"ได้รับสุขและทุกข์อย่างละครึ่ง" ความในใจของไอดอลสาวที่ใช้เงินศัลยกรรมไปทั้งหมด 7 ล้านเยน
"เมจิ" ไอดอลสาววง AXE ที่เปิดเผยถึงการใช้เงินกว่า 7 ล้านเยนในการทำศัลยกรรมใบหน้าจนกลายเป็นประเด็นพูดถึงอย่างมาก เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เพราะการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ฉันให้ความพยายามมากที่สุดในชีวิตแล้ว เลยไม่อยากปิดและอยากจะบอกกับทุกคนอย่างภูมิใจเลยว่าฉันทำศัลยกรรมมาค่ะ” ซึ่งสาวเมจิได้ทำศัลยกรรมที่เปลือกตา, จมูก, คาง ฯลฯ
สาวเมจิเปิดเผยผ่านสื่อถึงการทำศัลยกรรมของตนมาตั้งแต่ปี 2018 จากนั้นเธอก็ได้รับโอกาสมากมายในการออกโชว์ตัวในรายการวาไรตี้ต่าง ๆ ในฐานะ “ไอดอลสาวผู้ศัลยกรรม” เธอได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมผ่านสื่อโซเชียล เช่น “ฉันเริ่มจะมีความกล้าที่จะทำศัลยกรรมแบบคุณบ้างเช่นกัน” และ “การไม่ปกปิดความจริง (เรื่องการทำศัลยกรรม) เป็นสิ่งที่ดีมากเลยทีเดียว” เป็นต้น สาวเมจิกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันรู้สึกได้ว่า ภาพลักษณ์ของการทำศัลยกรรมสำหรับคนในยุคปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และฉันก็ได้ทราบมาว่า มีหลายคนที่ถือรูปของฉันเข้าไปจองคิวที่โรงพยาบาลที่ฉันทำศัลยกรรม รวมถึง ยังมีอีกหลายคนที่ส่งคำถามผ่านอีเมลมาปรึกษาฉันเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยค่ะ”
โดยอีเมลที่ส่งมาปรึกษาสาวเมจิก็จะมีปัญหาหลากหลายออกไป เช่น “จะไปทำศัลยกรรมต้องเตรียมอะไรไปบ้าง?”, “หลังทำศัลยกรรมเป็นอย่างไรบ้าง?” รวมถึง “ฉันอยากทำศัลยกรรมแต่พ่อแม่ไม่รับฟังเลย คุณช่วยฉันเหน่อยได้ไหม?” ฯลฯ และสิ่งที่สาวเมจิตอบกลับไปก็คือ “คนที่มาขอคำแนะนำเรื่องการทำศัลยกรรม ฉันก็จะบอกเขาว่าถึงเทคนิคทางการศัลยกรรมต่าง ๆ ส่วนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่พ่อแม่ไม่ยินยอมให้ทำศัลยกรรม ฉันก็แนะนำไปว่า ยังไม่ควรทำศัลยกรรมในตอนนี้ ถ้าอยากจะทำศัลยกรรมจริง ๆ ก็รอให้อายุเกิน 20 ปีก่อน พอสามารถทำงานจนมีเงินเก็บก็ค่อยไปทำ ให้การตัดสินใจทั้งหมดเป็นหน้าที่ที่คุณต้องรับผิดชอบเองจะดีที่สุดค่ะ”
เมื่อถามสาวเมจิถึงสาเหตุจูงใจที่ทำให้เธอคิดที่จะศัลยกรรม เธอเล่าว่า ครอบครัวของเธอเข้มงวดมาก เธอต้องเรียนหนังสืออย่างหนักจนถึงชั้นมัธยมปลาย ต้องทำแบบฝึกหัดทุกวันมาตั้งแต่สมัยชั้นประถมฯ ทั้งยังต้องออกไปเรียนพิเศษข้างนอกและมีครูมาสอนพิเศษเพิ่มเติมที่บ้านอีกด้วย ประโยคสนทนาของเธอกับเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการช่วยกันทวนคำศัพท์ในกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ทำให้เธอไม่ได้สนใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของตนเองเลย จนเธอเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยและทำงานพิเศษที่ร้านเมดคาเฟ่ ทำให้เธอเริ่มสนใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกขึ้นมา
ในตอนนั้น สาวเมจิมีความสนใจที่จะนักพากษ์ จึงตัดสินใจมาทำงานที่ร้านเมดคาเฟ่เพื่อฝึกฝน แต่สิ่งที่เธอได้รับรู้จากการทำงานร้านเมดคาเฟ่ก็คือ ความแตกต่างของลูกค้าที่เลือกปฏิบัติต่อสาวเมดที่หน้าตาน่ารักและหน้าตาธรรมดา มันทำให้สาวเมจิรู้สึกท้อใจมาก ๆ ที่มีแต่คนหน้าตาน่ารักเท่านั้นที่ถูกเอาใจเป็นพิเศษ ในตอนแรกเธอพยายามแก้ไขปมด้อยด้วยการแต่งหน้า โดยการใช้เทปทำตาสองชั้นติดที่เปลือกตา แต่มันก็ทำให้เธอคอยกังวลตลอดว่าเทปจะหลุดหรือไม่ จะมีใครจับได้รึเปล่าว่าติดเทปไม่เนียน เป็นต้น บวกกับในตอนนั้นที่เธอของเธอได้ไปทำศัลยกรรมโดยใช้เงินไม่มากมายนัก เธอจึงตัดสินใจเริ่มทำศัลยกรรมตั้งแต่นั้นมา
สาวเมจิเริ่มทำศัลยกรรมตอนเรียนมหาลัยปี 4 เดิมทีเธอเป็นคนตาชั้นเดียวและเปลือกตาค่อนข้างบวม เธอรู้มาว่าเพื่อนร่วมงานของเธอทำตาสองชั้นในราคา 20,000 เยน เธอจึงเริ่มเก็บเงินและไปที่โรงพยาบาลเดียวกันกับเพื่อนคนดังกล่าว แต่หลังจากปรึกษาคุณหมอก็ได้รู้ว่า หากต้องการผ่าตัดลดความบวมของเปลือกตาจะต้องมีค่าใช้จ่ายถึง 120,000 เยน เพื่อให้ตัวเองดูน่ารักขึ้น สาวเมจิจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดในครั้งนั้น
งานอดิเรกของสาวเมจิคือการแต่งคอสเพลย์ แต่ทุกครั้งที่เธอดูรูปถ่ายตัวเองก็รู้สึกว่ายังถ่ายออกมาได้ไม่สวยนัก เธอตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้งว่า ทั้ง ๆ ที่ทำตาสองชั้นมาแล้วทำไมยังดูไม่สวยขึ้นเลย? เธอพยายามสำรวจตัวเองผ่านกระจกและรู้สึกไม่พอใจบริเวณริมฝีปาก จากนั้นเธอก็หาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตและทำศัลยกรรมแก้ริมฝีปากอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังถูกผู้คนจากโซเชียลวิจารณ์จนทำให้เธอรู้สึกท้อใจไปบ้าง
เมื่อถามเธอถึงทัศนคติของชาวญี่ปุ่นอีกหลายคนที่ยังมองการทำศัลยกรรมในแง่ลบอยู่ เมจิกล่าวว่า “จากนี้ฉันอาจจะใช้คำพูดที่แรงไปหน่อย แต่ฉันอยากจะบอกว่า ถ้าคุณกำลังกลุ้มใจกับรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองจนมันส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคุณแล้วล่ะก็ ฉันคิดว่าไปทำศัลยกรรมแก้ไขเลยดีกว่าค่ะ แล้วแต่งหน้าเพิ่มอีกนิดหน่อยให้ดูน่ารักขึ้น เพียงแค่นั้นคุณก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าหากคุณยังต่อต้านหรือมองการทำศัลยกรรมในแง่ลบอยู่ ฉันคิดว่าคุณอย่าทำศัลยกรรมเลยจะดีกว่า”
อย่างไรก็ตาม สาวเมจิที่ตัดสินใจทำศัลยกรรมแก้ไขใบหน้ามาเรื่อย ๆ จนสวยน่ารักจนถึงทุกวันนี้ ก็ได้พูดถึงทั้งข้อดีข้อเสียและสิ่งที่เธอได้รับหลังจากนั้นว่า “แค่ฉันทำศัลยกรรมให้ดูน่ารักขึ้น ทั้งๆ ที่นิสัยภายในตัวฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่การเลือกปฏิบัติต่อฉันของคนรอบข้าง…
โดยเฉพาะผู้ชายเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ แต่ว่าการที่ถูกจับตามองจากหลาย ๆ คนเพราะหน้าตา มันทำให้ฉันรู้สึกเสียใจที่เขียนอะไรไร้สาระลงไปบนโลกโซเชียลบ้าง ถ้าเป็นสมัยก่อน ฉันจะไม่ซื้อของแบรนด์เนมแพง ๆ เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะกับตัวเอง แต่ตอนนี้ฉันซื้อทั้งเสื้อผ้าและกระเป๋าอย่างบ้าคลั่ง มันเลยกลายเป็นความกลุ้มใจเรื่องใหม่ที่ฉันกำลังเผชิญ บางครั้งมันก็ทำให้ฉันคิดว่า สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่มีความสุขหลังการทำศัลยกรรมเลยหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ตัวฉันในตอนนี้จึงกำลังมีความสุขและความทุกข์ปนกันมาอย่างละครึ่งค่ะ”