คุณผิวแห้ง หรือ ผิวขาดน้ำ สังเกตได้อย่างไร
ใครๆ ก็อยากมีผิวเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี แต่บางทีผิวกลับแห้ง แตก ลอกเป็นขุย แถมใต้ตาดำคล้ำ ดูไม่สดใสเอาเสียเลย ว่าแต่ปัญหาผิวที่คุณกำลังเจออยู่นั้น เป็นเพราะผิวคุณแห้งจริงๆ หรือแค่ขาดน้ำกันแน่ หากใครกำลังสงสัยว่าแล้วผิวแห้งกับ ผิวขาดน้ำ แตกต่างกันยังไง Hello คุณหมอมีวิธีสังเกตมาฝาก รู้แล้วคุณจะได้บำรุงรักษาผิวได้อย่างถูกต้อง
ผิวแห้ง vs ผิวขาดน้ำ
ผิวแห้ง คือ สภาพผิวที่ขาดซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันตามธรรมชาติของผิวเนื่องจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตซีบัมออกมาไม่เพียงพอ จึงทำให้ผิวแห้งตึง บางครั้งอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น โรคไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) หรือภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ส่วนใหญ่คนที่มีผิวแห้งจะมีรูขุมขนเล็ก เนื่องจากไม่ค่อยมีน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิว รูขุมขนจึงไม่ขยายกว้างเหมือนคนผิวมัน ส่วนผิวขาดน้ำ คือ ภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นหรือน้ำในผิวหนังชั้นบนสุดหรือชั้นขี้ไคล (Stratum Corneum) เป็นปัญหาผิวหนังที่สามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวปกติ ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวมันก็สามารถเจอปัญหาผิวขาดน้ำได้ทั้งนั้น ยิ่งคนที่ผิวมันมากๆ หรือเป็นสิว หากปล่อยให้ผิวขาดน้ำด้วย ผิวก็จะยิ่งแย่เข้าไปอีก
ลักษณะนี้... ผิวขาดน้ำ
ผิวหนังชั้นบนสุดมีเซลล์คีราติโนไซต์ (keratinocytes) เป็นองค์ประกอบหลัก คอยผลิตสารโปรตีนไม่ละลายน้ำ ที่เรียกว่า เคราติน ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกัน ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิว แต่เมื่อผิวขาดน้ำ คีราติโนไซต์ก็ไม่สามารถผลิตเคราตินเพื่อมาปกป้องผิวได้ ผิวจึงสูญเสียความชุ่มชื้น สารระคายเคืองต่างๆ เข้าสู่ผิวชั้นหนังกำพร้าได้ง่าย จนก่อให้เกิดปัญหาผิวตามมาดังนี้
- ผิวระคายเคือง คัน อักเสบ แสบแดง หรือแพ้ง่าย
- รู้สึกได้ว่าผิวเหนื่อยล้า หย่อนยาน
- ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน
- มีปัญหาสิวเห่อ
- ใต้ตาดำคล้ำ
- ผิวทั้งแห้งทั้งมันในเวลาเดียวกัน
- มีปัญหาผิวลอกแตก บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นเลือดออก
- ผิวมีริ้วรอยร่องตื้น
ผิวขาดน้ำอาจเพราะสาเหตุเหล่านี้
-
สภาพแวดล้อม
อากาศและมลภาวะที่คุณต้องเผชิญในแต่ละวัน ไม่ว่าจะภายในหรือนอกอาคาร เช่น อากาศแห้ง แสงแดด อากาศจากเครื่องปรับอากาศ ควันรถ ล้วนแต่เป็นตัวการร้ายที่สามารถดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวและทำให้ผิวคุณขาดน้ำได้ทั้งสิ้น
-
ไลฟ์สไตล์
การใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ก็ถือเป็นสาเหตุสำคัญของผิวขาดน้ำ หากใครเป็นนักดื่ม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม รวมไปถึงคนที่นอนหลับพักผ่อนน้อย ก็ยิ่งเสี่ยงเจอปัญหาผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำหรือไม่ ทดสอบเบื้องต้นได้ที่บ้าน
คุณสามารถตรวจสอบระดับความชุ่มชื้นของผิวเบื้องต้นได้เองง่ายๆ ด้วยการหยิกที่หลังมือหรือแก้มเบาๆ หากผิวของคุณชุ่มชื้นดี ผิวจะยืดหยุ่นและคืนตัวทันทีหลังปล่อยมือ แต่หากคุณปล่อยมือแล้วผิวยังรูปเดิมเหมือนตอนโดนหยิก ผ่านไป 2-3 วินาทีจึงค่อยคืนตัวอย่างช้าๆ แปลว่าคุณอาจกำลังมีปัญหาผิวขาดน้ำ
วิธีบำรุงรักษาผิวขาดน้ำ
ผิวขาดน้ำสามารถบำรุงและฟื้นฟูได้ด้วยการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแทนการเพิ่มน้ำมันในผิว วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยทั่วไปคือ 8-10 แก้วต่อวัน รวมถึงวิธีเหล่านี้
- เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ และใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว หรือมีสารสกัดธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้
- ลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และคาเฟอีน
- เลิกบุหรี่
- ออกกำลังกายเป็นประจำ (ขณะออกกำลังกายควรดื่มน้ำทุก 20 นาที)
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- กินผักผลไม้ให้มากขึ้น
หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้แล้วปัญหาผิวของคุณยังไม่ดีขึ้น นั่นอาจแปลว่าจริงๆ แล้วคุณมีสภาพผิวแห้ง ไม่ได้มีปัญหาผิวขาดน้ำ ควรปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและรับคำแนะนำเรื่องการดูแลผิวและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้อง Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด