8 เรื่องควรรู้และวางแผน…ก่อนซื้อรถยนต์
"แม้ปัจจุบันจะมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกรวดเร็วอย่าง รถไฟฟ้า BTS, รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็ตาม แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายคืนภาษีให้คนที่ซื้อรถยนต์คันแรกสูงสุดถึง 1 แสนบาท ทำให้ปีที่ผ่านมามีคนพากันสั่งจองและซื้อรถยนต์คันใหม่กันเพียบ แต่ในยุคที่น้ำมันแพงเช่นนี้ ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังจะซื้อรถใหม่ล่ะก็ คุณควรรู้และวางแผนยังไงบ้าง...ไปอ่านกันเลย"
1. เลือกยี่ห้อรถยนต์ รถยนต์บางยี่ห้อไม่อยู่ในความต้องการของตลาด หากซื้อไปแล้ว ต้องการขายหรือเปลี่ยนคันใหม่ ราคาที่ได้รับจะตกอย่างรวดเร็วมาก ในขณะที่บางยี่ห้อเป็นยี่ห้อฮิตอยู่ในความต้องการ แม้ว่าใช้ไปหลายปีแล้ว ราคาก็ตกไม่แรงมากนัก และยังอยู่ในความต้องการของตลาดอยู่เสมอ
2. เลือกเครื่องยนต์ ขนาดซีซี ข้อนี้เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานและภาษี ซึ่งกระทบค่าใช้จ่ายของคุณ หากเลือกรถยนต์ที่
ซีซีสูง ปริมาณการใช้น้ำมันก็จะมาก เสียภาษีมาก และถ้าราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายด้วย ในขณะที่ปัจจุบันมีรถยนต์พลังงานทางเลือกออกมาหลายแบบทดแทนการใช้เบนซิน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดีเซล พลังงานไฟฟ้าไฮบริด หรือใช้ก๊าซ รถยนต์รุ่นใหม่ๆ มีการติดตั้งก๊าซจากโรงงานตั้งแต่ต้น ก็จะมีดีไซน์และการใช้งานที่ลงตัวกว่าไปติดตั้งเองภายหลัง
3. เลือกฟังก์ชั่นการใช้รถยนต์ให้เหมาะกับเรา เหมือนกับการวางแผนซื้อสินค้าทุกชนิดที่ต้องถามความต้องการของเราก่อนว่า ต้องการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้าง เช่น คุณต้องการรถยนต์เพื่อใช้ในเมือง หรือขับต่างจังหวัด มีคนนั่งกี่คน ขับคนเดียวหรือรถครอบครัว ถ้าขับคนเดียวในเมืองอีโคคาร์น่าจะเป็นคำตอบที่ช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก
4. เลือกออพชั่น บางออพชั่นต้องเสียเงินเพิ่ม ไม่ได้จำเป็นกับเรา เช่น ติดสปอยเลอร์ แต่เราไม่ได้ขับรถเร็ว ก็ไม่ควรซื้อ และควรต่อรองตัดออกเพื่อที่จะได้ส่วนลดเพิ่มเติม
5. เลือกสี บางท่านเชื่อถือโชคลาง ก็ควรดูก่อนเลยว่า ถูกโฉลกกับสีใด จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อสติ๊กเกอร์มาแปะว่ารถคันนี้สีนั้นสีนี้ และถ้าต้องวิ่งกลางคืน ดึก ๆ เป็นประจำ ควรเลือกรถสีสว่าง เพื่อป้องกันและช่วยลดอุบัติเหตุ
6. เลือกทะเบียน ทะเบียนเลขสวย หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการเลือกจดทะเบียนในกรุงเทพกับต่างจังหวัด ก็มีผลต่อราคาตอนขายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เวลาในการจดทะเบียนก็สำคัญว่าเป็นรถปีไหน หากซื้อรถยนต์ช่วงปลายปี การรอจดทะเบียนช่วงปีใหม่ก็จะดีกว่าเลือกจดทะเบียนในปีเดิม ที่เวลาขายจะดูว่าเป็นรถปีเก่ากว่า
7. เลือกดีลเลอร์ที่สะดวก บริการหลังการขายและค่าซ่อม เป็นค่าใช้จ่ายสำคัญที่จะตามมา รถยนต์บางยี่ห้อก่อนการขายบริการดี หรือการซื้อรถเกรย์มาร์เก็ตราคาถูก แต่เวลาเสียไม่มีใครรับซ่อม หรือบางยี่ห้ออะไหล่แพง ก็อาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าในระยะยาว
8. เลือกจะซื้อด้วยเงินสดหรือเงินผ่อน เพื่อตอบคำถามนี้ คงต้องหันกลับมาดูกระเป๋าสตางค์ของตัวเองก่อนว่า ปัจจุบันเรามีทุนรอนเท่าไร เพียงพอจะซื้อเป็นเงินสดหรือไม่ หรือหากตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเก็บเงินรายเดือนเพื่อซื้อรถยนต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็ต้องมาดูความสามารถในการออมของเราว่าจะสามารถออมให้บรรลุเป้าหมายได้หรือไม่