รีวิว "โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ" แหล่งรวมลูกคนดัง ค่าเทอมครึ่งล้าน คุ้มมั้ยที่จะจ่าย?

รีวิว "โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ" แหล่งรวมลูกคนดัง ค่าเทอมครึ่งล้าน คุ้มมั้ยที่จะจ่าย?

รีวิว "โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ" แหล่งรวมลูกคนดัง ค่าเทอมครึ่งล้าน คุ้มมั้ยที่จะจ่าย?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อแม่ยุคนี้ต่างต้องการเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้ลูกสำหรับลูก Happy Mom.Life มีโอกาสได้เป็นสื่อแรกๆ ที่ได้เข้าไปเยี่ยมชม "โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ" โรงเรียนนานาชาติชื่อดังจากประเทศอังกฤษที่มาเปิดในประเทศไทย ซึ่งมาเปิดในไทยเป็นแห่งแรกของภูมิภาคอาเซียน และเป็นโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่คนดังหลายคนตัดสินใจส่งลูกเข้าเรียน (แอบกระซิบว่า ตอนนี้เหล่าคนดังอีกหลายครอบครัวสนใจติดต่อมาเยี่ยมชมโรงเรียน เพราะเล็งจะส่งลูกเรียนที่นี่กันหลายครอบครัวเลยล่ะค่ะ)

IG : gggubgib36
แม่กุ๊บกิ๊บตัดสินใจส่งน้องเป่าเปาเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ


IG : sena_lingเสนาลิงกับลูกๆ

 IG : c_aguilarคริสตินา อากิลาร์ และ หลานชาย

โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ (Wellington College International Bangkok) เปิดสอนนักเรียนหญิงและชายอายุ 2-11 ปี หลักสูตรการสอนเป็นหลักสูตรแบบบูรณาการและเป็นไปตามหลักสูตรแห่งชาติของอังกฤษ โดยเปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ และแน่นอนว่า ค่าเทอมค่อนข้างสูงตามการดูแลระดับพรีเมี่ยม วันนี้เราจะพาคุณไปดูกันว่า ในรั้วโรงเรียนนี้ มีอะไรที่น่าสนใจ คุ้มไหมหากคุณจะยอมเสียเงินหลักแสนส่งลูกเข้ามาเรียนที่นี่ค่ะ




ล็อบบี้สำหรับผู้ปกครอง

ทันที่ที่ Happy Mom.Life ก้าวเท้าเข้าสู่รั้วโรงเรียน เราก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นใจจากระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยหลายขั้นตอน และการต้อนรับอย่างเป็นมิตร ตั้งแต่ รปภ. หน้าโรงเรียนไปจนถึงคุณครูและบุคลากรทุกคน 

หลังจากทำการแลกบัตร กรอกเอกสารรับรู้กฎระเบียบในการเยี่ยมชมโรงเรียน เราก็เข้ามาส่วนที่เรียกว่า ล็อบบี้ของโรงเรียน ซึ่งจัดแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ที่ล็อบบี้ตรงนี้เป็นส่วนที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้ามานั่งรอเด็กๆ ได้ตลอดทั้งวัน โดยมีร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ เอาไว้คอยบริการ คุณพ่อคุณแม่จะได้พบปะพูดคุยกัน และได้อยู่ใกล้ๆ ลูกอย่างอุ่นใจด้วยค่ะ

ล็อบบี้ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้ามานั่งรอเด็กๆ ได้ตลอดทั้งวัน


สนามกีฬามาตรฐาน

หลังจากเข้ามาในตัวโรงเรียนแล้ว เราก็พบกับสนามฟุตบอลกว้างขวางที่ล้อมไปด้วยลู่วิ่ง 400 เมตรตามมาตรฐาน ให้เด็กๆ ได้เล่นกีฬา ออกกำลังกายกันอย่างปลอดภัยและมีความสุข

 สนามฟุตบอลกว้างขวางที่ล้อมไปด้วยลู่วิ่ง 400 เมตรตามมาตรฐาน

สนามเด็กเล่นที่แบ่งไปตามช่วงวัย

ถัดมาเป็นส่วนของ ห้องเรียนเด็กระดับเตรียมอนุบาลไปจนถึงเด็กอนุบาล ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างน่าสนใจ ห้องเรียนของเด็กๆ แต่ละระดับชั้นจะมีประตูเชื่อมต่อกับสนามเด็กเล่น ซึ่งออกแบบมาให้เข้ากับพัฒนาการของเขา ดังนั้น เด็กเล็กและเด็กโตต่างมีสนามเด็กเล่นที่เหมาะกับช่วงวัยของตนเอง ไม่เล่นปนกัน  เพื่อให้เด็กๆ ได้เล่นอย่างสนุก ปลอดภัย เหมาะสมตามวัยและพัฒนาการ นอกจากนี้ยังทำให้เด็กๆ สามารถเข้าออกระหว่างห้องเรียนกับสนามเด็กเล่นได้ง่าย และมั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะไม่หายออกไปจากอาณาเขตของเขา โดยการเล่นของเด็กเล็กๆ จะอยู่ภายใต้การดูแลของคุณครูที่ทางโรงเรียนคัดสรรมาอย่างเข้มงวด

 เด็กโต ของเล่นจะผาดโผนๆ หน่อย

สนามเด็กเล่นเชื่อมต่อกับห้องเรียน มีรั้วกั้นไว้เพื่อความปลอดภัย


เด็กๆ ได้ปีนป่าย พัฒนากล้ามเนื้อ

 เด็กๆ มีสนามเด็กเล่นของตัวเอง เด็กโตจะได้ของเล่นที่ใหญ่กว่าและสูงขึ้น 

ห้องเรียนของเด็กๆ

การเรียนการสอนของเด็กเล็กๆ จะไม่เน้นวิชาการหนักๆ แต่เป็นการเรียนรู้ผ่านการเล่น ซึ่งเป็นการเรียนที่เหมาะกับพัฒนาการตามวัยของเด็กๆ และทำให้เด็กๆ สนุกกับการเรียนรู้ เพราะทางโรงเรียนเน้นให้เด็กๆ คิดวิเคราะห์มากกว่าท่องจำ 

คุณครูและครูผู้ช่วยจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลเพื่อประเมินอย่างละเอียดเป็นรายบุคคนว่าเด็กๆ มีแนวโน้มพัฒนาไปทางไหนได้ดี เพื่อผลักดันเด็กๆ ให้เติบโตและเรียนรู้ในแบบที่เหมาะกับตัวตนของเขาเอง ทางโรงเรียนจึงต้องจัดมีจำนวนคุณครูและครูผู้ช่วยเพียงพอต่อการดูแลเด็กๆ โดย

- เด็กวัยก่อนอนุบาล จัดให้มีผู้ใหญ่ 1 คน ดูแลเด็ก 4 คน
- เด็กวัยอนุบาล 3-4 ขวบและ 4-5 ขวบ จัดให้มีผู้ใหญ่ 1 คน ดูแลเด็ก 5 คน

เด็กวัยก่อนอนุบาล จัดให้มีผู้ใหญ่ 1 คน ดูแลเด็ก 4 คน 
สวนผักของเด็กๆ

 


เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการเล่น

ห้องเรียนของเด็กโต

โรงอาหาร

ในส่วนของโรงอาหาร มีอาหารหลากหลายให้เด็กๆ ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง หรือมังสวิรัติ เน้นรสชาติอร่อย สะอาด และมีการจัดให้เด็กๆ หลายระดับชั้นได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน โดยให้เด็กโตดูแลเด็กเล็กๆ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง เป็นการสร้างความรู้สึกเป็นครอบครัว และลดปัญหาความรุนแรง (Bullying) ในโรงเรียนได้อย่างเห็นผล

 โรงอาหาร


สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำของโรงเรียนมี 3 สระ ทั้งสระเด็กและสระมาตรฐานขนาด 50 เมตร ตามขนาดของโอลิมปิก สระน้ำสำหรับเด็กเล็ก ทางโรงเรียนเลือกใช้น้ำเกลือเพื่อความสะอาด อ่อนโยนและสุขภาพที่ดีของเด็กๆ

 สระว่ายน้ำมาตรฐานเด็กเล็กๆ ว่ายน้ำในสระน้ำเกลือ

โรงยิมและกิจกรรมพิเศษ

ทางโรงเรียนมีโรงยิมสำหรับเล่นกีฬา เช่น บาสเก็ตบอลที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม กว้างขวาง มีห้องเทรนด์นิ่งสำหรับฝึกกีฬากอล์ฟ และยิมนาสติก ทางโรงเรียนมีกิจกรรมพิเศษมากมายรองรับการเรียนรู้ที่หลากหลายสำหรับเด็กๆ โดยเด็กๆ สามารถเลือกร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ได้ว่าอยากเลือกทำกิจกรรมอะไรที่เขาชอบและเหมาะกับตนเอง 

 โรงยิมกว้างขวาง

เด็กบางคนอยากเรียนเปียโนก็ได้เรียนสมใจ
ห้องสมุดแฟนตาซี

อีกหนึ่งจุดเด่นที่เราคิดว่าสุดยอดมากๆ คือห้องสมุดของโรงเรียน ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นแหล่งเรียนรู้แสนสนุก มีทั้ง “ถ้ำการอ่าน” ให้เด็กๆ เข้าไปนั่งอ่านหนังสือในถ้ำจำลอง โดยมีไฟผูกไว้ที่ศีรษะ เหมือนได้ผจญภัย แอบอ่านหนังสือสนุกๆ ในโลกส่วนตัวที่ลึกลับ และมีสไลเดอร์ให้เด็กๆ ได้เล่นสนุกอีกด้วย เรียกได้ว่านี่จะเป็นอีกห้องที่ถูกใจเด็กๆ แน่นอน

 


ผู้บริหารวิสัยทัศน์ดี

ก่อนกลับ เราได้มีโอกาสได้พูดคุยกับ ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ ประธานกรรมการโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ กรุงเทพฯ และ คุณคริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ครูใหญ่ผู้ดูแลโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งสองอธิบายถึงจุดเด่นของโรงเรียนให้เราฟัง

 ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ ประธานกรรมการโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจ

"จุดเด่นที่สุดของที่นี่คือการโฟกัสเรื่องของบุคคลตั้งแต่ก่อนอนุบาลไปจนถึงเด็กโต โดยเริ่มโฟกัสตั้งแต่เขายังเล็กๆ ว่าเขาเก่งอะไร ด้อยอะไร และใช้เวลาพัฒนาจุดด้อยของเขาให้ดีขึ้นรวมทั้งผลักดันจุดแข็งของเขาให้โดดเด่นที่สุด  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ทางโรงเรียนจึงต้องมีการคัดเลือกบุคลากรอย่างเข้มงวด มีการเทรนด์บุคลากร และดีไซน์สถานที่ให้พร้อมต่อการเรียนรู้ในแบบที่เราวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น"

 คุณคริสโตเฟอร์ นิโคลส์ ครูใหญ่
ได้ฟังแบบนี้แล้ว เราจึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่า ทำไมโรงเรียนนานาชาติเวลลิงตันคอลเลจจึงครองใจผู้ปกครองยุคใหม่หลายครอบครัว เพราะนอกจากความสวยงาม ปลอดภัย กว้างขวางแล้ว แทบทุกอย่างในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็น การออกแบบห้องเรียน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา หรือแม้แต่อาหาร ล้วนผ่านการคิดดีไซน์มาอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็กๆ อย่างแท้จริง

เป็นอย่างไรบ้างคะ การการพาทัวร์โรงเรียนของเราวันนี้ แอบกระซิบว่านี่เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ภายในโรงเรียนยังมีอะไรน่ารักๆ อีกมากมาย และหากคุณพ่อคุณแม่สนใจอยากเข้าชมโรงเรียนเหมือน Happy Mom.Life ก็สามารถทำได้นะคะ โดยโทร. ติดต่อไปที่โรงเรียนเพื่อทำการจองล่วงหน้าได้เลย ทางโรงเรียนพร้อมต้อนรับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook