"มิเรียม ศรพรหมมาศ" ตัวเต็ง "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" กับอีกด้านที่น้อยคนจะรู้

"มิเรียม ศรพรหมมาศ" ตัวเต็ง "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" กับอีกด้านที่น้อยคนจะรู้

"มิเรียม ศรพรหมมาศ" ตัวเต็ง "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" กับอีกด้านที่น้อยคนจะรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มิเรียม ศรพรหมมาศ สาวงามตัวเต็ง ที่คว้า Golden Tiara Ticket ผ่านเข้ารอบ "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" (Miss Universe Thailand 2019) จากรอบคัดเลือก (Audition) เตรียมเดินหน้าลุ้นมงต่อ!


ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับ 60 สาวงาม ที่ผ่านเข้ารอบ "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีสาวงามผู้มากับความสามารถอันหลากหลาย และโปรไฟล์น่าสนใจ ทำเอากรรมการคิดหนักเลยทีเดียว กว่าจะเฟ้นหามาได้


รวมถึงมีชื่อของ "มิเรียม ศรพรหมมาศ" ร่วมลุ้นมงกุฎอยู่ด้วย เธอคนนี้มาแรง เป็นที่พูดถึงในเพจนางงามอยู่บ่อยๆ มากับความสวยโดดเด่น ในวัย 24 ปี พร้อมส่วนสูง 185 เซนติเมตร และมีผลงานการถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชั่นชั้นนำมาแล้วมากมาย

มีเฟซบุ๊ก Budtithon Saarng ได้พูดถึง "มิเรียม ศรพรหมมาศ" เป็นอีกด้านที่น้อยคนจะรู้ เธอเป็นคนเข้มแข็ง สู้ชีวิตดูแลครอบครัวและตัวเองตั้งแต่ยังเด็กๆ 

 "มิเรียม คือ ลูกแกะ ของพ่อแม่"
"เค้าเป็นเด็กที่เข้มแข็ง มุมานะ ขยัน"
"พ่อนับถือน้ำใจของเค้ามาก ที่สู้ชีวิตดูแลครอบครัวและตัวเองตั้งแต่เค้ายังเด็กๆ"

ประโยคบอกเล่าต่างๆ ของ คุณพ่อ ฌาน ศรพรหมมาศ ที่พูดถึงลูกสาว "มิเรียม" ที่เรากำลังอยากให้คุณทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น

"มิเรียม"อยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยสุขสบายเหมือนครอบครัวอื่นๆมากนัก เกิดที่กรุงเทพฯพออายุได้2 ขวบ ครอบครัวของมิเรียมได้ย้ายไปใช้ชีวิตที่เชียงใหม่ในชุมชมแถวๆดอยสุเทพ คุณพ่อฌานและคุณแม่Mellissa ทำงานประกอบอาชีพต่างๆเพื่อหาเลี้ยงลูกๆถึง3 คน Paul พี่ชายคนโต มิเรียม และLevi น้องชายคนเล็ก เนื่องจากครอบครัวไม่ได้มีทุนหรือทรัพย์สินมากพอที่จะส่งเสียลูกทั้ง3ได้เข้าเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็กในวัยเดียวกันตามปกติ คุณพ่อจึงตัดสินใจเลือกที่จะเล่นบทบาทเป็นทั้งคุณพ่อและคุณครูไปในเวลาเดียวกัน 



"ผมเลือกที่จะใช้การสอนแบบhome school กับลูกๆของผม เราจะได้ใกล้ชิดและมีเวลาให้ความรักกับเค้าได้อย่างเต็มที่"

ท่ามกลางเสียงไม่เห็นด้วยจากคนรอบข้าง ว่ามันจะไม่เป็นผลดีกับเด็กๆ ก็ตาม

"จนวันนี้ผมกลับมาคิด ผมรู้สึกละอายใจต่อลูกๆที่ผมไม่ได้supportเค้าได้เต็มที่" 

ไม่เลย...สิ่งที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ให้กับลูกๆและครอบครัวมันมากมายมหาศาลประเมินค่าไม่ได้ นั้นคือ "ความรัก"

เรามีผู้หญิงคนนี้ที่จิตใจดี ฉลาด และอบอุ่นกับทุกๆคนมานั่งเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อคิดและเรื่องราวต่างๆ อยู่ในขณะนี้

"มิเรียมทำงานตั้งแต่ 9 ขวบค่ะ ทำหลายอย่างเลย เลี้ยงเด็ก สอนหนังสือเด็กแถวๆ ชุมชน สอนเลข สอนภาษาเค้า ว่างก็มาล้างจาน เสิร์ฟอาหารเพราะตอนนั้นที่บ้านทำร้านอาหารค่ะ"


คุณพ่อเสริมว่ามิเรียมไม่ชอบแบมือขอเงินพ่อแม่เพราะเค้ารู้สึกไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย นั้นคงเป็นสาเหตุที่มิเรียมเริ่มต้นชีวิตการเป็นนางแบบในวัย14ปี เพื่อหาทุนในการเข้าเรียนโรงเรียนเหมือนๆ กับเพื่อนคนอื่นๆ ซักที มิเรียมได้สมัครเข้าเรียนที่ Grace International School Chiangmaiและจบการศึกษาระดับมัธยมจากที่รร.นั้นในที่สุด

ครอบครัวของมิเรียมเป็นครอบครัวคริสเตียน กิจกรรมทุกๆ วันอาทิตย์คือการไปโบสถ์เพื่อสวดมนต์และทำหน้าที่ของคริสต์ศาสนิกชนที่ดีตามปกติ มิเรียมมีเพื่อนๆ และสังคมที่อบอุ่นแน่นแฟ้นอยู่ที่โบสถ์ในช่วงเวลานั้น จนอยู่มาวันนึงมิเรียมได้รับคำชักชวนจากกลุ่มมิชชันนารีและกลุ่มแพทย์อาสาที่สนิทกันที่โบสถ์ว่า อยากจะร่วมเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้อพยพและกลุ่มคนที่กำลังประสบความเดือดร้อนแถบฝั่งชายแดนหรือไม่

แน่นอน มิเรียมตอบรับคำเชื้อเชิญนั้นแต่โดยดี
"ผมเลี้ยงลูกให้เค้ากล้าหาญ และ แบ่งปัน ที่บ้านเรารักการผจญภัย ถึงครอบครัวเราไม่ได้สบายอะไรนัก แต่เราก็พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนที่เดือดร้อนเสมอ"


นี่คือเรื่องของมิเรียมที่เราแปลกใจและประทับใจในเวลาเดียวกัน เพราะเราไม่เคยรู้จักมิเรียมในมุมๆนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

เหตุการณ์ต่อจากนั้นมิเรียมเล่าให้ฟังอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำให้เรานิ่งอึ้งไป 5 วินาที...

"มิเรียมว่ายน้ำเก่ง มีเรียมเป็นนักกีฬาค่ะ เลยได้รับหน้าที่ รับส่งว่ายพาเด็กและผู้คนจากอีกฝั่งมาอีกฝั่ง55555 ..."

มีเรียมหัวเราะออกมา ในขณะที่เรานั่งมองหน้ามิเรียม 

"ทุกคนมีความหวัง แม้ในวันที่ทุกอย่างมันแย่แค่ไหนก็ตาม "

นั่นคือข้อความสรุปจากเธอ ...พลังงานบวกล้วนๆ ที่เราได้รับจากมิเรียม

"บ้านเราตอนอยู่ที่เชียงใหม่ ใครหิว ใครป่วย ใครไม่สบายหรือไม่มีที่นอน เค้าก็จะมาที่บ้านมีเรียมค่ะ ยารักษาโรคเพียงแค่เม็ดเดียวมันมีความหมายกับคนที่เค้าไม่มีเงินไปซื้อมากแค่ไหน มิเรียมเคยเห็นมาแล้ว"

หลังจากมิเรียมจบการศึกษาจากโรงเรียนในระดับมัธยมที่เชียงใหม่ นั่น มิเรียมได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐ California เพื่อเรียนต่อในระดับสูงขึ้นที่ โรงเรียน Bethel School Of Supernatural Ministry ซึ่งเป็นร.ร.ที่เน้นเป็นภาคปฏิบัติในการเป็นตัวของตัวเอง ที่จะเปลี่ยนแปลงความคิด จิตใจ และช่วยเหลือผู้อื่นในด้านกายภาพและทางจิตใจ

แน่นอนนอกจากชีวิตการเรียนที่มิเรียมทำได้ดีแล้ว มิเรียมยังคงเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยทั้งทางสภาพจิตใจและทางกายภาพอีกด้วย 
รายได้จากการรับเลี้ยงดูและสอนหนังสือเด็กที่เธอทำมันไปพร้อมๆกับการเรียนนั้น สามารถส่งเธอเองให้จบการศึกษาจากที่อเมริกาตามที่เธอตั้งใจไว้

"ความรักจากครอบครัว เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด"

"ประสบการณ์ของมิเรียมทั้งหมด มิเรียมสามารถแชร์ให้ทุกคนได้ฟัง สัมผัส และ รับรู้ว่าช่วงเวลาที่ยากลำบาก เรายังคงมีความหวังเสมอ"

เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้อาจดูเหมือนเรื่องแต่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้กับชีวิตคนๆนึงในวัย24ปี แต่ข้อความทั้งหมดนี้ออกมาจากการเล่าสู่กันฟังของเด็กสาวเรียบๆ ง่ายๆ คนนึงที่ชื่อ มิเรียม

ถึงตอนนี้...เรามองเห็นผู้หญิงที่มีความแข็งแรง มุ่งมั่นและยังสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ อืกมากมาย

"ถ้ามิเรียมตั้งใจจะทำอะไร มิเรียมจะตั้งใจทำมันให้ออกมาดีที่สุดค่ะ"

"มิเรียมลูกสาวผม ผมเลี้ยงให้เค้าแข็งแรง แต่ไม่แข็งกระด้าง และมีความอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน"

จริงตามทั้งหมดนี้ ไม่เคยมีคำขอร้องไหว้วานให้ทุกคนมาช่วยเหลือเธอสักครั้ง แต่ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันเป็นแรงสนับสนุนให้มิเรียมได้ไปถึงจุดที่ฝันเอาไว้


และนี่คืออีกมุมหนึ่งของ "มิเรียม ศรพรหมมาศ" นางงามที่มีความมุ่งมั่น เธอจะคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลมาได้หรือไม่ รอลุ้นและติดตามไปพร้อมๆ กัน


>> "ฟ้าใส" และ "มิเรียม" คว้า Golden Tiara Ticket

>> "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" กับ 8 สาวงามที่ คว้า Golden Tiara Ticket

อัลบั้มภาพ 55 ภาพ

อัลบั้มภาพ 55 ภาพ ของ "มิเรียม ศรพรหมมาศ" ตัวเต็ง "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019" กับอีกด้านที่น้อยคนจะรู้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook