น้ำมันอะโวคาโด กับ 10 คุณประโยชน์สุดเจ๋งต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ

น้ำมันอะโวคาโด กับ 10 คุณประโยชน์สุดเจ๋งต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ

น้ำมันอะโวคาโด กับ 10 คุณประโยชน์สุดเจ๋งต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า อะโวคาโด เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย แต่นอกเหนือจากอะโวคาโดในรูปของผลไม้แล้ว อะโวคาโดในรูปของ น้ำมันอะโวคาโด ก็เป็นหนึ่งในสุดยอดน้ำมันธรรมชาติ ที่มีข้อดีสารพันสำหรับร่างกายทั้งภายในและภายนอก

10 ประโยชน์ของน้ำมันอะโวคาโด

ช่วยลดคอเลสเตอรอล

เกือบ 70% ของน้ำมันอะโวคาโด อุดมด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อสุขภาพมีงานวิจัยพบว่าช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น และก็ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) พร้อมกับการศึกษาในหนูพบว่า อาจช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และไขมันไม่ดีLDLด้วย

บำรุงดวงตา

อุดมด้วยลูทีน (Lutein) เป็นแคโรทินอยด์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ร่างกายเราผลิตลูทีนไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร

สารอาหารบางอย่างต้องการไขมันเพื่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะแคโรทินอยด์จากพืชที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งพบในเม็ดสีของพืชหลายชนิด แต่ผักผลไม้ที่อุดมด้วยแคโรทินอยด์มักจะมีไขมันต่ำ การวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการใส่น้ำมันอะโวคาโดในสลัด จะช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคโรทินอยด์จากผักเหล่านี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสลัดที่ไม่ได้ใส่น้ำมัน  

ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ติดหนึ่งในห้าที่มีวิตามินอีสูงสุด ไขมันที่ละลายในน้ำชนิดนี้ช่วยทำให้ผิวดูดีขึ้น ช่วยเรื่องสุขภาพตา บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย และทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนบ่อยๆ มีแก๊สในท้อง หรือท้องอืดเป็นประจำ อาจมาจากการย่อยอาหารที่ไม่ดี ลองเติมน้ำมันอะโวคาโดเข้าไปในอาหารเพื่อช่วยแก้ปัญหา เพราะวิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโดช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะดูดซึมวิตามินอี (และสารอาหารส่วนใหญ่) จากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าจากอาหารเสริม

ล้างพิษในร่างกาย

น้ำมันอะโวคาโดอุดมด้วยคลอโรฟิล (chlorophyll) ที่เป็นแหล่งของแมกนีเซียม และเป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่ช่วยในการขจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย (เช่น ตะกั่ว สารปรอท ที่เป็นของเสียจากตับ ไต และอวัยวะอื่นของร่างกาย) โมเลกุลของคลอโรฟิลล์มีอนุภาคของแมกนีเซียมที่จะปล่อยออกมาได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด อย่างเช่นในร่างกายมนุษย์ เมื่อไม่มีแมกนีเซียมที่ถูกปล่อยออกมา คลอโรฟิลล์ก็จะดึงเอาอนุภาคของโลหะเข้าไปแทนที่ และขับออกมาจากร่างกายทางอุจจาระ จับคู่น้ำมันอะโวคาโดกับสลัดหรืออาหารผักอื่น เพื่อเพิ่มพลังของคลอโรฟิลล์ในการขับสารพิษ

ทำให้ผิวแข็งแรง

นอกจากบำรุงร่างกายจากภายในแล้ว ก็สามารถบำรุงจากภายนอกได้เช่นกัน โดยในการใช้น้ำมันอะโวคาโดทาลงบนผิว จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่า เนื่องจาก วิตามิน อี โปตัสเซียม และเลซิธิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในน้ำมัน สามารถดูดซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นนอก เข้าสู่ผิวชั้นใน ช่วยสร้างพลังงานให้ผิว และทำให้เซลล์ผิวใหม่เติบโตเร็วขึ้น

ลดอาการอักเสบและคันของผิว

เนื่องจากปริมาณของกรดโอเลอิกที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบ น้ำมันอะโวคาโดที่เอามาทาบนผิว จึงสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายทั้งหลายแหล่ของผิวได้ เช่น อาการคัน ผิวแตก ส้นเท้าแตก ผิวไหม้แดด ผิวหนังอักเสบ และสะเก็ดเงิน แต่เนื่องจากเราทกุคนมีปฏิกิริยาต่อน้ำมันธรรมชาติไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก่อนใช้ก็ควรทาลงบนผิวในบริเวณเล็กๆ เพื่อทดสอบอาการแพ้ดูก่อนใช้จริง

ทำให้แผลหายเร็วขึ้น

เนื่องจากกรดไขมันในน้ำมันอะโวคาโด การศึกษาชิ้นหนึ่งในคนไข้ 13 คน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันอะโวคาโดและวิตามินบี 12 ช่วยทำให้อาการของโรค สะเก็ดเงิน ดีขึ้นหลังจากใช้ไป 12 สัปดาห์ และยังมีการศึกษาที่พบว่า น้ำมันอะโวคาโดช่วยเยียวยาผิวหนังที่บาดเจ็บได้ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

ทำให้ผมยาวเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้น

สารอาหารในน้ำมันอะโวคาโด เหมาะอย่างมากสำหรับการบำรุงผมเช่นกัน ลองใช้น้ำมันอะโวคาโดหมักผม หรือเอาไปผสมกับน้ำมันหอมระเหยอื่นมีประโยชน์ต่อผมและหนังศีรษะ ก่อนทาลงบนเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมดูดีและแข็งแรงขึ้น เส้นผมจึงยาวเร็วขึ้น

ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะเป็นน้ำมันที่มีจุดการเกิดควันสูง

ความร้อนจากการปรุงอาหารไม่เพียงแต่จะทำลายสารอาหารในน้ำมัน แต่มันยังทำให้เกิดสารประกอบอันตรายขึ้นมาด้วยนั่นก็คือ สาร AGE(Advance glycation end products) ซึ่งได้รับการยืนยันว่าทำให้ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง มีส่วนอย่างมากในการทำให้เกิดการอักเสบ และทำให้ผิวแก่ลง น้ำมันอะโวคาโดบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงกว่าน้ำมันอื่น (รองลงมาคือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันคาโดนล่า น้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน และน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์) เหตุผลที่น้ำมันอะโวคาโดทนความร้อนได้สูง เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated fat) ในปริมาณต่ำ เนื่องจากไขมันนี้ไม่ค่อยเสถียรและทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ง่าย (Oxidation)

ข้อควรระวัง

อะโวคาโดค่อนข้างจะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ในการรับประทานเป็นอาหาร หรือในการรับประทานเป็นยา อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากพอในเรื่องความปลอดภัยของการกินอะโวคาโดเป็นยา ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยให้กินเป็นอาหารพอ นอกจากนี้ในคนที่มีอการแพ้ยาง (Latex) อาจจะไม่สามารถทนต่ออะโวคาโดหรือน้ำมันอะโวคาโดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่แพ้ยางแล้วจะแพ้อะโวคาโด จัดเป็นอาการแพ้ที่หาได้ยาก อย่างไรก็ตาม คนที่แพ้ยางควรระมักระวังในการบริโภคอะโวคาโด และปรึกษาหมอเพิ่มเติมหากต้องการใช้น้ำมันอะโวคาโด

วิธีการใช้น้ำมันอะโวคาโด

  • เหยาะลงไปในสมูธตี้ของคุณ
  • ใส่ในสลัด ใช้แทนน้ำสลัดได้ดี
  • ใช้หมักเนื้อที่จะทำอาหาร
  • ใช้เป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร

Hello Health Group ไม่ได้ให้แคำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook