ไอด้า ไอรดา คุณแม่ป้ายแดงสุดแนว

ถ้าพูดถึงดาราวัยรุ่นที่มาพร้อมกับสไตล์การแต่งตัวสุดแนว หนึ่งในลิสต์ต้องมีชื่อของ ‘ไอด้า-ไอรดา ศิริวุฒิ' เจ้าสาวสุดแนวของหนุ่มแอมมี่-ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ (นักร้องนำวง The Bottom Blues) สองปีกว่ากับการทำงานในวงการ ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาของเธอจากมิวสิกวิดีโอ จนกระทั่งแจ้งเกิดและเป็นที่รู้จักจากการแสดงภาพยนตร์เรื่องเลิฟจุลินทรีย์ รักมันใหญ่มาก ที่รวบรวมดารา วัยรุ่นไว้อย่างคับคั่ง มาวันนี้มีอีกหนึ่งบทบาทที่เธอบอกว่ามีความสุขและสนุกที่ได้ทำ นั่นคือการเป็นคุณแม่มือใหม่ป้ายแดงของลูกสาวสุดน่ารัก ‘น้องลัลลาเบล' มาดูกันว่าคุณแม่ยังสาวคนนี้จะมีวิธีการเลี้ยงลูกอย่างไร

ไอด้า ไอรดา คุณแม่ป้ายแดงสุดแนว

"คุณแม่แบบหนูจะติ๊งต๊อง (หัวเราะ) ด้วยความที่ลูกยังเล็ก ชอบเล่นกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนกัน ไม่ให้เขาเรียกแม่ด้วยนะ (ยิ้ม) จะให้เรียกว่าไอด้ากับแอมมี่ จะสอนให้เขาเรียกชื่อ รู้สึกว่าชอบเป็นคุณแม่ยังสาว (หัวเราะ) อยากให้ลูกเป็นเพื่อนแบบโตทันกัน เรื่องชื่อลัลลาเบลเราตั้งกันตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย (ยิ้ม) มาจากที่หนูไปโยคะชื่อลัลลาบาย แล้วชอบคำว่าลัลลา มันฟังดูลั้นลา เพลงของแอมมี่ก็มีลัน ลัน ลา เขาก็ชอบ บวกกับที่เราดูหนังเรื่องหนึ่งแล้วนางเอกชื่อแอนนาเบล ซึ่งน่ารักดี เราก็เลยเอามารวมกันเป็น ลัลลาเบล ก็ใช้ชื่อจริงและชื่อเล่นเป็นชื่อเดียวกันเลย คนส่วนใหญ่จะบอกว่าน้องหน้าเหมือนแอมมี่ พอเอามาเทียบกับรูปแอมมี่ตอนเด็กยิ่งเหมือนกันเลย

ช่วงที่อุ้มท้องสุขภาพหนูไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ พอคลอดน้องมาปุ๊บก็เช็ก ไทรอยด์ก่อนว่าลูกติดเราไหม ก็มีติดไปแต่เป็นแบบชั่วคราว พอโตขึ้น ภูมิต้านทานดีก็จะหายไปเอง โชคดีที่ลัลลาเบลแข็งแรง ส่วนสุขภาพหนูยังต้องทานยาควบคุมไปเรื่อยๆ เพราะหนูเป็นตั้งแต่กำเนิดไม่มีทางหาย ก็มีผลตอนเลี้ยงน้องบ้าง เหนื่อยเวลาที่อุ้มเขา เพราะเขาตัวหนัก แต่เราตัวเล็กก็จะปวดหลัง แล้วก็อดนอนเพราะดูเขาตลอด พอนอนไม่พอน้ำนมก็จะน้อย คุณแม่ ก็จะทำแกงหัวปลี ไก่ผัดขิง แล้วก็น้ำขิงซึ่งกินวันละหลายแก้วมาก ทานข้าวเสร็จก็จะกินน้ำขิง แล้วก็กินนมอุ่น กินสลับกันแบบนี้ จะช่วยให้น้ำนมข้นขึ้น มีสารอาหารมากขึ้น หนูอยากให้น้องทานนมแม่จนกว่าน้ำนมเราจะหมด แต่ตอนนี้ก็เริ่มน้อยลงแล้ว อยากให้เขาทานถึง 1 ขวบ เพราะยิ่งทานได้เยอะเท่าไรยิ่งดี

ไอด้า ไอรดา คุณแม่ป้ายแดงสุดแนว

ตอนนี้หนูเป็นคุณแม่เต็มตัว ไปไหนมาไหนแบบอิสระเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะต้องอยู่บ้านและให้นมน้องเอง แอมมี่จะช่วยดูตอนกลางคืน พอถึงตอนเช้าก็เป็นเวรของหนู ความคิดเราเปลี่ยนไป ทุกวันนี้คุยกันแต่เรื่องลูก เรื่องอนาคต มันซีเรียสขึ้น จากที่เมื่อก่อนคุยกันจะไม่มีสาระอะไรเลย (หัวเราะ) เราคุยเรื่องลูกกันไปยันลูกจะแต่งงาน เป็นพวกเวอร์ (หัวเราะ) ก็ค่อยๆ วางอนาคตให้เขา อย่างเรื่องศาสนา เรื่องเรียนก็ไม่อยากบังคับ ให้อิสระเต็มที่ แต่มันก็อยู่ที่เราปลูกฝังด้วย หากอยากให้เขาเล่นดนตรี หรือรักในงานศิลปะ อย่างเรื่องเพลงหนูกับแอมมี่ให้เขาฟัง The Beatles อย่างเดียวเลย เพราะเป็นแนวที่เราชอบ แล้วน้องก็ชอบ หนูจะอุ้มเขาแล้วก็เต้นไปด้วย เหมือนเราร้องเพลงนี้ทุกวัน พอร้องเนื้อผิดเขาก็จะรู้ พัฒนาการเขาโอเคน่าจะมาทางนี้

ตอนนี้ลูกเป็นทุกอย่าง เราทำอะไรจะนึกถึงเขาก่อนเป็นอันดับแรก มันมาโดยอัตโนมัติ เหมือนสัญชาตญาณ (ยิ้ม) เราเองก็ต้องเป็นทุกอย่างให้เขาเหมือนกัน ถึงแม้ลูกจะมีทั้งแม่และพ่อ แต่เราก็ต้องเป็นพ่อได้ด้วยในกรณีที่แอมมี่ไปทำงาน หนูเคยบอกกับคุณแม่เหมือนกันว่าเข้าใจความรู้สึกแล้วมันเหนื่อยจริงๆ เพราะเราเหนื่อยมาก ยิ่งช่วงเดือนแรกตื่นทุก 2 ชั่วโมง เพราะเขาหลับสั้นมาก พอเรากำลังจะนอนเขาก็ตื่น ไม่มีเวลานอนเลย น้ำก็ไม่ได้อาบ แต่ก็ทุ่มเทให้เขาเต็มที่ เดือนแรกเรียกว่าเหนื่อยแต่มีความสุข เวลาเขาร้อง เราก็หมั่นเขี้ยว (หัวเราะ)

ช่วงแรกๆ แอมมี่ติดทัวร์คอนเสิร์ตค่อนข้างยาว เขาโทรมาทีไรเราก็ไม่ไหวจะคุยแล้วเพราะเหนื่อย เขาก็ถามว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ แต่พอแอมมี่ได้กลับมาเลี้ยงเองเขาก็บอกว่าเหนื่อยจริงๆ จากที่เป็นโรคนอนไม่หลับทั้งคู่ ตอนนี้พอหัวแปะที่ไหนหลับที่นั่นเลย (หัวเราะ) อยากให้กำลังใจสำหรับคุณแม่มือใหม่ (ยิ้ม) รู้ว่ามันเหนื่อย อย่างหนูโชคดีมีพร้อมทุกอย่าง ไม่เดือดร้อนอะไร ก็ฝากไว้แล้วกันว่า ทำอะไรคิดก่อนว่าตัวเองพร้อมหรือเปล่า เดือดร้อนคนอื่นไหม แต่ถ้าพร้อมก็เต็มที่ได้เลย"

ขอบคุุณภาพประกอบ : อินสตาแกรม idasiriwut