สีผิว, เป็นสิว, แผลเป็น 3 ปัญหาผิวกวนใจ
เรื่องผิวๆ เป็นเรื่องเปราะบาง ที่พอเป็นอะไรทีก็ต้องวิ่งวุ่นหาวิธีรักษาให้หาย และหากใครกำลังเผชิญปัญหาเรื่องของผิว 3 เรื่องนี้อยู่ล่ะก็ ลองไปดูวิธีการรักษาให้หายกัน เพื่อผิวสวยไร้ที่ติ
สีผิวไม่สม่ำเสมอ
เกิดได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น รังสียูวี, มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น จากการตั้งครรภ์ การรับประทานหรือฉีดยาคุมกำเนิด หรืออายุหลังการอักเสบของผิวหนัง แม้แต่เรื่องของสีผิวในคนที่ผิวคล้ำจะเกิดการสร้างเม็ดสีได้มากกว่าผิวขาว ซึ่งวิธีแก้ไขก็มีหลายวิธีเช่นกัน เริ่มตั้งแต่การป้องกันแสงแดด โดยการใช้ครีมกันแดดที่มี SPF อย่างน้อย 30 ทาเป็นประจำทุกวัน และก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที ทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง ควรทาทุกบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้า ลำคอ และแขน พยายามหาสิ่งป้องกันหรือปกปิด เช่น หมวก กางร่ม เสื้อ และกางเกงขายาว จากการสำรวจพบว่าสภาพอากาศของประเทศไทยในเวลากลางวันจะมีปริมาณของรังสียูวีที่สร้างปัญหาต่างๆ ให้กับผิวในปริมาณใกล้เคียงกันทุกฤดู
การใช้สาร Whitening เพื่อให้ความขาว สารให้ความขาวส่วนใหญ่จะช่วยลดการสร้างเม็ดสี โดยยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ Tyrusinase ในปัจจุบันมีการผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น Arbutin, Kojic Acid, Licrice, Pycnogenol, Azeleic Acid เป็นต้น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นสารที่ช่วยลอกเซลล์ผิวชั้นบน ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว เผยให้เป็นผิวใส เช่น กรดวิตามินเอ, กรดผลไม้ (AHA) แต่สารกลุ่มนี้มีความระคายเคืองเล็กน้อย
พญ.อรพรรณ ลักษณาวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเลเซอร์ รพ.วิภาวดี
ดูแลผิวให้ไกลสิว
สำหรับการดูแลผิวหน้าก็มีส่วนสำคัญในการป้องกันหรือลดการเกิดสิวได้ โดยลดการรบกวนผิวหน้าให้น้อยที่สุด เช่น ไม่ควรนวดหน้า-ขัดหน้าแรงๆ , สัมผัส-เช็ดถูหน้าบ่อยๆ ไม่ควรแกะหรือบีบสิว ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือแผลเป็นตามมาได้ ไม่ควรล้างหน้าเกิน 2-3 ครั้งต่อวัน ควรทำความสะอาดหน้าเฉพาะในเวลาเช้าและเย็น เพื่อล้างครีมกันแดด เมกอัพ หลังทำกิจกรรมที่ร้อน และมีเหงื่อออกมา เพราะการล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้กระบวนการสร้างเคอราตินของเซลล์ผิวหนังไม่เกิดตามปกติ ส่งผลให้ผิวหยาบ แห้ง ลอก แดง และมีเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ก่อโรคมากขึ้น มีสิวอุดตันเพิ่มมากขึ้น ผิวระคายเคือง หรือสิวผดมากขึ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน ควรเลือกกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 15-30 ขึ้นไป และมีค่า PA++ เป็นอย่างน้อย
พญ.วรพร เบญจาทิกุล Lollana clinic
ลบรอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์
สำหรับการรักษารอยแผลเป็นนั้น ต้องบอกก่อนว่ารอยแผลเป็นมีหลายแบบ แต่ละแบบรักษาต่างกัน รอยนูน รอยบุ๋มก็ต่างกัน แบ่งเป็นกลุ่มง่ายๆ เช่น ถ้าเป็นแผลเป็นที่มีสีแดง เราสามารถยิงเลเซอร์ลบได้ 2-3 ครั้ง หรือแล้วแต่คนบางคน 4-5 ครั้ง ยิงทุกๆ 2-4 สัปดาห์ สามารถลบได้ ถ้ามีความนูน หรือบุ๋มมาเกี่ยวข้องด้วยแต่เป็นสีผิวปกติ ต้องใช้เลเซอร์กรอผิวช่วยได้ แต่ต้องทำหลายๆ ครั้งอีกเช่นกัน ส่วนถ้าเป็นแค่สี อย่างแผลเป็นที่สีคล้ำๆ พวกนี้สามารถยาทาหรือทำทรีตเม้นต์บางอย่างเพื่อผลัดสีผิวออกไปก็จะช่วยได้ดีกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเลเซอร์เสมอไป ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลเป็นร่วมด้วย
ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา อาจารย์ประจำ ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และแพทย์ที่ปรึกษาประจำศูนย์ผิวหนังและศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย (iSKY Center)