าผมเป็นคนบ้า
ใช่ ผมใช่ ผมใช่

คุณมองว่าความฮากับความบ้าแตกต่างกันไหม

ความฮากับความบ้า (หัวเราะ) โหย ความฮากับความบ้าแตกต่างกันไหม เออ ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมันคือสไตล์ของผม ผมสร้างสไตล์นี้ขึ้นมา ผมจะไม่ไป copy ใคร แต่ผมแค่ดูไลน์ ดูจังหวะในการเล่น พี่หม่ำเล่น น้าค่อมเล่น พี่โก๊ะตี๋เล่น คือดูไลน์เล่น แต่ผมจะไม่ได้ copy ผมดูแค่จังหวะ จังหวะในการโจ๊ะๆ พรึมๆ โจ๊ะๆ พรึมๆ (ร้องเป็นจังหวะ) มันจะมีจังหวะของมันอยู่

เคยวิเคราะห์ตัวเองไหม จริงๆ ฉันเป็นคนตลกหรือเป็นคนซีเรียสกับชีวิต ในเรื่องจริงถ้าไม่มีกล้องมาถ่าย จริงๆ แล้วคุณเป็นคนแบบไหน ?

ซีเรียสนะ (ทำหน้าซีเรียส) เป็นคนที่ค่อนข้างจะวางแผนระบบ เออ วางแผนระบบชีวิตว่า ถ้าเกิดเราไม่ได้แบบนี้ เราควรจะไปทางอื่น ถ้าเกิดเราไม่ได้เป็นดารา ก็คือเป็นคนที่วางระบบ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเขียนผมมาเดินทางนี้ เพราะตอนแรกๆ ผมเองก็คิดว่า...ผมเองไม่ใช่ดารา แต่ว่าคือมันบีบบังคับให้ผมต้องทำตั้งแต่เด็กๆ ไปประกวด Domon Mini ได้ตำแหน่งมาเสร็จปั๊บ มีคนผลักดันให้ผมมาเป็นแดนเซอร์ให้กับพี่ทัช แล้วพอจนแล้วจนรอด

คือเริ่มโตมาเรื่อยๆ ผมก็เริ่มจะหายไป หายไปเสร็จปั๊บ ก็มีคนชักจูงให้กลับมาวงการบันเทิงใหม่ กลับมาใหม่เสร็จปั๊บ อยู่อีกแล้วก็หายไป แล้วกลับมาตอน 18 19 20 แล้วอยู่ดีๆ ผมก็ซ่า ผมก็ดื้อ ผมก็หายไป ผมก็กลับมาใหม่ คือ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนกับ ก้าวออกไป แล้วก้าวเข้ามา ก้าวออกไป แล้วก็ก้าวเข้ามา (ทำมือประกอบ) คือ เราเองไม่ได้คิดไม่ฝันว่าเราจะต้องมายืนตรงจุดนี้ คือตั๊ก บริบูรณ์ ไม่เคยฝันเลย แต่เหมือนกับว่ามันบีบบังคับให้เราเดินมา เมื่อเราทำมันตรงนี้ เราเองก็ทำให้มันดีที่สุดครับผม ผมเรียนรู้ว่า ผมคงจะไปทำอาชีพอื่นไม่ได้แล้ว มันขีดมาให้ผมเดินมาทางนี้

จริงๆ แล้วอะไรคือความสุขในชีวิตของคุณตั๊กครับ

ความสุขในชีวิตเหรอครับ ผมขอพูดตรงๆ เลยนะครับ ให้ทุกคนยิ้มแย้ม ผมชอบให้ทุกคนมาเจอผม อย่าไปเครียด ยิ้มอย่างเดียว ถ้าเกิดมันไม่ฮา ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมหาทางไป... เดี๋ยวผมจะเอาจนได้

แล้วอะไรคือความทุกข์ของคุณครับ

ความทุกข์เหรอครับ ความทุกข์ ณ ตอนนี้ ก็คือ ถามว่าตอนนี้มันมีความทุกข์ไหม มันไม่มีความทุกข์อะไรแล้วนะ เพราะว่า คือมันหลุดพ้นนะ บ้านก็ไม่มีหนี้ เอาจริงๆ จะทำอะไรก็ได้ ตอนนี้คือ ชีวิตมันค่อนข้างจะโอเค ไม่มีหนี้ไม่มีสิน อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะไปเที่ยวเมืองนอกก็ไป อยากจะซื้อนั่นซื้อนี่ก็ซื้อไป ณ ตอนนี้นะ ไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่ถามว่าความทุกข์...คือ อยากจะรู้เหมือนกันว่า เออ เฮ้ย มันจะหมดช่วงของเราเมื่อไหร่ อีกสักปี

คุณต้องการเป็น Legend

ถูกต้อง! ก็คือตำนาน คือผมจะไม่ตกอ่ะ ทำยังไงก็ได้ คือต้องรักษาไว้อย่างนี้ ผมอยากจะล้มบนฟูกครับผม ผมไม่อยากล้มบนพื้นดิน พื้นอิฐ พื้นทราย ผมเจ็บหลัง ผมเริ่มแก่แล้วครับ

แล้วถ้าคุณมีความสุขมากๆ คุณคิดว่าคุณมีวิธีจัดการกับความสุขนั้นยังไง

ผมจะเสพมัน ผมเสพความสุข อย่างทุกวันนี้ผมตื่นเช้ามา ผมก็จะเสพความสุขแล้วนะ

ส่วนเรื่องเครียดคุณจัดการได้

คือผมสามารถจัดการมันได้ ไม่มีหนี้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถหมดแล้ว และผมก็มีเงินเก็บอีก คือมันสุขสบายครับ แต่คือเราเองก็ต้องมีลิมิต ไม่ใช่ว่าเราต้องไปซื้อ เฟอร์รารี่ ปอร์เช่ บ้านหลังละสิบล้าน เราต้องมีความพอเพียงของเรา เราพอใจแล้ว (ยกมือไปแตะที่อก)

ถ้ามากกว่านี้อาจจะต้องเหนื่อย

ทุกวันนี้ ผมเองก็สร้างมันอยู่ ผมเองก็สร้างอยู่เรื่อยๆ ผมเองไม่ได้ลดความพยายาม สรรหา สร้างอยู่ไปเรื่อยๆ สร้างการแสดงคือ สร้างสไตล์ของผม ผมอยากให้ทุกคนจดจำว่า มันยังมีศาสตร์อีกศาสตร์หนึ่งนะ แล้วทุกวันนี้ ก็ใช่ด้วย อย่างกับเวลาไปเจอ น้าค่อม พี่โก๊ะ พี่หม่ำ พี่เท่ง พี่โหน่ง เขายังบอกเลยนะ กูยังไม่เคยเจอะเจออะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ทางของมึงนี่ ทางบ้าคือ ทางบ้าของผม เอะอะ เสียงดัง โวยวาย

แต่มันเข้ากับพวกเขาได้ มันไม่ใช่แบบว่าเอะอะโวยวายแล้วฉีกไปโน่นเลย เขาก็งง เออ เฮ้ย จะเล่นอะไรกันต่อ คือเราสามารถจะเข้าแก๊ปกันได้ ลองไปดูเทปชิงร้อยชิงล้าน ระเบิดเถิดเทิง วงคำเหลา คู่กิ๊กพริกกะเกลือ อะไรแบบนี้ คือ มันเข้ากันดี เราเองก็เป็นตัวของเราเอง เราเองก็ไม่ได้มาเสแสร้งอะไร คือแต่ว่ามันมีสไตล์ของผม แล้วมันเข้ากับพวกเขาได้

การที่คุณมีชื่อเสียง เงินทอง ความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้มาเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคุณไหม

ไม่นะ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมคิดเสมอคือบุญคุณ พอผมมีทุกวันนี้ได้ พอผมมองย้อนกลับไปในอดีต ผมจะไม่เคยลืมเลย คนที่สอนผมเล่นละคร อย่างคำถามที่ถาม พอเรามามีวันนี้ ผมต้องขอบคุณพี่เท่ง พี่โหน่ง พี่หม่ำ น้าค่อม พี่โก๊ะตี๋ พี่บอล เชิญยิ้ม พี่หนุ่ย คือเขาสอนผมมา สิ่งเหล่านี้ผมจะไม่ลืมเลย และผมจะเคารพมาก ถามผมว่า ตลกกับดารา ผมกลับชอบตลกนะ

คุณคิดว่าในวงการที่คุณอยู่มันมีความหลากหลาย แล้วคุณเห็นอะไรที่คุณไม่ชอบบ้างไหม แล้วคุณจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด

ลืมตัว สิ่งนี้ผมจะไม่ทำ เพราะว่าผมเคยเป็นมาก่อนแล้ว ผมเคยดัง แล้วก็เด็กๆ ช่วง 18 19 แล้วผมก็ลืมตัวไป เพราะว่าเงินมันเข้ามาหาเราเยอะ เวลาจะไปไหนทุกคนก็เอาอกเอาใจเรา จนเราลืมไป สำมะเลเทเมา คือชื่อเสียง พอมันได้มา เงินต้องตามมาแล้ว เราก็จะลืมไป แต่เราโชคดีตรงที่ว่า เรามีพี่ดี ดึงกลับเข้ามา จนมีผมในวันนี้

ทุกครั้งที่คุณทำการแสดง คุณหาวัตถุดิบมาจากไหน

เฮ้ย มันต้องศึกษานะ มันต้องมีแก๊ปของมันด้วย อย่างนี้ ผมกำลังเพิ่งจะมาซ้อมมุกนี้อยู่ ถ่านไฟฉายตรากบ มันต้องมีมุกของมัน เราเองก็ต้องไปฝึกร้องเพลงมาด้วย เหมือนที่ตลกสมัยก่อนเขาร้องกันเราเองก็ต้องไปฝึกมา แล้วคือผมเองจะเป็นคนที่แปลกมาก ทุกคนอาจจะเห็นผม เออ เฮ้ย! ตามร้านหมูกระทะ ใช่ผมไปมาจริงๆ โนอาคาเฟ่ ผมก็ไปเล่นมา ร้านจุ่มแซบฮัท ผมก็ไปเล่นมา

นี่เขาติดต่อคุณไปเล่นเหรอ

ไม่ ผมไปเล่นเอง จุ่มแซบฮัทในห้าง ไม่ใช่นะ ถึงไปเล่นก็บ้าสิ ใครจะจ้างไปเล่นตลก จะบ้าหรือไง ไปเล่นกับพี่บอล เชิญยิ้ม พี่โก๊ะตี๋เป็นคนบอกผมว่า ต้องไปเล่น คือมันเป็นการเหลาปาก ฝึกพูด พี่โหน่งก็เป็นคนพูด ยกตัวอย่างง่ายๆ พี่หม่ำ พี่เท่ง พี่โหน่ง น้าค่อม พี่หนุ่ย พี่บอล เชิญยิ้ม เขาเกิดมาจากอะไร คาเฟ่ เขาไม่ได้เป็นดารามาก่อนนะ เขามาจากคาเฟ่ และทุกวันนี้ พี่โหน่งก็ยังไปเล่น
คาเฟ่อยู่นะ เดือนละครั้ง

ถ้าคนอยากเป็นตลกสักคน คุณจะพูดอะไรกับเขาครับ

คนที่เป็นตลกก็เยอะ แต่ว่าไม่ดัง คือต้องหาเส้นทางของตนเองก่อน แล้วก็มันต้องมีมุมานะ จริงๆ นะ ถ้าเราย้อนอดีตกลับไปดูพี่ๆ พี่โก๊ะตี๋ น้าค่อม ยกตัวอย่าง อย่างน้าค่อมเขาเป็นลิเกมาก่อน เสร็จปั๊บ มาเล่นคาเฟ่ คาเฟ่เสร็จแล้วก็มาเล่นหนัง เล่นละคร รายการ แต่ถามว่า โอเค ตลกมันก็มีเยอะ แต่พอพี่มานึกถึงน้าค่อม พี่ก็จะเห็นภาพน้าค่อม พี่หม่ำ พี่โหน่ง แนวน่ารัก พี่เท่ง จะเป็นแนวแบบว่า เด็กแว๊น เด็กแนว แจ๊ค ชวนชื่น คือทุกอย่างที่เรามอง มันก็จะเห็นภาพ

เรื่องพวกนี้เคยมีใครสอนคุณไหม

ไม่มีใครสอน แต่เขาแนะผม ผมมีคนแนะผมมา คือที่ผมมาจริงจังเลยนะ (ทำหน้าจริงจัง) เริ่มจากตอนที่ผมลงจากคอนเสิร์ตโก๊ะตี๋ เพราะว่ามันเป็นจุดที่พลิกมากของ ตั๊ก บริบูรณ์ (สูดลมหายใจเข้า) ตอนนั้นพี่โก๊ะตี๋จะขึ้นคอนเสิร์ต พี่ฉอดถามว่าจะเอาใครไปเป็น guest พี่โก๊ะตี๋ตอบว่า จะเอา พี่โน้ต เชิญยิ้ม เอาน้าค่อม แล้วอีกคนหนึ่งจะเอา ตั๊ก บริบูรณ์ ทางโต๊ะเขาเคาะกัน ไม่เอา ตั๊ก บริบูรณ์ เพราะว่า ใคร เขาถามว่าใคร มันเป็นใคร คนดูจะเข้าใจเหรอ แต่พี่โก๊ะตี๋บอกว่า เชื่อมั่นสิ เชื่อผมสิ คนนี้เขามีของ

แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว ผมผูกพันกับพี่โก๊ะตี๋ คลุกคลีกับน้าค่อม เขาสอนผมมา เขาสอนผมเล่นตลก เขาแนะผมมา เมื่อมีโอกาสเขาดึงผมขึ้นเวที เขาให้โอกาส คือมันพลิก (พลิกมือประกอบ) เลยครับ คอนเสิร์ตโก๊ะตี๋หกแพร่ง ลองไปดูเทป มันพลิกเลยครับ พอลงมาเสร็จปั๊บ พี่ฉอดช็อกมาก เพราะว่ามันสนุกมาก คนดูสนุกกันมาก คือมัน ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่มกันตลอด

คือเรารู้เลยว่าเราเอาอยู่

ผมไม่ได้เอาอยู่ แต่ตลกไม่ได้สามารถเดินไปข้างหน้าคนเดียวได้ มันต้องมีองค์ประกอบโดยรวม ป๋าโน้ต เขาก็ประคองผม น้าค่อม เขาก็คอยประคองผม

คือมันคือการผสมผสานกันบนเวที

ถูกต้อง คือผมบอกแล้วว่า มันไม่สามารถเดินไปข้างหน้าคนเดียวได้ ทุกอย่างมันต้องห่อหุ้มกันหมดครับ แล้วพอเดินลงมาเสร็จปั๊บ ช็อกมาก พี่ฉอดเรียกผมไปคุยในรายการคืนพิเศษคนพิเศษ คิดดูสิ ผมได้ไปนั่งสัมภาษณ์สองต่อสองกับพี่ฉอด นี่ไง พลิกเลย เสร็จปั๊บ พี่โก๊ะตี๋ ป๋าโน้ต น้าค่อม บอกเลยว่า เออ มาถูกทางแล้วนะ รักษาไว้นะ ไอ้ทางบ้าๆ ของมึง แล้วก็ไปฝึกฝนมา

อะไรคือสิ่งที่ไม่ชอบในตัวคุณ แล้วคุณจะเปลี่ยนแปลงอะไรมัน

ความใจร้อน มุทะลุ คืออย่างเวลาผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ แล้วถ้ามีใครมาว่าผม ผมจะขึ้นเลย ขึ้นง่ายมาก ไม่ค่อยจะฟังเหตุผลเท่าไหร่

คำถามสุดท้าย ในมุมมองของคุณ คุณมองสังคมนี้อย่างไร

คือ (ทำท่าคิด) สังคมในวงการบันเทิงนะ ขอบอกเลยว่า มันเป็นสังคมที่ดี เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างสร้างผมขึ้นมา ผมมีทุกวันนี้ได้ เพราะสังคมนี้ แล้วผมเองก็ได้พี่ดี แต่เรื่องที่ไม่ดี มันก็มี แต่ผมคิดว่าสังคมนี้มันดีกว่า มีบวกมากกว่าลบ เพราะว่าผมมีเพื่อนในสังคมบันเทิง

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ ของ Be Magazine : พฤษภาคม 2555

ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง
ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook