ทำอย่างไรให้รักเป็น

ทำอย่างไรให้รักเป็น

ทำอย่างไรให้รักเป็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าพรีมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก พรีมเป็นแค่คนหนึ่งที่มีความรัก ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ทั่วไป หากแต่คนเรานั้นมักมีมุมมองสำหรับความรักที่แตกต่างกันไป และพรีมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากจะนำสนอมุมมองความรักในแบบฉบับของพรีม เผื่อจะโดนใจใครหลายๆ คนเข้า

มีคนเคยบอกว่า ‘ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์' ใครเห็นด้วยกับประโยคนี้บ้าง พรีมว่ามากกว่า 80% ของประชากรโลกเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว จากตัวอย่างที่เห็นได้ตามหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน ที่มักจะมีข่าวฆ่ากันตาย อันเนื่องมาจากการหึงหวง รักไม่สมหวัง การนอกใจ ถูกหลอกลวง รักสามเส้า ฯลฯ ที่มีให้เห็นกันเต็มไปหมด ตั้งเล็กจนโตไม่เว้นแต่ะวัน ทำให้พรีมคิดว่าทำไมความรักเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลต่อชวิตของเราได้เพียงนี้ สามารถกำหนดชะตาชีวิต หรือความเป็นความตายของคนเราได้ขนาดนี้

ในขณะเดียวกันความรักก็เป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อใครหลายคนทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อโลกมนุษย์ได้ อาทิ ความรักสามารถสร้างคนได้ ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากที่ใครหลายๆ คนยอมเหน็ดเหนื่อย เสียสละเวลาส่วนตัว ทุ่มเทไปทั้งแรงใจ แรงกาย แม้กระทั่งยอมอดตาหลับขับตานอนก็ทำได้ ทั้งหมดนี้เพื่อคนที่พวกเขารักคือ ‘ลูก' นั่นเอง แม้ว่าจะต้องแลกด้วยความลำบากสักเพียงใดก็เปรียบเทียบไม่ได้กับความสุขอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้รับจากเพียงแค่จุดเล็กๆ เท่านั้น นั่นคือในทุกๆ วันได้เห็นลูกน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคมก็เพียงพอแล้ว

ไม่นานมานี้พรีมได้อ่านหนังสือกล่องบุญ 3 ที่เขียนโดย คุณภัทริน ซอโสตถิกุล ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความรักได้อย่างดีและเข้าใจง่าย มีคำพูดและประโยคอยู่หลายคำที่พรีมอ่านแล้วถึงกับต้องขีดเส้นใต้ไว้หลายคำเลยทีเดียว ซึ่งตอนหนึ่งในคำยามที่เขียนโดย คุณหญิงจำนงศรี รัตนิน หาญเจนลักษณ์ กล่าวไว้ว่า "ความรักบันดาลได้ทั้งความอิ่มเอิบสุดพรรณนาและความทุกข์สุดสาหัส ด้วยเหตุนี้ คนเราจึงได้ทั้งสิ่งที่งดงามจรรโลงโลกหรือเลวร้ายอย่างมหันต์ในนามของความรัก" ข้อความนี้ได้ตอกย้ำบทสรุปความรักในแบบฉบับของพรีมที่ว่า ‘ความรักเป็นเหมือนดาบสองคม ที่สามารถให้ทั้งความสุขที่สุดและทุกข์ที่สุดได้พร้อมๆ กัน ความรักเปรียบเสมือนเปลวเทียนที่ให้ทั้งแสงสว่าง และขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ร้อนสุดแสนสาหัสได้ หากเราไม่รู้จักใช้ความรักให้เป็นและมีความรักอย่างชาญฉลาด เราก็จะเป็นเหมือนหนิดจั่นที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลและการครอบงำของความรัก'

แน่นอนมันไม่ยากเกินไปหากคุณจะรักให้เป็น ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พรีมฝากข้อคิดให้ใครหลายๆ คนที่อย่างน้อยยังมีความอยากที่จะเรียนรู้ว่า หากจะรักให้เป็นนั้นต้องทำอย่างไรบ้างดังนี้นะคะ

1. รักให้เป็นโดยการไม่คาดหวัง (No Expectation)
- หากคุณเองยังไม่สามารถคาดหวังในสิ่งต่างๆ ให้ตัวเองเป็นได้อย่างที่ใจหวังทั้งหมดล่ะก็ จงเลิกคิดที่จะคาดหวังในตัวผู้อื่นเช่นเดียวกัน อาทิ คุณไม่สามารถคาดหวังหั้วเองไม่ง่วง ไม่หิว ไม่โกรธ ฯลฯ ฉันใดก็ฉันนั้น...คุณเองก็ไม่สามารถคาดหวังให้คนอื่นเป็นทุกอย่างที่คุณอยากให้เป็นได้ทั้งหมดหรอกค่ะ สิ่งที่คุณทำได้คือคุณอาจตั้งความหวังกับสิ่งต่างๆ และทำทุกๆ สิ่งในชีวิตให้ดีที่สุด ผลที่จะออกมาเป็นอย่างไรให้ยอมรับกับผลของมัน เพราะคุณทำดีที่สุดแล้วไม่มีอะไรต้องสียใจ จงอย่าคาดหวังมันต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เพราะเมื่อคุณหวังและมันไม่ได้ดังหวัง คุณก็จะผิดหวัง

2. รักให้เป็นโดยการรักอย่างไม่มีเงื่อนไข (Uncondlitional Love)
- คอนเซ็ปต์ของการรักโดยไม่มีเงื่อนไขอธิบายได้ง่ายๆ ว่า จงรักโดยไม่หวังผลตอบแทน คนส่วนใหญ่เมื่อมีความรักและทุ่มเททำสิ่งต่างๆ ให้กับคนที่ตนรักแล้ว มักมีคำถามกับตัวเองต่อจากนั้นเสมอว่า ‘ทำไม?' เช่น ฉันรักเขา และฉันทำสิ่งที่ฉันควรจะทำแล้ว...แต่ทำไมเขาไม่เห็นทำหน้าที่ของเขาบ้าง หรือแต่การสร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้กับความรัก เช่น หากเขาทำกับฉันอย่างไร ฉันก็จะทำกับเขาเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วความรักของคุณก็คงไม่ต่างอะไรกับคำว่า ‘รักที่ฉันต้องการ' แทนที่จะเรียกว่า ‘รักนี้มีแต่ให้'

3. รักให้เป็นด้วยการใจเย็น ประคับประคอง และอดทน
- อย่างที่กล่าวตอนต้น หากเปรียบเทียบความรักเป็นดังเปลวเทียนแล้ว การทะนุถนอมรักษความรักก็เหมือนดังการรักษาเปลวเทียนท่ามกลางลมที่พัดแรง เปลวเทียนอาจจะดับกลางคัน และยากที่จะจุดติดใหม่ได้ แต่รับรองได้ว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ต้องอาศัยการใจเย็น การประคับประคอง และความอดทนเท่านั้น

4. รักให้เป็นโดยการให้อภัย
- ไม่มีเส้นทางชีวิตใดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ดังนั้นอุปสรรคและความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่เคยทำผิดพลาด คุณเองก็เช่นเดียวกัน หากคนที่คุณรักทำผิดพลาด หน้าที่ของคุณคือชี้มห้เขาเห็นถึงความผิดพลาดนั้น และหยิบยื่นโอกาสในการแก้ไขตัวเองแก่เขาผู้นั้น แค่นี้ก็เรียกได้ว่าคุณรู้จักการใหอภัยแล้ว หากรู้จักการให้อภัย ความรักของคุณจะยั่งยืน เป็นความรักที่สมบูรณ์แบบ เป็นความรักที่มีแต่การให้อย่างแท้จริง

ไม่ว่าพรีมจะกล่าวมาอย่างยืดยาวข้างต้นอย่างไร สุดท้ายแล้วบทสรุปของความรักที่แท้จริงก็สามารถสรุปได้ด้วยคำสั้นๆ ว่า ‘เมตตา' หากคุณอยากรักให้เป็นหรืออยากมีความรักที่ทำให้ตนเองและคนที่คุณรักเป็นสุข ขอให้คุณมีความเมตตาต่อผู้นั้นอย่างแท้จริงเท่านั้นเองค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook