กระแสแรง!! ฟาสต์แฟชั่น มิกซ์แอนด์แมทช์ 5 แบรนด์ดัง
กระแสแรง!! ฟาสต์แฟชั่น เช็คราคา-จับคู่ มิกซ์แอนด์แมทช์ 5 แบรนด์ดัง
เมื่อไม่นานมานี้ H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากยุโรปได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางไป บรรยากาศการเปิดร้านเต็มไปด้วยเหล่าแฟชั่นนิสต้าที่ต่อคิวรอซื้อสินค้ายาวเหยียด และนี้ไม่ใช่ปรากฎการแบรนด์แรกที่มีผู้คนให้ความสนใจเยอะขนาดนี้ แบรนด์ที่เคยสร้างปรากฎการต่อคิวซื้อเมื่อปีที่แล้วคือยูนิโคล่ และต้องรอไปเป็นเกือบ 2 สัปดาห์กว่าคนจะเริ่มซา และนอกจาก 2 แบรนด์ดังกล่าวแล้วยังมีแบรนด์เสื้อผ้าต่างสัญชาติที่เป็นฟาสต์แฟชั่นที่เข้ามาตีตลาดในไทยที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นหนุ่มสาววัยทำงานอย่าง Zara , 21 Forever ,Topshop ฟาสต์แฟชั่นเป็นแฟชั่นที่ไปเร็วมาเร็ว ใช้เวลาในการออกแบบน้อยเน้นไปในการพัฒนาแบบจากการสังเกตการณ์บนแคทวอล์คระดับโลก จึงสามารถลดเวลาการผลิตลง ซึ่งเป็นการช่วยลดทุนและเวลาในการผลิตทำให้ขายเสื้อผ้าได้ในราคาถูกลง เสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่นจึงเป็นที่นิยมสำหรับคนทั่วไปที่สามารถเป็นเจ้าของได้ไม่อยาก
"Zara" แบรนด์เสื้อผ้าจากประเทศสเปน ได้ก่อตั้งเมื่อ 1975 โดย Amancio Ortega และ Rosalia Mera ที่มีนโยบายไม่ต้องใช้ดีไซเนอร์มีชื่อ แต่จะนำแนวความคิดจากแคทวอล์คต่างๆมาพัฒนาแบบที่ใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ ทำให้ซาราสามารถผลิตเสื้อผ้ากว่า 10,000 แบบต่อปีที่กลายเป็นต้นแบบของฟาสแฟชั่นและทำให้ต้นทุนต่ำ สามารถจำหน่ายสินค้าในราคาถูก โดยมีนโยบายไม่ทำโฆษณาแต่จะทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการเปิดร้านใหม่ ด้วยราคาและความเร็วของแฟชั่นทำให้Zara กลายเป็นที่นิยมอย่่างรวดเร็ว ในปี 1980 Zaraได้เริ่มขยายกิจการไปยังต่างประเทศที่เริ่มจากโปตุเกส เปอร์โตริโกและในปี 1989 ได้เข้าไปเปิดในสหรัฐอเมริกา ต่อมาปี 1990 ได้เปิดตัวที่ฝรั่งเศส ปี1992 ได้เปิดตัวที่เม็กซิโกปี1994 เปิดตัวที่กรีซ เบลเยี่ยม และสวีเดน จนปัจจุบัน Zara มีสาขาใน 73 ประเทศทั่วโลก
Zara ยังเคยถูกกล่าวถึงจาก Daniel Piette ผูัอำนวยการฝ่ายแฟชั่นของ Louis Vuitton ได้กล่าวว่า "อาจเป็นนวัตกรรมที่ทำลายล้างร้านค้าปลีกมากที่สุดในโลก" และ Zara ยังถูกกล่าวถึงว่า "เป็นความสำเร็จของสเปน" อีกด้วย
"Uniqlo" เสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นที่ออกแบบมาให้สวมใส่สบาย ราคาไม่แพง เน้นคุณภาพ ที่มีดีไซน์เรียบง่ายธรรมดา ที่กระจายสาขาอยู่ในหลายประเทศ เช่น จีน ฝรั่งเศส มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รัสเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย อังกฤษ และอเมริกา ก่อนจะมาเป็นยูนิโคล่ได้ถูกก่อตั้งโดย นายฮิโตชิ ยานาอิ บริษัท โอโงริ โชจิ (Ogori Shoji) เป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายยี่ห้อ Men′s Shop OS และได้เปิดร้านเสื้อผ้าลำลองสำหรับชาย-หญิงที่มีชื่อว่า "Unique Clothing Warehouse" ใน 1984 แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ทำให้นายฮิโตชิ ยานาอิ ต้องลาออกและเปลี่ยนมือมาเป็น "ทาดาชิ ยานาอิ" ต่อจากนั้นในเดือนกันยายน 1991 ชื่อของบริษัทถูกเปลี่ยนจาก "โอโงริ โชจิ" ไปเป็น "ฟาสต์ รีเทลลิ่ง" (Fast Retailing)
บริษัทได้ดัดแปลงกลยุทธิ์การผลิตเสื้อผ้าจาก "Gap" บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าลำลองชั้นนำของสหรัฐฯมาปรับใช้ ที่เรียกว่า "SPA" (Speciality-store/retailer of Private-label Apparel) ซึ่งหมายถึงบริษัทสามารถผลิตเสื้อผ้าได้ด้วยตนเองและจำหน่ายในร้านค้าของตนเอง ซึ่งก็คือกระบวนการที่ช่วยควบคุมกระบวนการตั้งแต่การวางแผน การผลิต การจัดจำหน่าย ประกอบกับญี่ปุ่นกำลังประสบกับภาวะความตกต่ำทางเศรษฐกิจในขณะนั้น ทำให้สินค้าราคาประหยัดแต่ทว่ามีคุณภาพดีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ขณะที่กลยุทธ์การโฆษณาของบริษัทได้รับการพิสูจน์ว่าเห็นผลได้จริง
"H&M" หรือชื่อเต็มว่า Hennes & Mauritz AB แบรนด์ fast-fashion สัญชาติสวีเดน ที่มีสาขาใน 43 ประเทศทั่วโลก มีลูกจ้างทั่วโลก 94,000 คน มีร้านค้า 2,629 ร้านในเดือนสิงหาคม 2012 และยังเป็นผู้ค้าปลีกเสื้อผ้าใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ตามหลังเพียง Inditex บริษัทแม่ของ ZARA แต่นำ GAP Inc บริษัทค้าส่งเสื้อผ้าสัญชาติอเมริกา ทีมออกแบบของบริษัทจากสวีเดนจะคอยดูแลควบคุมการผลิตของ outsourced กว่า 800 โรงงานในยุโรป เอเชีย โดยแบ่งไปตามพื้นที่ภูมิภาค
จุดเด่นของแบรนด์ H&M ที่มักนำบุคคลมีชื่อเสียงมาช่วยออกแบบคอลเลคชั่นให้ เช่น ในปี 2007 ได้ร่วมกับ Roberto Cavalli นักออกแบบชาวอิตาลีมาช่วยออกแบบคอลเลคชั่นให้และถูกขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ในปีเดียวกันนี้นักร้องดังอย่าง Kylie Minogue ได้มาออกแบบให้และเปิดตัวที่เซียงไฮ้ ประเทศจีนซึ่งเป็นคอลแลคชั่นของฤดูใบไม้ผลิปี 2008 และไม่ใช่เพียงเท่านี้ยังมีผู้มีชื่อเสียงอีกหลายคนที่เคยออกแบบคอลเลคชั่นให้ เช่น Marimekko บริษัทสิ่งทอจากฟินแลนด์ ,นักออกแบบชาว Matthew Williamson , Jimmy Choo นักออกแบบเชื้อสายจีนมาเลย์ในอังกฤษ และล่าสุด Anna Dello Russo บรรณาธิการนิตยสาร Vogue ญี่ปุ่นได้มาออกแบบคอลเลคชั่นเครื่องประดับให้ H&M และจะถูกวางขายในร้าน H&M 140 ร้านทั่วโลก ทั้งยังมีจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของ H&M ด้วย
"Topshop" แบรนด์เสื้อผ้าเครื่องแต่งฟาสต์แฟชั่นจากเกาะอังกฤษ ที่มี 440 ร้านใน 33 ประเทศและมีร้านค้าออนไลน์ ก่อตั้งเมื่อ 1964 โดยปีเตอร์ โรบินสัน ที่จำหน่าเสื้อผ้าวัยรุ่น หลังจากหมดสัญญากับทางห้างที่จัดจำหน่ายสินค้าให้ในปี 1974 Topshop ก็ได้มีร้านค้าที่จัดจำหน่ายเองและในปี 1970 Topman ก็ได้บังเกิดขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าผู้ชาย
Topshop Oxford Circus เป็นสาขาใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในร้านประกอบด้วย บาร์ทำเล็บ ,บริการตัดเย็บ 1 ชั่วโมง ,ร้านทำผม Daniel Hershesonc , EAT คาเฟ่และแซนวิชบาร์รวมถึงบริการจัดส่งภายใน 1 ชั่วโมง โดยเวสป้าสกู๊ตเตอร์หากอยู่ในโซนจัดส่ง โดยสาขานี้มีพื้นที่ 90,000 ตารางฟุต และมีทั้งหมด 5 ชั้น มีลูกค้าใช้บริการ 30,000 คนต่อวัน
"Forever 21" ถูกผลิตจากหลายซับพลายเออร์ทำให้ทำให้คุณภาพ รูปแบบและขนาดแตกต่างกันแล้วแต่ผลิตจากแหล่งใด ในตอนแรกมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ก่อตั้งที่ลอสแองเจลิสและแคลิฟอเนียร์ในปี 1984 โดย Do Won ChangและภรรยาJin Sook Chang ในครั้งแรกใช้ชื่อว่า Fashion 21 เปิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 19814 ที่มุ่งขายในชุมเกาหลีในอเมริกาแต่กลับได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมากที่ไม่ใช่เพียงชาวเกาหลีเท่านั้น หลังจากนั้นอีก 6 เดือนก็ได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็น Forever 21 ขนาดพื้นที่ร้านเฉลี่ยแต่ละสาขาประมาณ 5,000 ตารางฟุต
Forever 21 Retail Inc. ไม่ได้มีเพียงแบรนด์ Forever 21 แต่ยังเปิดร้านที่มีแบรนด์ต่างออกไปดังนี้
Forever 21:เป็นแบรนด์ดังเดิมที่ที่จำหน่ายสินค้าเลียนแบบแฟชั่นเกาหลีและอเมริกา ทั้งผู้หญิง ผู้ชายและเด็ก
XXI Forever: แบรนด์ที่มีขนาดร้านค้าเฉลี่ย 24 ตารางฟุต
For Love21 (store): ร้านค้าเครื่องประดับของผู้หญิงสไตล์บูทีคฝรั่งเศส ที่มีสินค้าตั้งแต่ รองเท้า กระเป๋าถือ อุปกรณ์เครื่องสำอางและอื่นๆ
Forever 21+ (brand): แบรนด์สินค้าสำหรับผู้หญิงไซต์ใหญ่ ที่มีไซต์ XL-3X/12-18
Love 21 (brand): แบรนด์ที่ขายเสื้อผ้าผู้หญิงในสไตล์ร่วมสมัยสำหรับผู้หญิงตั้งแต่อายุ 21 ถึงมากกว่านั้น ทั้งยังมีเสื้อผ้าสำหรับผู้ที่กำลังจะเป็นแม่
Forever 21 Girls:แบรนด์สำหรับเด็กผู้หญิงที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่น
21Men:แฟชั่นเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย