อันตราย! ฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้ทารกในครรภ์อายุสั้น

เรื่องของฝุ่น PM 2.5 กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง นับวันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และยังไม่มีแนวโน้มว่ารัฐจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร อย่างที่ทราบกันดีจากผู้ที่อยู่ในวงการแพทย์ที่ได้ผลัดกันออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนว่าฝุ่นละอองพิษ PM 2.5 นี้ สามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้อย่างร้ายแรง และล่าสุดนี้เองก็ได้มีผลงานวิจัยออกมายืนยันว่า หากคนท้องได้รับฝุ่นพิษนี้ในปริมาณมาก อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กในครรภ์เจริญเติบโตช้าลง และพบว่าอาจมีอายุขัยสั้นกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

ฝุ่นละออง PM 2.5 กระทบถึงทารกที่อยู่ในครรภ์ได้อย่างไร ?

เชื่อว่าหลายคนอาจสงสัยว่า ฝุ่นพิษนี้ จะเข้าไปทำร้ายเด็กที่อยู่ในท้องได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ ก็ต้องย้อนกลับมาดูที่มาของฝุ่นชนิดนี้ สำหรับสาเหตุที่มีการเรียกว่า PM 2.5 นั่นก็เพราะขนาดของฝุ่นที่เล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือเล็กมากกว่าเส้นผมของมนุษย์ 20 เท่าขึ้นไป เล็กจนถึงขนาดที่ว่าสามารถเข้าสู่สมอง และกระแสเลือดของมนุษย์ได้แบบสบายๆ เมื่อคนท้องได้รับฝุ่นนี้เข้าสู่ร่างกายมากๆ ก็จะทำให้รู้สึกหายใจได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงทารกในครรภ์ได้อย่างเพียงพอ จึงทำให้ทารกไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และเสี่ยงต่อการอายุขัยสั้น ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณแม่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงอื่นโดยมีฝุ่นเป็นสาเหตุ ก็อาจมีอาการคนท้องจนถึงขั้นทำให้ทารกพิการได้เลยทีเดียว

วิธีรับมือฝุ่น PM 2.5 สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

1.ใส่หน้ากาก N95 : หน้ากาก N95 คือสิ่งที่ช่วยในการรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ได้ดีที่สุด และดียิ่งกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วๆ ไป หากคุณแม่สวมใส่แล้วรู้สึกว่าหายใจไม่ออกเหมือนจะเป็นลม แนะนำให้ใช้แบบที่มีวาล์วเพื่อช่วยให้หายใจได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ต้องใช้หน้ากากอนามัย 2 ชั้นซ้อน

2.งดกิจกรรมนอกบ้าน : ถ้าหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรให้คุณแม่ตั้งครรภ์ออกไปข้างนอกในช่วงที่มีฝุ่นควันเยอะ รวมถึงควรงดทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านไปก่อน ขณะเดียวกัน หากอยู่บ้าน ก็ควรปิดบ้านให้มิดชิด และควรหาซื้อเครื่องฟอกอากาศมาช่วยดักจับฝุ่นที่อาจเล็ดรอดเข้ามาในบ้าน

3.ปลูกต้นไม้ : รู้หรือไม่ว่าต้นไม้ สามารถช่วยลดฝุ่นละอองได้บางส่วน ลองหาต้นไม้เล็กๆ มาวางไว้ตามมุมบ้านก็จะช่วยทำให้อากาศในบ้านดีขึ้นได้

และเมื่อไรก็ตามที่อาการคนท้องเริ่มไม่ปกติ เช่น หายใจไม่ออก เจ็บคอ เป็นไข้หวัด ขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรีบทำการรักษาทันที เพื่อที่คุณแม่และลูกในครรภ์จะได้ปลอดภัยไปพร้อมๆ กัน