5 สาเหตุใต้ตาคล้ำ พร้อมวิธีกู้ผิวรอบดวงตาให้กลับมาใสปิ๊ง
กี่วันแล้วที่สาวๆ อย่างเรา ต้องหยิบเอาคอนซีลเลอร์มาใช้กลบรอยคล้ำใต้ตาในการแต่งหน้าทุกเช้า บางคนลองเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ด้วยหวังว่าใต้ตาที่หมองคล้ำจะสดชื่น สดใสมากยิ่งขึ้น แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด วันนี้เราจึงนำข้อมูลดีๆ มาไขข้อข้องใจของสาวๆ กันว่า ใต้ตาแพนด้าของเราเกิดจากอะไรกันแน่ และมีวิธีการแก้ไขอย่างไรบ้าง
1.อาการภูมิแพ้ต่างๆ
ใต้ตาที่ดำคล้ำจากอาการภูมิแพ้ จะเด่นชัดมากจนบางครั้งก็ปรากฏเป็นสีม่วงออกเขียวเลยก็มี ซึ่งแนวทางการรักษาที่ดีที่สุด คือการพักผ่อนให้เต็มที่ พร้อมกับการรักษาอาการภูมิแพ้ที่เป็นอยู่ให้ทุเลาลงไปด้วยนั่นเอง
2.ฮอร์โมนไม่สมดุล
จะพบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่วัยใกล้หมดประจำเดือน สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เมื่อคลอดน้องออกมาฮอร์โมนก็จะปรับสมดุลด้วยตัวเองอัตโนมัติ แต่สำหรับสาวใหญ่ที่ใกล้หมดประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในเรื่องการปรับฮอร์โมน ระหว่างนี้ก็หาอายครีมดีๆ มาบำรุงอย่างสม่ำเสมอไปด้วย ก็จะช่วยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
3.ใช้มือขยี้ดวงตาแรงเกินไป
เมื่อสาวๆ เกิดอาการคันหรือผงเข้าตา อาจเผลอใช้มือไปขยี้บริเวณรอบดวงตารุนแรงเกินไปจนส่งผลให้มีรอยดำคล้ำได้ ทั้งยังอาจเกิดริ้วรอยตามมาได้อีกด้วย ที่สำคัญหากทำบ่อยเข้า ผิวหนังใต้ตาจะหนาขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นหากมีผงเข้าตาและมีอาการคัน ควรค่อยๆ เขี่ยผงออก หรือใช้ผ้าสะอาดเช็ดบริเวณที่รู้สึกคันอย่างเบามือ จะช่วยถนอมรอบดวงตาได้ดียิ่งขึ้น
4.มีเบ้าตาลึก
ในคนที่มีเบ้าตาลึกก็จะทำให้ผิงรอบดวงตาดูคล้ำได้ โดยวิธีแก้ที่จะช่วยได้ก็คือการฉีดสารเติมเต็มบริเวณใต้ตา หรือการทำเลเซอร์เพื่อลดเลือนรอยคล้ำบริเวณใต้ตาโดยเฉพาะ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเป็นวิธีที่ไม่ได้คงอยู่กับสาวๆ ตลอดไป จะต้องมีการกลับไปทำซ้ำใหม่ หากสาวๆ ท่านใดไม่สบายใจกับวิธีการนี้ อาจเลือกเป็นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพผิวโดยรวมที่ดี และใช้การแต่งหน้าที่มีมิติเข้าช่วยแทนก็ได้
5.ผิวใต้ตาแห้งผาก
ปัญหานี้จะเกิดจากการที่ผิวขาดน้ำ ทำให้ผิวใต้ตาแห้งและมีรอยคล้ำ ดังนั้นสาวๆ ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ แล้วต่อด้วยการทาอายครีมที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาโดยตรง ซึ่งก็รับรองเลยว่ารอยคล้ำใต้ตาจะค่อยๆ จางหายไปอย่างแน่นอน
และนี่ก็คือสาเหตุของรอยคล้ำใต้ตานั่นเอง ดังนั้นลองสังเกตตัวเองกันดูว่ารอยคล้ำใต้ตาเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ เพื่อจะได้แก้ไขได้ถูกวิธีนั่นเอง