แฟนนอกใจ กลับไปคุยกับรักแรก ทำอย่างไรดี
เรื่อง ว. วชิรเมธี (dhammatoday@gmail.com, http://www.facebook.com/v.vajiramedhi)
ดิฉันกับแฟนแต่งงานกันมาเป็นเวลาเกือบสิบปี วันหนึ่งแฟนของดิฉันไปพบเพื่อนสมัยเด็ก เขาเล่าให้ฟังว่าเป็นรักแรกพบของเขา จากนั้นสองคนนั้นก็คุยโทรศัพท์กันมาตลอด ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายหญิงก็มีสามีแล้ว พอดิฉันโวยวาย สามีดิฉันก็บอกว่าไม่มีอะไร คุยกันแค่เพื่อน ในขณะที่ฝ่ายหญิงก็โทรบอกดิฉันตลอดว่า วันนี้คุยอะไรกับแฟนดิฉันบ้าง ท้ายที่สุด ดิฉันทนไม่ไหว จึงโทรไปว่าฝ่ายหญิง และยื่นคำขาดกับสามีดิฉัน ซึ่งสามีดิฉันบอกว่ายังไงเขาก็เลือกดิฉันอยู่แล้ว และบอกว่าจะเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น ส่วนฝ่ายหญิงก็โทรมาหาดิฉันแล้วต่อว่าว่าทำไมต้องกีดกันไม่ให้เธอคุย ดิฉันบอกตามตรงว่ารู้สึกเหมือนจะเป็นโรคประสาท ดิฉันควรจะนำพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้อย่างไรดีคะ
กวีท่านเขียนถึงอานุภาพของความรักเอาไว้ดังนี้
"ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิว์ขังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็โลดไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่หวนคิดถึงเจ็บตาย"
อาการของสามีของคุณที่ถามมาก็น่าจะเข้าข่ายกวีนิพนธ์ข้างต้นนี้ คือ "ยิ่งห้าม ก็ยิ่งคลั่ง บ่หวนคิดถึงเจ็บตาย" อาการอย่างนี้หากทิ้งไว้นานๆ โอกาสที่ "น้ำพริกถ้วยเก่า" อย่างคุณจะถูก มองข้ามก็เป็นไปได้สูง ทั้งนี้ เพราะความรักนั้นมีอานุภาพมาก ความใกล้ชิดก็มีอานุภาพมาก บางครั้ง ใครบางคนอาจปากแข็ง ว่าไม่คิดอะไร ไม่มีอะไร แต่หัวใจอาจเลยเถิดไปไกลกว่าปากที่ พร่ำพูดหลายช่วงตัว การที่คุณพยายามดึงสามีกลับคืนน่าจะเป็นวิธีที่ถูกแล้ว เพราะปราชญ์ท่าน เตือนไว้ว่า
"ผาณิตพิชิดมด ฤจะอดบ่อาจมี
แม่เหล็กและเหล็กดี อยะยั่วก็พัวพัน"
แปลไทยเป็นไทยว่า "น้ำตาลใกล้มด มดที่ไหนจะอดใจไว้ได้ ถึงอย่างไร มดก็ต้อง กินน้ำตาลอยู่วันยังค่ำ"
การที่คุณลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์อันชอบธรรมของตน จึงถือว่า เป็นสิ่งที่ชอบด้วยพฤตินัย และนิตินัยเนื่องจากว่า คุณทั้งสองครองรัก ครองเรือนกันมาก่อนแล้วเป็นสิบปี แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการ "ทวงคนรักคืน" ก็ไม่ควรจะใช้ความรุนแรง ขอแนะนำให้คุณใช้วิธีเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยการชี้ให้เห็นว่าคุณทุกข์อย่างไร ที่สามีของคุณแอบคุยกับคนรักเก่า คุณควรชี้ชวนให้เขาเข้าใจ คุณในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยจะดีกว่า ใช้ความจริงใจ ใช้ความนุ่มนวลน่าจะ ดีกว่า เพราะบางทีหากไปท้าทายอีกฝ่ายหนึ่งมากๆ จนเขาโกรธขึ้นมา เขาอาจรู้สึกอยากท้าทาย หรืออยากเอาชนะคุณขึ้นมา ก็เลยพานทำในสิ่งตรงกันข้าม คือ ไม่เพียงไม่ถอย แต่อาจจะรุก มากขึ้นก็เป็นได้ ส่วนสามีของคุณก็เช่นกัน ไม่ควรวางใจ หรือใจอ่อน เพราะขนาดคุณดูแลอยู่ ใกล้ชิดถึงเพียงนี้ก็ยังมีความหวั่นไหว ขืนวางใจไปเลย ครอบครัวอาจพังครืนลงมาได้ง่ายๆ
นอกจากการทวงคนรักคืนอย่างตรงไปตรงมาในฐานะที่เป็นผู้มีความชอบธรรมแล้ว ใน ทางบวกสิ่งที่คุณควรพัฒนาขึ้นมาด้วยก็คือ การปรับตัวเองให้เป็นคนดี มีเสน่ห์ ด้วยการหันมา พิจารณาตนเองด้วยเหมือนกันว่า มีเรื่องใดบ้างที่ตัวคุณเองยังบกพร่อง มีเรื่องใดบ้างที่ควรปรับปรุง ถือโอกาสนี้ย้อนกลับมาพิจารณาตนเอง ยกเครื่องตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ ทำให้สามีเห็นว่าตน ก็เป็นคนที่มีคุณค่า มีชีวิตจิตใจ มีความอ่อนโยน ไม่ได้มีแต่มุมโมโหโกรธา ซึ่งหากมีมากๆ ไปก็ไม่ดี เพราะอาจจะทำให้กลายเป็นคนน่าเบื่อได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นกับคุณนี้เป็นเรื่องน่าเห็นใจ ใครไม่พบด้วยตัวเอง ก็คงยากจะรู้ว่า ความเจ็บปวดเพราะถูกแย่งคนรักนั้นมีรสชาติเป็นอย่างไร ขอให้คุณมองโลก ในแง่ดี พยายามเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาและผ่านเรื่องราวคราวนี้ไปโดยใช้ "สติ" ให้มากที่สุด
พยายามอย่าใช้ความรุนแรง เพราะความรุนแรงจะไม่ช่วยอะไร นอกจากทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง เชื่อเหลือเกินว่า หากคุณไม่ท้อไม่ถอยเสียก่อน ถึงอย่างไร สามีของคุณก็คงจะไม่ทิ้งคุณอย่างแน่นอน เพราะอย่างน้อยที่สุด ตอนนี้คุณกับเขาก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว ขอให้ ใจเย็น ใช้ความนุ่มนวล ใช้เหตุผลเอาชนะใจของสามีให้ได้ ไม่เร็วก็ช้า สถานการณ์เลวร้าย น่าจะผ่านไปได้อย่างแน่นอน