5 สเต็ปสยบกลิ่นเหงื่อบนเสื้อผ้า คืนชีพเสื้อซกเหงื่อ ให้กลับมาหอมสดชื่นตลอดวัน

5 สเต็ปสยบกลิ่นเหงื่อบนเสื้อผ้า คืนชีพเสื้อซกเหงื่อ ให้กลับมาหอมสดชื่นตลอดวัน

5 สเต็ปสยบกลิ่นเหงื่อบนเสื้อผ้า คืนชีพเสื้อซกเหงื่อ ให้กลับมาหอมสดชื่นตลอดวัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แค่ก้าวออกจากบ้าน เหงื่อก็ออกจนเสื้อชุ่มเหงื่อ ถือเป็นเรื่องปกติของคนไทยที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันในเมืองที่มีแต่ฤดูร้อน-ร้อนมาก-ร้อนที่สุด หลายคนต้องเผชิญกับปัญหากลิ่นเหม็นเหงื่อที่ติดบนเสื้อผ้า ซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะคนที่ชอบเล่นกีฬาเท่านั้น แต่พนักงานออฟฟิศ นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงแม่บ้าน ก็ล้วนต้องเผชิญกับความซกเหงื่อเสื้อเหม็นอับกันทุกราย วันนี้ ดาวน์นี่ สปอร์ต มี 5 สเต็ปสุดเวิร์คในการขจัดกลิ่นเหงื่อบนเสื้อผ้า ให้กลับมาหอมสดชื่นทั้งวัน มาแชร์ให้ลองปรับใช้กันค่ะ

Step 1: ยิ่งหมก ยิ่งเหม็น
หลังจากผ่านศึกซกเหงื่อมาทั้งวัน กลับถึงบ้านปุ๊บ ห้ามโยนเสื้อลงตะกร้าทันทีนะ!! ควรผึ่งเสื้อให้แห้งก่อนโยนลงตะกร้า เพราะการหมกเสื้อเปียกเหงื่อในตะกร้าไว้นานๆ ทำให้สิ่งสกปรกและคราบเหงื่อต่างๆ ถูกหมักหมม ก่อให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรีย สาเหตุของกลิ่นเหม็นอับอบอวลชวนเวียนหัวที่บางครั้งซักแล้วกลิ่นก็ยังอยู่


Step 2: แช่ผ้าช่วยได้
ก่อนซักเสื้อที่เคยชุ่มไปด้วยเหงื่อ ให้ลองนำมาแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำซึมเข้าสู่เส้นใยผ้าอย่างทั่วถึง ก่อนขยี้เบาๆ บิดผ้าหมาดๆ แล้วจึงนำผ้าไปซักจริงอีกรอบตามขั้นตอนปกติ วิธีนี้จะช่วยให้คราบเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนผ้าหลุดออกไปบางส่วน ทำให้การซักเสื้อผ้าสะอาดขึ้นอีกระดับ


Step 3: เลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ถูกโฉลกกับเสื้อเหม็นเหงื่อ
ตัวช่วยเพิ่มความหอมในการซักผ้าของทุกบ้าน คงหนีไม่พ้นน้ำยาปรับผ้านุ่ม หากอยากให้เสื้อที่ซกเหงื่อยังคงความหอม ควรเลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีเทคโนโลยีกำจัดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าโดยเฉพาะอย่าง "Downy Sports" ที่ไม่เพียงแค่กำจัดกลิ่นแต่ยังปกป้องกลิ่นเหงื่อนานถึง 24 ชั่วโมงอีกด้วย แบบนี้ต้องรีบจัด!


Step 4: แค่ตากผ้าถูกวิธีก็รอดจากกลิ่นอับ
เลิกนิสัยทิ้งผ้าที่ซักเสร็จแล้วไว้ในเครื่องนานๆ กันเถอะหนา เพราะบางครั้งเจ้าแบคทีเรียที่ยังเหลือค้างบนผ้าและในถังซัก จะร่วมมือกันสร้างกลิ่นอับฝั่งลึกไปอีกนาน ดังนั้นพอซักผ้าเสร็จให้รีบนำมาตากแดดทันที หากต้องตากในที่ร่ม ควรเป็นที่ที่มีลมโกรก เปิดพัดลมเป่าให้พลังลมช่วยพัดความชื้นออกจากผ้าอีกแรงก็ได้ จะได้ไม่อับ แถมแห้งเร็วอีกด้วย

Step 5: เก็บผ้าให้ดี กลิ่นอับไม่มา
เก็บผ้าที่ตากไว้เมื่อมั่นใจว่าแห้งสนิทแล้วเท่านั้นจึงค่อยพับเก็บ หากเสื้อที่ต้องรีดให้เรียบ หลังจากทำการรีดเรียบร้อยแล้วควรแขวนผึ่งลมไว้สักครู่ เพื่อให้ไอน้ำหรือสเปร์ยรีดผ้าเรียบระเหยออกจากผ้าให้แห้งก่อนแล้วค่อยเก็บใส่ตู้ ที่สำคัญควรเลือกตู้เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ปริมาณเสื้อผ้าในตู้มีความพอดี ไม่หนาแน่น และตั้งอยู่ห่างจากห้องน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงความชื้นที่อาจทำให้เกิดเชื้อรา หนึ่งในสาเหตุของกลิ่นอับบนผ้า

แค่ปฏิบัติตาม 5 สเต็ปสุดเวิร์คนี้ รับรองว่าสามารถคืนชีพเสื้อผ้าเหม็นเหงื่อให้กลับมาหอมสดชื่นยาวนานตลอดวันได้แน่นอน ซกเหงื่อแค่ไหนก็เอาอยู่! 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook